"ไรอัน กอสลิง" กับบทนักเปียโนช่างฝัน ในภาพยนตร์กระแสดี "LA LA LAND"
นักแสดงหนุ่มที่เรียกว่าฮอตที่สุดในช่วงนี้ ผู้เคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ ไรอัน กอสลิง มารับบทนักเปียโนแจ๊สหัวรั้น ที่ไม่ยอมให้อะไรมากั้นขวางตัวเขากับความฝันได้ แม้กระทั่งความรักก็ตาม ใน LA LA LAND ภาพยนตร์เรื่องใหม่ การกลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งที่สามของ “ไรอัน กอสลิง” และ “เอ็มมา สโตน” การันตีคุณภาพ โดย “ดาเมียน ชาเซลล์” ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงจากภาพยนตร์ 3 รางวัลออสการ์ Whiplash ครั้งนี้เขากลับมากับภาพยนตร์เพลงเรื่องใหม่ที่ทำให้จังหวะของเพลงก้องกังวาลเข้าไปในหัวใจของทุกคน
เรื่องราวของ เซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิง) หนุ่มนักเปียโนแจ๊ส ที่มีโอกาสพบรักกับ มีอา (เอ็มมา สโตน) นักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่แล้วพวกเขาทั้งคู่กลับพบว่า ... การตั้งใจในการทำงานเพื่อไล่ตามความฝันของแต่ละฝ่ายดูจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์เริ่มระหองระแหง และต่างฝ่ายต่างประคับประคองความรักของทั้งคู่เพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคให้ได้
@ ในเรื่องนี้คุณต้องทั้งร้องทั้งเต้นเองเลยหรือเปล่า?
แน่นอนครับ
@ แล้วมันเป็นยังไงบ้าง
ไม่รู้สิ คงต้องให้คนดูตัดสินครับ
@ เราเคยเห็นคุณทำอะไรแบบนี้ในหนังเรื่องอื่นมาก่อนไหม
ผมว่าไม่นะ แล้วผมคงไม่คิดว่าคุณจะได้เห็นมันอีกแล้ว ผมทุ่มไปเต็มที่ และผมพอใจกับผลที่ออกมามากครับ ผมได้ประสบการณ์ล้ำค่าจากการทำงานในหนังเรื่องนี้ ดาเมียน (ชาเซลล์) เป็นสุดยอดนักทำหนัง การที่ต้องมาทำหนังสเกลใหญ่ขนาดนี้ ทั้งๆ นี่เพิ่งเป็นหนังเรื่องที่สองของเขาเท่านั้น มันต้องใช้ความกล้าหาญมาก ผมตื่นเต้นแทนคนที่รอดูหนังเรื่องนี้มากครับ
@ ทำไมคุณถึงมาร่วมงานกับผู้กำกับได้
ผมสนใจสิ่งที่เดเมียนทำมาก เพราะเขาอยากทำหนังเรื่องนี้ให้สไตล์คล้ายกับเฟรด และจินเจอร์ ไม่ก็ยุคของจีน เคลลี นั่นเป็นหนังเพลงที่ผมอินมากครับ ความที่เขาอยากให้หนังเรื่องนี้มีภาพที่สวยงามและมีความขี้เล่นอยู่มันยอดเยี่ยมมาก เพราะลึกๆ แล้วผมแอบอยากทำหนังประเภทนี้มาตลอด
@ คุณรับบทเป็นใครในเรื่อง
ผมเล่นเป็น เซบาสเตียน ครับ เขาเป็นคนที่อุทิศชีวิตเพื่อต้องการเป็นนักดนตรีแจ๊สขั้นเทพ ความฝันของเขาคือต้องการมีคลับแจ๊สเป็นของตัวเอง โดยไม่ได้สนใจเลยว่าโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ฮีโร่ของเขาเกิดเมื่อ 70 ปีก่อน ในยุคนี้นักเปียโนแจ๊สของจริงต้องทำงานในบาร์ที่คนไม่แม้แต่จะหยุดคุยเพื่อฟังคุณเล่นด้วยซ้ำ คำถามที่เซบาสเตียนต้องถามตัวเองคือ เขาต้องยอมแลกอะไรบ้างเพื่อให้ได้เป็นศิลปินแบบที่เขาอยากเป็น แต่เขาต้องเปลี่ยนเพราะได้พบกับ มีอา (เอ็มมา สโตน) เขาเห็นว่าความฝันเธอดูจะเป็นจริงได้มากกว่า เขาต้องการช่วยเธอตามฝันครับ ผมคิดว่า เซบาสเตียน ช่วยมีอาทำตามฝันมันง่าย เพราะมันง่ายกว่าไล่ตามฝันของตัวเขาเอง
@ คุณต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ผมฝึกเล่นเพลงพวกนี้วันละ 4 ชั่วโมง ตลอด 3 เดือนครับ ผมคิดว่าคงเบื่อที่จะฟังมันอีกต่อไป แต่ทุกครั้งที่ผมฟังผมยังอินกับมันเสมอ ผมคิดว่าเป็นบทเพลงที่งดงามมาก เราโชคดีจริงๆ ที่มีเพลงนี้ประกอบหนัง ผมอยากเรียนเปียโนจริงจังมาตั้งนานแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่ได้นั่งต่อหน้าเปียโน 3 เดือนโดยไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากฝึกมัน ผมเลยจัดเต็มมาก เป็นช่วงเวลาเตรียมงานที่ผมมีความสุขที่สุดตั้งแต่เป็นนักแสดงมาเลย จริงๆ แล้ว มันไม่มีช็อตโคลสอัพมือเซบาสเตียนไปไหนในเรื่องนี้ หรือใช้นักเปียโนแทน มันคือผมล้วนๆ บทนี้ต้องอาศัยนักแสดงที่ทำงานหนักที่พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองให้กลายมาเป็นนักดนตรีที่เล่าเรื่องราว และผมพร้อมที่จะเป็นคนนั้น
@การเต้นในเรื่องเกิดขึ้นที่ไหนบ้างมีการจัดฉากหรือถ่ายภายใต้การควบคุมบ้างไหม?
