'เจมส์ มาร์สเดน' เผยการแสดงในซีรีส์เรื่อง 'เวสต์เวิลด์' ทำให้เห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์
เป็นการรีเมกอีกครั้ง ล่าสุด HBO ได้นำภาพยนตร์เรื่อง “เวสต์เวิลด์” (Westworld) ที่เคยสร้างขึ่้นเมื่อปี 1973 นำมาสร้างอีกครั้งในเวอร์ชัั่นทีวีซีรีส์โดยการหยิบยกโลกเสมือนจริงแนวแฟนตาซีขึ้นมาเป็นจุดขาย พร้อมทั้งนำเหล่านักแสดงชื่อดังมากมายลงจอเพื่อสร้างความน่าสนใจและอลังการของเนื้อเรื่อง อาทิ แอนโทนี ฮอปกินส์ เอ็ด แฮร์ริส อีวาน ราเชล วูด และยังได้ เจมส์ มาร์สเดน นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ที่คนไทยรู้จักเขาเป็นอย่างดีในบทบาทของ “ไซคลอปส์” จากภาพยนตร์เรื่อง เอ็กซ์เม็น มารับบท “เท็ดดี้ ฟลัด” หุ่นยนต์ในโลกจินตนาการ และครั้งนี้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้รับคำเชิญจากทาง “HBO” ให้บินลัดฟ้าไปพูดคุยกับ เจมส์ มาร์สเดน ถึงประเทศสิงค์โปร์
*** บทบาทที่ได้รับเป็นบทที่น่าสนใจ คาแรกเตอร์เรื่องนี้เป็นอย่างไร และรู้สึกอย่างไรที่ได้รับบทบาทนี้
เรื่องนี้ผมรับบทเป็น เท็ดดี้ ฟลัด เป็นเรื่องราวของเด็กอายุ 8 ขวบ คนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนคาวบอย จนมาวันหนึ่งได้มาเรียนรู้การยิงปืน เรียนรู้อารยธรรมใช้ชีวิตในเมืองตะวันตกต่างถิ่น หรือที่เรียกว่า เวสต์เวิลด์ แห่งนี้ผมรู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นมากที่ได้มาเจอนั่นเจอนี่ ผมชอบการขี่ม้ามากที่สุด ได้ใช้ชีวิตที่สงบสุข และได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ได้วิ่งออกไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ชีวิตดูเป็นการเดินทางมาก จนวันหนึ่งเขาตกหลุมรักกับโดโลเรส (รับบทโดย อีวาน เรเชล วูด) จนเกิดการเปลี่ยนแปลง ผมรู้สึกสนุกที่ได้เล่นคาแรกเตอร์นี้ แม้จะเป็นคาแรกเตอร์ที่ช้าๆ แต่ผมก็รอคอยในการที่จะได้แสดงทุกครั้ง
*** รู้สึกอย่างไรกับการที่ต้องมาแสดงเป็นหุ่นยนต์ในซีรีส์เรื่อง "เวสต์เวิลด์" นี้
ผมคิดว่า เวสต์เวิลด์ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรที่ทำให้รู้ว่าการเป็นมนุษย์มันมีความหมายแค่ไหน อะไรที่สร้างความเป็นมนุษย์ การมีหัวใจที่เต้น ความมีศีลธรรมที่ดี ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน มันมีหลายบทบาทในหลายซีน มันเหมือนกับการเล่นวิดีโอเกมที่เป็นโลกเสมือนจริง มันเหมือนมองชีวิตไปถึงอนาคต ที่ในที่สุดแล้วมันจะส่องแสงเหมือนสปอร์ตไลท์ ว่าที่สุดแล้ว เราคือใคร แล้วเรากำลังทำอะไร จะวิ่งไปที่ไหน อย่างเช่นว่า ถ้าเกิดเราจะเลือกซื้อของบางอย่าง เราจะเลือกซื้อเพื่อใคร มันเหมือนกับการที่เราได้ตามหาตัวเอง ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องเบสิคที่เกิดขึ้นได้
