'ชาคริต' อึ้ง! แม่บอกไม่อยากอยู่แล้ว(ชมคลิป)

         เป็นพระเอกหนุ่มที่ต้องอัพเดทเรื่องราวชีวิตส่วนตัวตลอดเวลา สำหรับ ชาคริต แย้มนาม  ล่าสุดเมื่อเจอกับนักแสดงหนุ่มต้องถามไถ่ว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง ชาคริตเผยให้ฟังดังนี้ 

         "ไปทำบุญที่กัมพูชา ไปเจอพระอาจารย์ที่เป็นสังฆราชที่กัมพูชา ไปกับอาหนิง(นิรุตต์ ศิริจรรยา)ไปสร้างวัด และพาพระอาจารย์ของเราไปเจอพระที่นั่น ไม่ได้อธิฐานอะไรเป็นพิเศษ เป็นการทำบุญปกติอย่างที่เราทำบ่อย ๆ อยู่แล้ว เดี๋ยววันที่ 22-23 มกราคมนี้ก็มีสร้างพระประทานด้วย จริง ๆ ผมทำบุญเรื่อย ๆ มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ทำมาตลอด แต่ไม่เคยบอกใคร เพราะไม่รู้ว่าทำไมเวลาทำบุญต้องบอกคน ก็โดนด่าอยู่ดี ล่าสุดที่ไปทำก็ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย (มีภาพหลุดเรากอดกับสาวที่ทะเล)เป็นภาพหนังเรื่อง แฟนเก่า ก็พยายายามกันเข้าไป เดี๋ยวฟ้องนะ(หัวเราะ) 

 

 

         ถามรู้สึกยังไงที่โดนขุดภาพแบบนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ที่ผ่านมาผมอยู่ของผมเฉย ๆ ไม่เคยทำอะไร ว่าไงก็ว่ากัน ขุดออกมาก็รู้อยู่ว่ามันไม่จริง ผมว่าพวกเราก็เข้าใจอยู่แล้ว ดูกันตามเนื้อผ้า แต่เกรงใจกันนิดหนึ่งก็ดี ถามว่ากระทบกับจิตใจผมไหม ก็มีบ้าง ก็อย่างที่รู้ตอนนี้ก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน คุณแม่ยังอาการหนัก ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะยื้อชีวิตเขาไว้ ผมโฟกัสตรงนั้นมากที่สุดแล้วตอนนี้ เพราะถ้าเขาเป็นอะไรไปก็คงไม่ฟื้นขึ้นมาให้เราได้ยื้ออีกแล้ว" ชาคริตบอก

 

 

         ถามถึงอาการคุณแม่เป็นยังไงบ้างพระเอกหนุ่มเผยว่า “ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ เดินได้ แต่เรื่องความจำ ในการสื่อสารก็ต้องลุ้นเอาวันต่อวัน มันจะมีวันร้าย สมมุติว่าพาเขาไปไหนไกลๆ เขาก็ต้องมารีเซ็ตสมองใหม่ว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน เวลาพาไปเที่ยวต่างจังหวัดก็คงไม่ได้ เขาอยากจะกลับบ้าน ถือว่าเป็นเรื่องลำบาก เราจะไปขัดใจเขาไม่ได้ ต้องเข้าใจเขาจริงๆ ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ที่เรายื้อเขาไว้ จริงๆ เขาอยากจะไปด้วยซ้ำ ตอนที่เขาล้ม เขาเคยบอกไว้นานแล้วว่า ถ้าเขาเป็นแบบนี้อย่าเอาเขาไว้นะ เพราะเขาเป็นคนที่ทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด เขารู้ว่าตัวเขาต้องเป็น เพราะเป็นตามกรรมพันธุ์ พี่น้องของแม่ทั้ง 4 คนเป็นกันหมด อย่างผมเองวันหนึ่งก็ต้องเป็น แม่พูดกับผมตั้งแต่เด็กจนผมชิน พอเวลาเกิดขึ้นจริงๆ เราปล่อยเขาไปไม่ได้ เพราะเราเชื่อว่ามันหายได้ และเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง เสมือนเขาตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับมาดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เขาอายุ 70 กว่า แต่คุณหมอยังบอกว่าเป็นปฏิหาริย์ เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีอาการสโตรกคือเส้นเลือดในสมองแตกอย่างเดียว ยังมีลิ่มเลือดในหัวใจด้วย เขาอยู่โรงพยาบาล 2 เดือนเต็ม ไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากให้ยาปรับความดันอย่างเดียว ผมขอบคุณทุกๆ คน ทั้งคุณหมอ เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ที่ดูแลคุณแม่แทนผม แต่ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้มันก็จะไม่ทำให้เราเข้มแข็ง หมอบอกโรคนี้เป็นกรรมพันธ์ุ ถามว่ากังวลไหม เพราะว่ามันเป็นกรรมพันธุ์ ผมไม่สนใจหรอก ไม่กลัว ถ้าจะเป็นก็ต้องเป็น มันเป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้เราอย่าไปคิด ใช้ชีวิตตอนนี้ก่อน เราพยายามดูแลตัวเราให้ดีที่สุด ตัวผมเองมีเรื่องความดันบ้าง เพราะว่าทำงานเยอะ พักผ่อนไม่เป็นเวลา ต้องหาเวลาพักผ่อนเยอะๆ ดูแลสุขภาพจริงเราให้ดีๆ”ชาคริตบอก

 

         ผู้สื่อข่าวถามว่าแต่คนยังจับตาเรื่องสาวคนใหม่ของชาคริต “ไม่เป็นไร ตอนนี้คงยังไปเรื่อยๆ ก่อน เราเองก็เป็นคนมีเพื่อน เพื่อนๆ เริ่มชินแล้ว ญาติพี่น้องก็ชิน เมื่อก่อนไม่ค่อยมีใครกล้าออกมากินข้าวกับผม เพราะเขาไม่อยากตกเป็นข่าว ตอนนี้หัวใจผมยังนิ่งๆ ไม่มีอะไร ผมไม่ได้ปิด มันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมไม่มีเวลาไปนั่งนึกถึง และไม่ได้คิดด้วย เพราะสุดท้ายแล้วมันไม่ได้ยากที่คนจะคบกัน คนอาจจะมองว่าเป็นผมคงจะง่ายแต่จริงๆ มันไม่ง่ายหรอก(เรื่องบ้านถึงไหนแล้ว)ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี แต่ยังไงก็สร้างปีนึ้ ตอนนี้มีโอกาสใหม่ๆ เข้ามา อย่างรุ่นพี่ที่ทำโครงการในหมู่บ้าน ก็ยื่นขอเสนอมา เพราะเขาเห็นว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ เราก็คิดมีความคิดว่าจะขาย หรือเก็บไว้ เรามีความคิดว่ายังไงก็สร้างบ้าน แต่ไม่รีบ(ช่วงนี้วุ้นเส้นดูสวยเซ็กซี่ขึ้น )เขาดูสวย และดูดีอยู่แล้ว ถามว่าห่วงเขาไหม ไม่หรอก มันชีวิตเขา จริงๆ ผมก็ห่วงอยู่ตลอด แต่เราไม่ได้นั่งจูจี้ เพราะเขาก็ไม่ได้มาจูจี้อะไรกับเรา รู้แค่ว่าป็นห่วงกันอยู่ก็พอ มีอะไรก็สามารถปรึกษากันได้ตลอด คริสต์มาส ปีใหม่ มีอวยพรกัน แต่ไม่ได้เจอ ของขวัญก็ไม่มี” ชาคริตกล่าวปิดท้าย