
บนเส้นทางความฝันที่มาไกล กับความตั้งใจมุ่งมั่นของ ‘คิม’
เป็นนางเอกสาวสวยที่เป็นขวัญใจใครหลายๆคน สำหรับ“คิม” คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ วันนี้ “คม ชัด ลึก” จะพาไปพูดคุยทำความรู้จักกับสาวสวยคนนี้ให้มากขึ้น
อัพเดทผลงานละคร
@@ตอนนี้มีถ่ายทำละครเรื่องอะไรอยู่บ้าง
มีถ่ายทำเรื่อง “บ่วงหงส์” และ “คมแฝก” สำหรับบ่วงหงส์น่าจะได้ชมต้นปีหน้า แต่คมแฝกอีกนานเลย เพราะว่าเพิ่งเปิดด้วย แต่ 2 คาแรกเตอร์ใน 2 เรื่องนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย สำหรับใครที่คิดถึงอยากฝากให้รอติดตาม
@@ใน “บ่วงหงส์” คาแรกเตอร์เปลี่ยนไปเลย บทบาทเป็นอย่างไร
ใช่ ช่วงแรกจะเหวี่ยงวีน แต่จริงๆแล้วคาแรกเตอร์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องแรกหรอก คนจะเห็นบ้างแล้ว แต่ก็สนุกดี ป้าแจ๋ว (ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์)เป็นทั้งผู้กำกับและผู้จัดด้วย ความท้าทายของเรื่องบ่วงหงส์ คือ ต้องมาเป็นเด็กเสิร์ฟ แล้วต้องมาเสิร์ฟจริงๆ นี่แหละคือความท้าทายของคิม (หัวเราะ) มันยากมากจริงๆนะ และฉากที่ต้องยืนมันเยอะมาก เราไม่เคยได้นั่งเลย แล้วทุกคนก็จะเรียกว่าเป็นตัวยืน (หัวเราะ) เพราะยืนตลอด ตอนนี้ก็เลยเข้าใจเลย ว่าพนักงานเสิร์ฟเขาเหนื่อยแค่ไหน ก็ได้ความรู้ไปด้วย ตอนนี้คือเสิร์ฟได้สบายแล้ว โปรแล้ว
@@ได้ร่วมงานกับ “เจมส์” จิรายุ ตั้งศรีสุข เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนแรกเราก็เกร็งๆเหมือนกันนะ เพราะว่าที่ช่องก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ พอมาเจอกันในเรื่องนี้ที่ต้องมาเล่นละครด้วยกัน พอได้มาคุยกับเขาจริงๆ ตอนแรกเราก็คิดว่าเขาจะเป็นคนเก็บตัวไหม เห็นเป็นคนอาร์ตๆ แบบเล่นกีตาร์อะไรแบบนี้ แต่ว่าพอได้มาร่วมงานกันจริงๆ เปล่าเลยนะ พอได้มาทำความรู้จักก็เหมือนเพื่อนกัน เป็นเพื่อนกันก็ได้ถึงแม้จะอายุห่างกัน เพราะคิมแก่กว่า (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็ซี้กัน ทำงานด้วยกันง่าย
@@มาอีกเรื่องอย่าง คมแฝก ละครบู๊ บทบาทของคิมเป็นอย่างไร
อันนี้จะเป็นเรื่องแบบผู้ชายเลย แอ็กชั่น ย้อนยุคด้วย ย้อนไปในปี 2500 เป็นพีเรียดไปเลย รีเมกด้วย แต่เรื่องนี้กดดันนิดหน่อย เพราะว่าเรตติ้งเขาดีมากในตอนนั้นที่ทำ ที่พี่นุ่น (วรนุช ภิรมย์ภักดี) เล่นไว้ พอมาถึงตาเรา เราก็ทำตามบท แต่เรื่องนี้จะเน้นไปทางผู้ชาย เพราะว่าบู๊เยอะมากๆ เราก็ต้องบู๊ด้วย พอได้มาเล่นบู๊ กลัวนะ จริงๆอยากเล่นนะ แต่พอมาเห็นระเบิดจริงๆ อยู่ใกล้ตัวนิดเดียว คิมนี่ขาสั่นเลย และต้องยิงปืน มือขวายังยิงไม่ถนัดเลย ต้องมายิงมือซ้าย เดี๋ยวต้องไปฝึกอีกเยอะเลย ขับรถเกียร์กระปุกด้วย เพราะว่าขับไม่เป็น เป็นคนกลัวม้ามาก เพราะว่าเคยโดนม้าถีบมาแล้ว ก็ต้องมาขี่ม้า
@@เรื่องนี้หลายคนจับตามอง ได้กลับมาร่วมงานกับ “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ อีก
ก็ดี เป็นบทบาทที่เปลี่ยนไปด้วย เพราะเราจะเล่นแต่กุ๊กกิ๊กมาตลอด แต่เรื่องนี้จะมีความเรียลขึ้นมาหน่อย และเป็นความรักที่มีความสัมพันธ์อะไรก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว เพราะเราโดนเขาทิ้งมา เราเป็นน้องของศัตรูเขา เลยรักกันไม่ได้ เขาเลยทิ้งเราไปแต่งงานกับคนอื่น ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์มาลึกซึ้งพอสมควร ตั้งแต่เปิดเรื่อง แต่ถามว่าจะมีกุ๊กกิ๊กบ้างไหม มันก็จะมีความฟินนิดหนึ่ง เพราะตัวอัญชัน เขารักเดียวใจเดียว ไม่เคยลืมความรัก
@@อย่าง หมาก เตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพราะต้องบู๊หนักมาก
เขาก็ฟิตหุ่น เพราะเขาต้องถอดเสื้อ และเล่นกับพี่ก็อต (จิรายุ ตันตระกูล)ด้วย พี่ก็อตเขาก็หุ่นขนาดนั้น เขาก็บ้าพลังด้วย ในกองนี่บ้าพลังกันมาก แข่งกันมาก มีท่าพิเศษอีกเป็น 10 กว่าท่าของคมแฝก บรรยากาศในกองนี่ก็เป็นแบบแมนๆดี แมนมาก ทำให้เราต้องมีการปรับตัว แต่สนุกดี ได้ไปเปิดหู เปิดตา ได้ทำงานกับพี่นก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช)
@@ภาษาการพูด ต้องปรับอย่างไรบ้าง ด้วยความที่เป็นย้อนยุค
ต้องปรับเสียงต่ำลงมามากๆ ยากมาก เพราะคิมเป็นคนเสียงสูง เสียงลอย จะชอบลืมตัวเวลาต้องตะโกน พอทำเสียงต่ำมันจะเหนื่อย
@@ได้มีโอกาสเล่นละครรีเมกเรื่องดังมาหลายเรื่อง รู้สึกอย่างไรที่พอเรามาเล่น ละครก็ยังดังอยู่
อย่างที่บอกว่ามันต้องมีกดดันนิดหนึ่ง แต่ว่าเราก็ยึดบทของยุคนี้ไว้ก่อน และอะไรที่ผู้กำกับต้องการ เราก็จะฟังเยอะๆ และพยายามทำให้เต็มที่เท่าที่จะทำได้ สำหรับคิมแล้ว คิมจะใช้วิธีเริ่มใหม่เลย มันคือยุคใหม่แล้ว เราก็ทำให้เข้ากับตัวเราด้วย
ผลงานโฆษณา
@@ความรู้สึกที่ได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์กับทางมิสทิน รู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติมากๆที่ทางมิสทินเลือกคิมมาเป็น 1 ในนางฟ้า (ยิ้ม) ก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว สำหรับผลิตภัณฑ์ของมิสทิน ซึ่งใช้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วจริงๆ ก็จะรู้ว่าตัวนี้เป็นแป้งของพี่อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) ตัวนี้เป็นแป้งของพี่พลอย (เฌอมาลย์บุญยศักดิ์) เห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เหมือนฝันเป็นจริง ได้มาร่วมงานกับทางทีมงานที่น่ารักมากๆ ของคิมเป็นตัว “มิสทินวีนัส” แป้งพัฟเนื้อบางเบา สามารถที่จะใช้ได้สำหรับคนไทยก็คือโปะเข้าไป ไม่หลุด ไม่แตก และคิมได้ใช้จริงๆ ใช้ถ่ายละครอะไรแบบนี้
@@อย่างที่ได้เห็นกันว่า พรีเซ็นเตอร์มิสทิน แต่ละคนเป็นนางเอกแถวหน้าทั้งนั้นเลย รู้สึกอย่างไรบ้างที่วันหนึ่งได้รับโอกาสนี้
ปลื้ม อย่างที่บอกดีใจ ดีใจมากกว่านั้นก็คือ เรากับทีมงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน เลยรู้สึกเหมือนมีครอบครัวขึ้นมาอีกหนึ่งครอบครัว ก็ดีใจ
@@มีเคล็ดลับในการดูแลความสวยความงามอย่างไรบ้าง
คิมจะเน้นออกกำลังกายมากกว่า จะควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายอาทิตย์ละประมาณ 3 ครั้ง จะวิ่งครึ่งชั่วโมงที่บ้าน ถ้าไม่มีเวลาไปฟิตเนส พยายามจะเบิร์นออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถ้าไปฟิตเนสก็จะมีเทรนเนอร์ บอกเขาว่าวันนี้อยากได้ขา ได้แขน จะพยายามเบิร์นให้ได้มากที่สุด เพราะว่าคิมจะชอบทานด้วย ก็จะควบคุมน้ำหนักไม่ทานอาหารเย็น แต่จะไม่ได้หักโหมนะ
แพลนโปรเจกท์ต่อจากนี้
@@โปรเจกท์ต่อจากนี้ มีวางแพลนอะไรไว้บ้าง
หวังว่าปีหน้าจะเรียนจบตามที่วางเป้าหมายไว้ เพราะตอนนี้ทำหนังสั้นไปแล้วเป็นธีสิสเป็นโปรเจกท์จบ พี่หมากก็มาเล่นให้ด้วย แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง แต่เอาเป็นว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่เคยมีใครเห็นคิมกับพี่หมากเล่นแบบนี้ และเป็นอะไรที่คิมอยากเล่นด้วย โปรเจกท์นี้เป็นโปรเจกท์ทำเดี่ยว เป็นผู้กำกับ ผู้จัด เป็นคนเขียนบท ทำทุกอย่างเล่นเองด้วยพอใกล้จะเรียนจบเราก็ดีใจ แต่การทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย สำหรับคิมก็ไม่ได้ยาก เพราะว่าเรียนมหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องเรียนทุกวัน และโชคดีที่กองเข้าใจ
@@พอได้มาลองทำงานเบื้องหลัง รู้สึกอย่างไร ชอบไหม
รู้สึกว่าไม่ทำอีกแล้ว และก็ต้องเลือกทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้การแสดงก็คงเป็นเรื่องที่เราถนัดที่สุดแล้ว (หัวเราะ) งานเบื้องหลังมันควบคุมเยอะเกินไปมันเหนื่อยมาก แต่ทำให้เราเข้าใจผู้กำกับ ผู้จัดดีมากเลยตอนนี้ อย่างตอนไปถ่ายละครเรื่องบ่วงหงส์ ยังบอกป้าแจ๋วเลย ว่าหนูเข้าใจป้าแจ๋วแล้วจริงๆ
สิ่งที่ได้จากวงการบันเทิง
@@ข้อคิดดีๆที่ได้จากวงการนี้ของคิม
คิมว่าวงการนี้ทำให้คิมโตขึ้นเยอะมากเลย คิมว่าตอนนี้คิมเหมือนคนอายุ 40 ได้แล้ว (หัวเราะ) กับประสบการณ์ในวงการนี้ มันก็เลยทำให้คิมได้เพืื่อนที่แบบ จะไม่ค่อยมีเพื่อนอายุเท่ากันเลย มีแต่รุ่นพี่ เพื่อนจะมีญาญ่า (อุรัสยาเสปอร์บันด์)กับมาร์กี้ (ราศรี บาเลนซิเอก้า)หรือเพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เด็ก แต่เพื่อนใหม่ๆจะมีแต่พวกรุ่นพี่ๆที่สนิทกัน วงการนี้ทำให้คิมได้เรียนรู้อะไรเยอะ ได้เจอคนมากมาย ได้เรียนรู้คนเยอะมาก เจอทั้งเพื่อนที่ดี เพื่อนตาย และเจอทั้งคนไม่ดีก็เจอ ก็เลยเป็นประสบการณ์ ได้มองเห็นคนมากขึ้นในหลายๆมุม
@@เคยคิดบ้างไหมว่าวันหนึ่งจะได้มาเป็นคิมแบบทุกวันนี้
ไม่คิดเลย จริงๆอาชีพนักแสดง คือ อาชีพความฝันของคิมอยู่แล้ว คิมอยากเป็นนักแสดง เข้ามาก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นนางเอกด้วย ขอแค่ได้แสดงอะไรก็ได้ไม่ได้ตั้งความฝันเอาไว้สูงขนาดนั้น แต่พอได้มาเล่นละครเรื่องแรกปุ๊บก็ดีใจ และถือว่าความฝันเป็นจริงเลย
@@คิดว่าผู้ใหญ่มองเห็นอะไรในตัวเรา ถึงได้มอบโอกาสให้ต่อเนื่อง
โห...ไม่รู้เลย เพราะตอนนั้นก็อ้วนมากด้วย ละครเรื่องแรก (หัวเราะ) เราก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาก็แค่ไล่ไปลดความอ้วน เราก็ไม่เชื่อ เรารู้สึกว่าเราก็ไม่อ้วนไงตอนนั้น เราก็ดื้อ แต่พอได้มาดูย้อนหลัง มันก็อ้วนมากจริงๆ ต้องเห็นเอง คิมก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องการวางตัวในการทำงานในวงการ อันนี้มันแล้วแต่คน แต่คิมจะเป็นคนที่ตรงต่อเวลามาก ทุกคนก็จะเห็นและรู้ คิมจะไม่ชอบให้ใครต้องมารอ เรื่องวินัยสำคัญ และต้องพูดจริง ทำจริง ไม่เคยสัญญาอะไรที่ทำไม่ได้ สัญญาอะไรไว้แล้วต้องทำให้ได้ ส่วนตัวจะไม่ชอบใครที่พูดลอยๆ อย่างเช่นว่า เดี๋ยวจัดการให้นะ มีอะไรก็บอกนะ หรือว่าบอกว่าจะอยู่ตรงนั้น แต่ว่าก็ไม่ได้อยู่ ตอนที่เราแย่
@@มองอนาคตกับวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง
คงจะเป็นนักแสดงไปเรื่อยๆ และทำให้ดีที่สุด เพราะตอนนี้ความสามารถของเราเอง ก็คือแค่การแสดงแค่นั้นแหละ ก็ขอทำต่อไปเรื่อยๆ
@@เคยลองมองย้อนมาคิดไหมว่า ถ้าเกิดไม่ได้อยู่ในวงการ ตอนนี้จะทำอะไรอยู่
ความจริง ความฝันอีกอย่างของคิมก็คือ อยากเป็นดีไซเนอร์ แต่ทุกวันนี้ไม่ได้มีโอกาสลองทำอะไรตรงนั้นเลย เพราะแค่งานทุกวันนี้เราก็เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้ว นอกจากงานแสดง ตอนนี้คงโฟกัสที่เรื่องครอบครัว และเรียนให้จบ
เรื่อง การะเกด อัศวเสนา
ภาพ วริศรา วุฒิกุล
ชื่อ“คิม” คิมเบอร์ลี่ แอน เทียมศิริ
เกิดวันที่22 มกราคม พ.ศ. 2535
การศึกษากำลังศึกษาปริญญาตรีมหาวิทยาลัยสยาม คณะศิลปกรรมศาสตร์ วิทยาลัยซูเปอร์สตาร์คอลเลจออฟเอเชีย
ผลงานที่ผ่านมาสี่หัวใจแห่งขุนเขา ,สามหนุ่มเนื้อทอง ,ปัญญาชนก้นครัว ,ต้นรักริมรั้ว ,แอบรักออนไลน์ ,เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ฯลฯ
ผลงานล่าสุด :พรีเซ็นเตอร์ มิสทิน