*** ชีวิตการแสดงที่ผ่านมาได้รับบทเป็นคนดีตลอดเหนื่อยไหมที่ต้องเล่นเป็นคนดีแบบนี้
ผมไม่ได้คิดนะว่า ผมเล่นเป็นคนดีตลอด แต่บางทีมันเป็นบทบาท ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่านี่มันคืองานของผม ที่ผมทำไปตามบทบาทที่ได้รับ บทเหล่านี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผม หลายคนบอกว่าผมได้รับแต่บทที่เป็นคนดี แต่จริงๆ ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก มันยังมีการโต้เถียงได้ว่าผมก็ไม่ได้เป็นคนดีตลอด ถ้าให้ผมเดาจะต้องมีหลายคนที่สงสัยว่าผมเป็นใครกันแน่ แต่ท้ายที่สุดแล้วผมรักหนังเรื่องนี้ สนุกที่ได้เล่น
*** บทบาทนี้เปลี่ยนไปจากบทเดิมที่เคยได้รับมากน้อยขนาดไหน
ถ้าคุณโตขึ้น แก่ขึ้น ก็จะมองถึงบทบาทที่ลึกขึ้น มีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งบทนี้เป็นบทที่ไม่ได้รับมาก่อน มันถือเป็นความท้าทาย และมันคือบทที่ผมไม่เคยได้รับเล่นมาก่อน นั่นคือการได้เล่นเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ขึ้นมา แต่มันสนุก และสิ่งที่จะทำให้โปรเจกท์ลุล่วงไปได้ ผมก็โฟกัสอยู่กับบทเพืื่อให้ลุลวงไปถึง 100 เปอร์เซ็นต์ และโฟกัสอยู่ที่ผู้กำกับ การทำงานของผมก็ทำไปตามหน้าที่ และทำตามสิ่งที่ผู้กำกับต้องการ ซึ่งเรื่องนี้ได้ทั้งทีมงาน ผู้กำกับที่ยอดเยี่ยม และผมได้พบว่าการทำงานจะสำเร็จด้วยการทำคนเดียวไม่ได้ ถ้าขาดทีมงานที่ดี
*** คิดว่าผู้ดูผู้ชมจะยอมรับและเปิดใจกับพล็อตเรื่องที่แปลกแนวนี้ไหม เพราะเป็นประเภทกราฟฟิกที่แตกต่าง
ผมไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องยากสำหรับบางคนที่จะชมเรื่องนี้ เรื่องพวกนี้มันทำให้เราตระหนักคิดว่าเรารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความรุนแรง มันยังคงเป็นคำถามอยู่ ว่าเราจะไปทางไหนในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ มันมีประโยคที่ผมชอบประโยคหนึ่งพูดว่า นักวิทยาศาสตร์ใช้เวลาไปจำนวนมากเกี่ยวกับการครุ่นคิดว่าเขาทำอะไรได้บ้าง มันได้เป็นเหมือนสปอร์ตไลท์ย้อนกลับมาหาเรา แต่ว่าโชว์ก็ไม่ได้นำเสนอความรุนแรงอย่างเดียว แต่จะมีคำถามกลับมาที่ตัวเรามากมาย นอกจากนี้มันยังมีแง่คิดที่สอนอยู่เบื้องหลัง ที่รับผิดชอบต่อสังคม แต่ไม่ใช่โชว์ที่มัวแต่จะมานั่งแชทกับเพื่อนได้ ต้องตั้งใจดู
*** คิดอย่างไร ถ้าวันหนึ่งมีคนสร้างสวนสนุกนี้ขึ้นมา
คุณไปก่อนเลย(หัวเราะ) ผมไม่รู้ ถ้ามันมีทริปที่คุณสามารถไปเที่ยวที่ดวงจันทร์ ดาวพุธ คุณจะลองไปไหม มันเป็นโอกาสที่ดีนะ สำหรับผม ไม่รู้ว่าผมอยากจะทำหรือเปล่า แต่มันต้องทำ มันถือเป็นการท้าทายตัวตนคุณ ว่าคุณจะเป็นคนยังไง ถ้าเกิดว่าอยู่ในที่ทีี่มันไม่มีกฎ ผมไม่ได้เชื่อว่าจะมีพฤติกรรมของคนที่ปรากฏในโชว์เหล่านั้นทั้งหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์กับสิ่งที่คนเหล่านั้นทำ แต่ผมอยากไปกับคนที่เขารู้จักในชีวิตจริง กับเพื่อน กับแฟนผม และอยากรู้ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร แล้วจะทำให้ผมตัดสินใจได้ว่า เราควรจะเป็นเพื่อนกันต่อไปไหม (หัวเราะ) และถ้าเกิดได้ตอบในฐานะที่ผมอายุ 8 ขวบ มันคงจะสนุกมากเลยแหละ ที่ในชีวิตจะได้ไปในสถานที่ที่สวยงามบนหลังม้า และได้ยิงปืน แต่มันจะเลวร้ายมาก ถ้าเกิดรู้ว่าสิ่งที่ยิงไปนั้น ยิงไปที่หุ่นยนต์ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเกิดมีคนจ้างผมสักประมาณ 40,000 ดอลลาร์ ผมจะไป
*** มีความคิดเห็นกับหุ่นยนต์เปลี่ยนไปไหมหลังจากเล่นบทบาทนี้
ใช่ ความคิดของผมเปลี่ยนไป เพราะผมได้เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ในซีรีส์การแสดงบทของหุ่นยนต์มีความท้าทายนั้น ผมตั้งใจทำงานอย่างมาก ผมได้เรียนรู้พวกเทคโนโลยีจากปัญญาประดิษฐ์ คืิอการที่ผมแสดงเรื่องเหมือนว่าตัวเองกำลังไปทำงาน(หัวเราะ) ส่วนเรื่องราวในซีรีส์นี้อาจจะเกิดขึ้นในความเป็นจริงก็ได้ แต่มันยังอยู่ระยะเวลาอีกนานกว่าที่จะไปถึงโรเบิร์ต (แสดงโดย แอนโทนี ฮอปกินส์) ในซีรีส์นี้ สำหรับผมผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีของเทคโนโลยีต่างๆ แต่ไม่รู้เกี่ยวกับข้อเสียที่พวกหุ่นยนต์จะฉลาดขึ้นๆ มันเปลี่ยนความคิดที่หุ่นยนต์ไม่ได้เป็นแค่เพียงหุ่นยนต์
*** อะไรสนุกที่สุด และได้รับอะไรจากการทำงานใน "เวสต์เวิลด์"
ชอบเบื้องหลังการทำงาน และชอบการตั้งคำถาม เวลาที่มีคนตั้งคำถามผมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร มันทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ แปลว่าคุณได้ทำหน้าที่แสดงได้ดี คือคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าหนังที่แสดงมันประสบผลสำเร็จหรือไม่ คุณได้แต่ตั้งความหวัง แต่ไม่มีทางรู้ แต่ในเวลานี้คุณได้เห็นการตั้งคำถามต่างๆ กระแสต่างๆ ที่เข้ามา ที่คนดูบอกว่าสนุก มันทำให้ผมภูมิใจ
*** หลังจากที่ซีรีส์ออกอากาศไปนั้น ฟีดแบคที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง แฟนๆ ที่เจอคุณเรียกคุณว่าเท็ดดี้ไหม
ใช่เลยนะ อย่างเวลาที่ผมก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ ก็จะมีคนทักว่า “เท็ดดี้” แล้วผมก็จะพยักหน้ารับว่า ใช่ผมเอง (ยิ้ม)แล้วผมก็ตอบไปว่า ผมเป็นหุ่นยนต์ที่ดีนะ (ยิ้ม) ผมมีความสุขนะที่คนพูดเอ็นจอยไปกับบทบาทที่ผมแสดง มันทำให้ผมมีรอยยิ้มและไปถึงเป้าหมายของการแสดง
คอซีรีส์ยังสามารถติดตามชมในรอบไพร์มไทม์เวลา 20.00 น. พิเศษเฉพาะที่ HBO (ทรูวิชั่นส์ 223) และสามารถรับชม “เวสต์เวิลด์” ทั้งซีซั่นได้ทาง HBO Signature (ทรูวิชั่นส์ 225) ตั้งแต่ 9 โมงเช้าเป็นต้นไปในวันที่ 24 และ 25 ธันวาคม นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง