บันเทิง

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บิ๊กแอส" คลอดอัลบั้มชุดใหม่ "เดอะ ไลอ้อน" อัลบั้มเต็มแรกของ "เจ๋ง" นักร้องนำ  


    หลังจากรวมพลกันมาได้พักใหญ่ ล่าสุดวง “บิ๊กแอส” ที่มีสมาชิกประกอบด้วย "เจ๋ง" เดชา โคนาโล (ร้องนำ) “อ๊อฟ” พูนศักดิ์ จตุระบุล (กีตาร์) “หมู” อภิชาติ พรมรักษา (กีตาร์) “โอ๊ค” พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ (เบส) และ “กบ” ขจรเดช พรมรักษา (กลอง) ก็ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 8 ของวง ในชื่ออัลบั้มว่า “เดอะ ไลอ้อน (The Lion)” และพวกเขาได้มาบอกเล่าถึงอัลบั้มนี้ให้ “บันเทิง คม ชัด ลึก”
    โดย “กบ” มือกลอง เริ่มเล่าให้ฟังว่า “อัลบั้ม เดอะ ไลอ้อน เป็นอัลบั้มชุดที่ 8 ของวงบิ๊กแอส แต่เป็นอัลบั้มเต็มชัดแรกของเจ๋ง ที่อัลบั้มชุดนี้ ใช้ชื่อว่า เดอะ ไลอ้อน เพราะมาจากเพลงๆ หนึ่งในอัลบั้มนี้ ชื่อเพลงเชิดสิงโต ซึ่งเพลงเชิดสิงโต เป็นเรื่องราวของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องปีนขึ้นไปยอดเสา โดยแบกหัวสิงโต ที่มันใหญ่เกินตัวขึ้นไปด้วย คนที่อยู่ข้างล่างก็โห่ร้องกันไป โดยที่ไม่รู้ว่าข้างบนหนักแค่ไหน ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ก็มีหลายคนที่เป็นแบบนี้ แต่ด้วยความที่เป็นหน้าที่ ก็ต้องทำให้ดีที่สุด เราชอบไอเดียนี้ เราเลยเอาชื่อสิงโตมาเป็นชื่ออัลบั้ม เมื่อมาเทียบกับวงบิ๊กแอส พวกเราก็เจอเหตุการณ์นี้มาก่อน เหตุการณ์ที่ใหญ่เกินตัวพวกเรา” 

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 


    ถามต่อว่าทำไมถึงมองว่า “บิ๊กแอส” ยังเป็นวงที่ไม่ใหญ่พอ ซึ่งเรื่องนี้อ๊อฟเผยว่า "ผมว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เเรกๆ เลย เราก็ไม่เคยคิดว่า พวกเราเป็นวงที่อยู่เหนือใคร เราก็รู้สึกว่า เราก็เป็นวงดนตรีเพื่อนกัน แล้วก็เล่นดนตรีด้วยความสนุก ทุกวันนี้เราก็อยากเก็บอารมณ์นี้ไว้อยู่ การถูกมองว่าเป็นวงรุ่นใหญ่ ทำให้รู้สึกว่าเราอยู่ในช่วงบั้นปลายของวงการยังไงไม่รู้ เราเลยมองว่าช่างมันเถอะ เราเป็นรุ่นอะไรก็ได้ ที่ยังรู้สึกว่าทำงานอยู่ตรงนี้อย่างสนุก ไม่ต้องเป็นรุ่นใหญ่ก็ดีนะ เพราะทำให้เรารู้สึกเฟรชตลอดเวลา และรู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องเอาอะไรมาแบกไว้ ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นวงปิดก็ได้ เล่นก่อนใครก็ได้ไม่ซีเรียสผมว่ามันก็เป็นการยืดหยุ่นที่ดี ไม่ต้องแบบนี้สิ่งที่เรารู้สึกว่าไม่สบายตัว แต่เราไปห้ามใครเขาคิดกับเรายังไงไม่ได้ แต่สำหรับตัวพวกเรากันเองเราก็จะคอยบอกกันว่ามันยังเหลืออีกเยอะนะที่เรายังต้องพัฒนาต่อไป"

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 


    มาถามความรู้สึกของเจ๋งบ้าง กับอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชีวิต นักร้องหนุ่มวง “บิ๊กแอส” บอกว่า ดีใจเพราะอัลบั้มแรก เป็นอัลบั้มอีพีแดนเนรมิต เหมือนเป็นการแนะนำตัวให้คนได้รู้ว่าบิ๊กแอสในยุคนี้ พ.ศ.นี้เป็นแบบนี้ พอมาถึง 11 เพลงในอัลบั้ม เดอะไลอ้อน ถือเป็นก้าวแรกจริงๆ ถือเป็นการก้าวมาอีกหนึ่งสเตป 
    "ถามว่ากดดันไหม ผมว่าเป็นการกดดันในการเข้าห้องอัดมากกว่า เพราะอย่างทุกวันนี้ เวลาออกไปเล่นคอนเสิร์ตเราก็มีความสุขดีเลยไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องไปกดดันเรื่องอะไร และในอัลบั้มนี้ ผมได้มีโอกาสร่วมแต่งเพลงด้วย ในเพลงซิงเกิ้ลต่อไป ที่กำลังจะปล่อยชื่อว่า “บินเข้ากองไฟ” ผมได้มีส่วนเข้าไปช่วย ในการทำทำนอง" เจ๋งบอก ก่อนที่อ๊อฟจะเสริมขึ้นว่า หลังจากที่หยุดพักอัลบั้มแดนเนรมิตไป เพลงนี้เป็นเพลงแรก ที่เจ๋งเอาเพลงนี้มาเล่นให้ฟัง แล้วรู้สึกว่ามันแปลกหู แปลกไปจากสิ่งที่คุ้นเคยกัน ในความเป็นบิ๊กแอส เลยตัดสินใจที่จะลองทำเพลงนี้กันดู ซึ่งเพลง “บินเข้ากองไฟ” จึงกลายเป็นเพลงจุดประกายในการทำอัลบั้มนี้ เลยตัดสินใจ ที่จะใช้เพลงของเจ๋งเป็นแนวทางในการทำอัลบั้มนี้ออกไป เพลงนี้อาจจะไม่ใช่เพลงที่สมบูรณ์ 100% แต่รู้สึกว่าเพลงนี้ เป็นเพลงที่น่าสนใจ เพราะอย่างน้อยเพลงนี้ มันก็มาจากตัวของเจ๋งเอง อัลบั้มนี้ค่อนข้างเป็นอัลบั้มที่ทดลองอะไรหลายๆ อย่าง ในการที่บิ๊กแอสจะมีเพลงกลิ่นไหนได้บ้าง"

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 


    ปิดท้ายที่อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนสงสัย คือปกอัลบั้ม ที่ชื่ออัลบั้มใช้ว่า “ไลอ้อน” แต่กลับใช้ “น้องหมา” มาเป็นโลโก้ โอ๊ค อีกหนึ่งสมาชิกของวง และเป็นเจ้าของน้องหมาที่ขึ้นปกด้วยเผยว่า ที่มาของปกนี้ก็มาจากเพลงเชิดสิงโต ที่เด็กจะต้องแบกหัวสิงโตขึ้นไปเชิดข้างบน ซึ่งไม่ต่างจากน้องหมาที่ต้องมาใส่หัวสิงโต มันเหมือนกับการที่เราจะบอกเล่าความรู้สึกของคนหลายๆ คน ในปัจจุบันที่จะต้องทำอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกินตัว และความเกินตัวของเขาก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจที่จะทำให้มันสำเร็จด้วย ก็เหมือนกับหมาตัวนี้
    จากนั้นวง “บิ๊กแอส” ปิดท้ายถึงอัลบั้มนี้ว่า ปกอัลบั้มนี้เป็นการตีความที่สนุกดี ซึ่งพวกเขาจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่พวกเขาชอบมาก เพราะถ้าดูจากปกแล้ว ก็ตีความได้คือว่า หนึ่งคือจะเป็นเจ้าป่า ถึงแม้จะเป็นหมา แต่ก็จะเป็นเจ้าป่า บอกถึงความทะเยอทะยาน และอีกโจทย์หนึ่งคือให้เป็นเจ้าป่า ทั้งที่เป็นหมาเป็นก็ได้ ซึ่งชีวิตคนก็เป็นแบบนี้ มันแล้วแต่คนมองว่าจะมองในมุมไหน มันเป็นการตีความหมายที่น่าสนใจมาก เพราะชีวิตคนก็เป็นแบบนี้มี 2 แบบคือทำตามความฝันได้สำเร็จก็เท่ไป แต่อีกแบบคือชีวิตมันเลือกไม่ได้อยากทำตามฝันแต่ชีวิตจริงกลับไปอีกแบบหนึ่ง ก็อยู่กับความจริงให้ดีที่สุด นี่คือโจทย์ที่บิ๊กแอสอยากจะสื่อออกมาในอัลบั้มนี้

 

‘บิ๊กแอส ยุค 2016’  กับอัลบั้ม ‘เดอะ ไลอ้อน’ 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