บันเทิง

จบดราม่าสตวอร์เบอร์รี่  'ฌอห์ณ' วอนหยุดสงครามแบ่งทีม 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ฌอห์ณ" ขอตอบครั้งสุดท้าย ดราม่าสวนสตอว์เบอร์รี่ "เอสเธอร์-เคน" 

          เป็นประเด็นดราม่าจนกลายเป็นศึกแบ่งทีมของอดีตคู่จิ้น "ฌอห์ณ จินดาโชติ" และ "เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา" หลังมีการออกมาแฉกันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถึงคราวหนุ่มฌอห์ณออกมาเผยถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว ในงานแถลงข่าว "คนหล่อขอทำดีของนิตยสารสุดสัปดาห์"

จบดราม่าสตวอร์เบอร์รี่  'ฌอห์ณ' วอนหยุดสงครามแบ่งทีม 

           "มันก็ไม่มีอะไรมาก เพราะทางผู้ใหญ่กับทางผู้จัดการของผม ก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว มันก็เป็นแค่การคุยงานติดต่องานที่ไม่ตรงกันตั้งแต่แรกในตอนท้ายในฐานะผู้ว่าจ้าง ก็เลยต้องถามผู้ว่าจ้างว่าต้องการจะทำงานแบบไหน ต้องการจะทำงานคู่ก็ว่าไปตามงานคู่ ถ้าทำงานเดี่ยวก็ต้องถามลูกค้า ว่าจะเลือกแบบไหน เพราะการจะรับงานอีเว้นท์ของผมไม่เคยมีปัญหาในการทำงานอีเว้นท์ที่ไหนเลย ซึ่งเราเข้าใจว่ากระบวนการในการบอกต่อมันอาจจะมีปัญหาทำให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา แต่ตัวเราเองได้คุยกับทางลูกค้าแล้ว ว่าปัญหามันคืออะไรเข้าใจตรงกันไหม ซึ่งลูกค้าก็โอเค แต่ผมไม่อยากให้พอไปเล่ากันปากต่อปากเรื่องราวเลยบานปลาย ส่วนผมมีหน้าที่ในการชี้แจงปัญหาทุกอย่าง"

          ได้เป็นคนออกปากว่าไม่อยากร่วมงานกับเอสเธอร์ใช่ไหม ? " ผมไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเรายังถามเขากลับไปว่าถ้าจะรับงานคู่ก็ต้องมีการคุยกันไหม เพราะนักแสดงทุกคนจะต้องทราบอยู่แล้วในเรื่องของเรตราคา ซึ่งตอนแรกเรารับงานปกติเหมือนทางที่ผู้จัดการแจ้งไป และหลังจากนั้น 3 วัน เรามารู้จากการโพสต์ของคนอื่นว่าเราต้องร่วมงานกับเขา เราเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้มีปัญหาที่ตัวบุคคล แต่เรามีปัญหาในเรื่องของการคุยงานที่มันไม่เป็นผู้ใหญ่ เรารู้สึกแค่ว่าบอกตรงๆ ก็ได้เพราะผมเป็นนักแสดง จะทำอะไรก็ได้ แค่คุณแจ้งให้เราทราบล่วงหน้าเท่านั้นเอง ถามว่ารู้สึกโกรธไหม ไม่โกรธ ที่บ้านผมไม่มีใครโกรธเลย"

          ทางเอสเธอร์บอกว่าเป็นฌอห์ณที่ไม่อยากร่วมงานด้วย ? " ก็อย่างที่บอก ความจริงก็คือความจริง ผมไม่ได้มาตีโพยตีพาย โชคดีที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการหลายท่านเข้ามาช่วย ผมต้องขอบคุณพี่เอกกี้ด้วยเพราะถ้าไม่ได้พี่เอกกี้ผมก็แย่เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ไม่ได้มีการเคลียร์กัน เพราะไม่ได้มีใครติดต่อมา เราก็เลยไม่ได้ติดต่อไป เนื่องจากเรารู้สึกว่าทุกคนได้บอกเหตุผลในส่วนของตัวเองไปหมดแล้ว ต่อไปถ้าจะร่วมงานก็แค่ดิวงานกันใหม่"

         ในเรื่องของวินัยการทำงานที่ทางออแกไนเซอร์บอกว่าเรามาสาย ? "เขานัดผมประมาณบ่าย 2 และงานเริ่มบ่ายสาม ผมมาตอน 2 โมง 15 ผมยังขออนุญาตเขาไปปัสสาวะอยู่เลย พี่เอกกี้มาตอนบ่าย 2 โมง 15 ผมก็ยังคุยกับแกอยู่ เอาจริงๆ นะ ในฐานะนักแสดงผมคิดว่าเรื่องวินัยเป็นสิ่งสำคัญมาก แค่คุณมาสายก็แย่แล้ว และมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะผิดพลาด ถ้าสมมุติผมมาสายจริง ผมคงเดินไปคุยกับทางเจ้าของงานตั้งแต่แรกแล้ว เพราะในวันงานที่พี่นักข่าวก็อยู่ แต่ผมรู้สึกว่าตัวผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร และผู้ใหญ่ก็อยู่ในงานก็เลยไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร ถามว่างงไหมที่ทางนั้นออกมาพูด ไม่งง เพราะคนเรามีเหตุผลหลายแบบ คนเรามีหลายประเภท เขาก็อาจจะเป็นคนอีกประเภทหนึ่งที่เป็นคนละแบบกัน"

          สามารถร่วมงานกับทางออแกไนเซอร์ทีมนี้ได้อีกไหม ? "จ้างมา คุยให้ตรงแล้วผมจะไป"

          มีดราม่าแจกผลไม้ให้ เอสเธอร์ ? "ผมไม่ชอบนะ ผมไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการแบ่งทีม เพราะสุดท้ายแล้วเราก็ยังเป็นพี่น้องในวงการเดียวกันไม่ช้าหรือเร็วเราก็ต้องเจอกัน ไม่ว่ากับใครก็แล้วแต่ ผมยังอยากมองหน้าแล้วพูดคุยกับเขาได้ปกติ ผมรู้สึกว่าการไปแจกผลไม้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันไม่ใช่เทศกาลนี้ด้วย (หัวเราะ) การแสดงความคิดเห็นสามารถแสดงได้ แต่อย่าไปทำร้ายกัน ส่วนเรื่องที่ผมโดนหาว่าไม่อยากร่วมงานกับทางนั้น ผมคิดว่าเดี๋ยววันหนึ่งเขาก็คงเข้าใจเอง เพราะผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้มีปัญหา แต่ไม่ได้มีการคุยกันนอกรอบเลย เพราะไม่ได้รับการติดต่อมา ผมทราบทุกอย่างจากที่พี่ๆ บอกและรู้จากการลงรูป ซึ่งผมก็รู้สึกว่าทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง เราก็ยึดตามเหตุผลของเรา ผิดก็ว่าไปตามผิดถูกก็ว่าไปตามถูก"

          ไม่อยากอธิบบายอะไรเลยเหรอให้คนที่เขาอาจจะกำลังเข้าใจเราผิด ? "ยิ่งพูดเรื่องมันก็จะยิ่งไม่จบ ผมเป็นห่วงคนในครอบครัวและแคร์คนรอบข้างมากกว่า และงานผมยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ถ้าจะให้มาแคร์แค่งานอีเว้นท์งานเดียวมันก็ไม่ใช่ ถ้าตัวเราผิดแล้วก็ออกมาชี้แจงว่าเราผิดอะไร และเรื่องที่เราพูดมันก็คือรายละเอียดของการทำงานทั้งหมดแล้ว"

           ตอนนี้มีการแบ่งทีมกันแล้ว ? "ผมไม่ได้แต่งทีม ก็จ้างมาอย่างที่บอก ละครถ้าจ้างมาผมก็ไป งานอีเว้นท์ถ้าจ้างมาแล้วถูกต้องตามกระบวนการผมก็ไป ขอแค่ให้ผมทราบล่วงหน้าว่าคุณต้องการอะไรบ้าง ผมคิดว่าในฐานะนักแสดงแค่บอกตรงๆ เราก็ยินดีทำให้"

         ความรู้สึกของเราที่มีต่อ เอสเธอร์ ยังเหมือนเดิมไหม ? "(นิ่งคิด) ผมก็เรื่อยๆ นะ อาจจะมีจุกๆ บ้าง ก็รู้สึกว่าเขาแค่เข้าใจผิด เดี๋ยววันหนึ่งเขาก็จะเข้าใจถูกมันแค่คนที่มองต่างมุม ถ้าเรามองในมุมเขาก็เข้าใจ เพราะถ้าเขารับสารมาแบบนั้นโดยที่ไม่ได้ฟังทั้งหมด ก็อาจจะเข้าใจได้แบบนั้น ก็เลยรู้สึกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวทุกอย่างจะคลี่คลายเองในวันหนึ่ง แต่ผมก็ยินดีจะร่วมงานกับเขานะ และผมพูดวันนี้ก็จะจบวันนี้พรุ่งนี้ผมไม่พูดแล้ว เพราะจริงๆ เรื่องนี้มันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว ทำงานอื่นมาหลายอย่างแล้ว มันจะไม่จบถ้าคุณคิดจะพูดอยู่ ถ้าเรื่องมันจะจบก็คือทุกคนคิดที่จะเงียบ" 

จบดราม่าสตวอร์เบอร์รี่  'ฌอห์ณ' วอนหยุดสงครามแบ่งทีม 

          เรายังร่วมงานกับเอสเธอร์ได้อยู่ใช่ไหม ? "ได้ เพราะทางผู้ใหญ่ พี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) ก็เรียกผมเข้าไปคุยว่า แพลนละครของผมจะเป็นยังไงแล้วอยากร่วมงานกับใครบ้าง" 

          แสดงว่าเรามีแพลนจะได้ร่วมงานกับเอสเธอร์จริงๆ ? " ผู้ใหญ่เขาก็วางๆ กันอยู่ ผมก็ตอบได้แค่นี้เพราะทางน้องเขาอาจจะยังไม่ทราบ เพราะถามพี่ป้อนเขายังไม่ได้คอนเฟิร์มเคาะเรื่อง แต่ถามพี่ป้อนแค่บอกกับผมว่าพี่ยังอยากให้ฌอห์ณร่วมงานกับน้องอยู่นะ เพราะเป็นเคมีที่ดี เดี๋ยวเขาคงหาเรื่องที่เหมาะสมถ้าไฟนอลเมื่อไหร่เดี๋ยวก็คงจะมีคนโทรมาบอกผมเอง ถามว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เราสองคนอาจจะไม่ได้ร่วมงานกันแล้วหรือเปล่า ผมไม่มีปัญหาขอแค่จ้างมาและพูดมาให้ตรง เพราะผมยังต้องทำงานหาเงินจะมาใช้ ถ้าไม่รับงานกับคนนั้นคนนี้ ผมก็คงตาย บ้านผมลำบาก"

          เรายังสนิทใจในการทำงานกับเอสเธอร์ไหม ? "สนิทใจ เพราะว่าไม่ใช่ปัญหาของผมกับน้อง แต่เป็นปัญหาของคนกลางที่คุยงานไม่เคลียร์เท่านั้นเอง"

          เรื่องที่ เคน ภูภูมิ โพสต์ว่าอย่าเห็นแก่ตัว ? "เขาก็ตอบแล้วนี่ว่าไม่ได้หมายถึงใคร เป็นคำสอนดีๆ ก็โอเค ผู้ชายเขาไม่คิดอะไรกันแบบนั้นหรอก มีอะไรเขาก็คุยกับผมตรงๆ มากกว่า ถามว่ายังร่วมงานกับเคนได้ไหม ผมอยากร่วมงานกับช่อง 3 อยู่แล้ว ถามว่าได้คุยกับเคนบ้างไหม ไม่ได้คุย เคยเจอครั้งถึงสองครั้งตามงาน ก็ทักทายสวัสดีกันในฐานะพี่น้อง แต่ก็ไม่ได้ไปโกรธเคืองหรืออะไร เพราะเราก็เข้าใจในมุมของเขา และเขาก็ออกมาพูดว่าไม่ได้หมายถึงเรา ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก" พระเอกหนุ่มกล่าวสรุป 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