เกือบทั้งหมดถ่ายในสถานที่จริงนะครับ มันมีฉากหนึ่งที่เราต้องปิดสะพานทางหลวงถ่ายเลย ที่ทุกคนต้องออกมาเต้นบนหลังคารถ มันออกมาเยี่ยมมาก เราถ่ายกันแบบลองเทกที่เดียวยาวจนจบ การถ่ายทำเองก็ต้องราบรื่นเพราะทีมงานมีเวลาถ่ายทำจำกัด นั่นหมายความได้อย่างเดียว คือ ต้องซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบเมื่อกล้องเริ่มเดิน เพราะความผิดผลาดเพียงนิดเดียวอาจทำงามล่มได้ เราเลยต้องฝึกกันก่อนหน้านั้น 3 เดือน เราจัดได้ตามที่ เดเมียนต้องการในเทกเดียวเท่านั้น สิ่งที่เราทำคือเราใช้พื้นที่ตรงลานจอดรถของสตูดิโอเติมรถปลอมๆ และคนขับเข้าไปเพื่อให้เดเมียน แมนดี (นักออกแบบท่าเต้น) และนักแสดงคนอื่นซ้อมครับ เรามีเวลาจำกัดเมื่อตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียปิดถนน ฉากนี้มันซับซ้อนมาก แต่ออกมาลงตัวในแบบที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราทำได้ยังไง
@ นั่นมันทำให้คุณกดดันบ้างไหม
มีบ้าง ผมและเอ็มมาต้องซ้อมกันเป็นเดือนๆ เพราะเราต้องการถ่ายในช่วงเมจิก อาวเวอร์ มีเวลาให้เราได้เล่นกันแค่ 4–5 เทกเท่านั้น เราต้องทำมันให้ได้
@ คุณรู้สึกถึงความเป็นแอลเอบ้างไหมระหว่างการถ่าย LA LA LAND?
เกือบตลอดเวลาครับ ผมอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้จริงๆ ทีมงานทำเหมือนแอลเอ เป็นตัวละครตัวหนึ่งของเรื่องเลยล่ะ บทที่ผ่านๆ ของผมมักจะเล่นเป็นคนมีปม หม่นหมองตลอดเวลา มันทำให้ผมเครียดตอนแสดงพอสมควรนะ การแสดงหนังเรื่องนี้ และ TheNice Guys (ผลงานก่อนหน้าของเขาที่ร่วมแสดงกับ รัสเซล โครว์) มันทำให้ผมได้เล่นเป็นคนพูดมากบ้าง มันสนุกที่ได้ทำให้คนดูหัวเราะและมีความสุขไปกับตัวละครที่ผมเล่นครับ
@ มีวิธีไหนช่วยให้คุณเข้าถึงตัวละครเพิ่มบางไหม?
สำหรับผมเสื้อผ้าเป็นเรื่องสำคัญนะ มันช่วยให้ความเป็นเซบาสเตียนโดดเด่นขึ้น เขาไม่จำเป็นต้องดูทันสมัย แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นแต่งทั่วไป มันต้องเป็นลุคที่เขาสามารถพัฒนาในอนาคตได้ครับ เขาเป็นคนที่คุณจะไม่มีวันเห็นใส่เสื้อยืดธรรมดา เขาเลือกใส่อะไรที่แทนการพูดให้เกียรติประเพณี และกาลเทศะเสมอ ถ้ามีภูเขาเมาท์รัชมอร์ ที่เปลี่ยนจากหน้าประธานาธิบดีเป็นนักออกแบบเสื้อผ้าแล้วล่ะก็ ต้องมีหน้า แมรี ซอเฟรส อยู่บนนั้น เธอเป็นหนึ่งในนักออกแบบเสื้อผ้าที่เก่งที่สุดอย่างแท้จริง เสื้อผ้าของเธอช่วยให้ผมเข้าถึงยุค 40 และปัจจุบันครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง