'ชาคริต' รับรู้ข่าวเรื่องหนุ่มของ 'วุ้นเส้น' (คลิป) 

         แม้จะเลิกรากันไปแล้วแต่คนยังจับตามมองเรื่องความสัมพันธ์กับอดีตภรรยา "วุ้นเส้น" วิริฒิพา ล่าสุดในงานเปิดตัวร้านอาหารใหม่ของ ชาคริต โดยอดีตภรรยาก็มีรายชื่อมาเป็นผู้ร่วมงาน เจอตัวพระเอกหนุ่มในงาน "เปิดร้าน KRBB The Boutique " ณ ชั้น 3 ในโครงการ Habito mall ซอย อ่อนนุช  1/1 ได้รับคำตอบว่า

         "คนจับตามองก็ใช่ เพราะผมเองทำงาน เขาก็ทำงาน แต่มันก็เป็นปกติ ถามว่าที่ผ่านมา เคยได้ไปเจอ นัดกันกินข้าว ก็มีนะ ตอนประมาณปลายเดือนมกราคม ก็มีนัดกัน แต่พอผมดีแม่ผมก็เกิดอุบัติเหตุ เป็นโรคลำไส้แปรปรวน ต้องเข้าโรงพยาบาลไป ผมเลยต้องขออนุญาตไปดูแลแม่ (วุ้นเส้นมีข่าวกับหนุ่มๆ เยอะ มีให้กำลังใจมั้ย) โถๆ ข่าวผมก็เยอะนะ แต่เราก็เข้าใจเพราะทุกคนบริสุทธิ์ใจ แล้วทุกคนเป็นพี่เป็นน้องกันหมด  เราก็ต้องพูดแบบนี้นะ เราไม่ใช่คนที่จะมีหน้าที่ไปบอกว่าคนนี้ใช่หรือไม่ใช่ คือทุกคนน่ารักกันหมด ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ผมไม่เอ่ยชื่อดีกว่า แต่ทุกคนเป็นทั้งเพื่อนแล้วก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว เราไม่ได้คิดอะไรเพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยังไง ก็คือเราเข้าใจกัน และผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใคร แค่เขาเข้าใจกันแค่นี้ก็พอแล้ว ถามว่าผมมีแซววุ้นหรือเปล่าเรื่องข่าว ไม่มีนะเพราะผมไม่ใช่คนแบบนั้น เราเห็นใจเขามากกว่าเพราะว่าเราเองก็เจอเหมือนกัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่นะ ทุกคนก็คงสงสัยว่าชาคริตคบใครหรือชาคริตมีใครหรือเปล่า

         เราให้กำลังใจกันตลอด บอกว่าสู้ๆ ถามว่าตอนนี้ยังไม่มีใคร ผมเหงาหรือเปล่า ไม่น่าจะเหงานะ ต้องถามว่าถ้าตอนนี้ผมจะมีใคร ผมจะมีเวลาดูแลเขาหรือเปล่า  เพราะ ผมก็เป็นลูกคนเดียวนะ ผมอยู่แบบนี้มาตลอดเรื่องนี้ผมพูดไป 80 ล้านรอบแล้วไม่ต้องพูดแล้ว (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ยังโสดอยู่ ยังไม่มีเวลาไปดูแลใคร ถ้ามีคนเข้ามาก็ต้องรู้กันอยู่แล้ว ผมอยู่วงการนี้มา 20 ปีถ้าเกิดผมมีใครผมบอกอยู่แล้ว  ถ้าไม่มีก็แค่ไม่มี ไม่ได้เป็นคนไปนั่งคอยหา ตอนนี้ก็ขอดูแลเรื่องร้านและธุรกิจตรงนี้ให้มันรอดก่อน ปีที่แล้ว 1 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว พอถึงวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบวันที่คุณแม่ผมล้ม แล้ววันที่ 28 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ครบรอบผมบวช มีวันหนึ่งผมก็มานั่งคิดว่าในหนึ่งปีมีเรื่องราวมากมาย  พอมาถึงปีนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินต่อ และทำทุกอย่างให้มันเสถียร และมั่นคง

        คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง "ในระยะเวลา 1 ปี กับผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุ 73 ปีแล้วแล้วเขากลับมาได้มากขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวเขาเองไม่ได้อยากอยู่เลยเพราะโรคที่เขาเป็น มันเป็นโรคที่เขากลัวมากที่สุด และมันเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ แต่ ขนาดแม่ป่วยขนาดนี้แทนที่เราจะเข้าไปให้ความอบอุ่นต้องไปดูแลเขา แต่เขากลับทำให้เราเห็นว่า เขาสู้มากขนาดไหน มันยากที่จะเข้าใจนะถ้าคนที่ไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผมหรือได้เจอกับอะไรที่คล้ายๆกัน เขาก็อาจจะเข้าใจแต่ถ้าจะให้ผมไปนั่งอธิบายมันก็คงจะลำบาก  ถามว่ายังมีอะไรที่น่าเป็นห่วงอยู่หรือเปล่า จริงๆมันก็น่าเป็นห่วงทุกอย่างแหละ เพราะเขาเป็นแม่เรา ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาเราก็ต้องคอยดูเขา ในขณะเดียวกัน เราต้องปรับสภาวะความรู้สึกรวมถึงจิตใจของตัวเองว่าถ้าเกิดวันหนึ่งมันสุดทางแล้ว เราจะทำอย่างไร เราจะอยู่ได้ไหม เพราะเราก็อยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็ก ถ้าเราต้องอยู่คนเดียว เราจะเป็นอย่างไร มันมีเหมือนกันนะสภาวะที่จิตเราหล่น แต่พอเราหยุดคิดอีกทีหนึ่ง มันก็คือวงจรของมนุษย์ มันก็ต้องใช้ความเข้าใจ ใช้สัจธรรม และความปลง หลายอย่างการ "เกิด-ดับ" ซึ่งผมเอง มีวันหนึ่ง ที่นั่งนั่งอยู่แล้วจิตมันหล่นวูบลงไป ผมก็ตกใจตัวเอง เป็นเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว ความรู้สึกมันน่ากลัวมาก เราต้องตั้งสติ แต่ผมโชคดีมากที่มันเกิดขึ้นในตอนที่เรากำลังเข้าฉากในละครอยู่ เราเลยต้องรีบดึงตัวเองกลับมา" ชาคริตกล่าวสรุป