บันเทิง

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สกู๊ปบันเทิง คมชัดลึก" เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’ สานต่อ ‘รักบริสุทธิ์’ ด้วยละคร ‘น้ำดี’

         “ครอบครัว” คำสั้นๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และความหมายมากมาย เปรียบเหมือนที่พักใจ คล้ายมุมสงบเอาไว้ผ่อนคลายอารมณ์ หากครอบครัวไหนมีความสุข มากกว่าความทุกข์ มีความรัก ความเข้าใจ มากกว่าการคิดจะเอาชนะ คนในครอบครัวย่อมพบแต่ “ความสุขสงบในจิตใจ” ต่อให้เรื่องราวภายนอกจะทุกข์ร้อนขนาดไหน ถ้าภายในครอบครัว “เย็นสบาย” เบาและผ่อนคลาย เรื่องราวร้ายดี ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต จะผ่านพ้นไปได้ด้วยกำลังใจอันเข้มแข็ง

         เรื่องราวสะท้อนปัญหาใน “ครอบครัว” ทั้งในเรื่องของการอบรมเลี้ยงดู และการใช้ความรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจกับ “เด็ก” ถูกถ่ายทอดออกมาในละคร “ดวงใจพิสุทธิ์” ทาง “ช่อง 3” โดย “บริษัท โซนิกซ์ บูม 2013 จำกัด” ของผู้จัด “ชุ” ชุดาภา จันทเขตต์ และ “ก้อง” ปิยะ เศวตพิกุล

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

รถบัส - มาเรีย 

 

         ความน่ารัก น่าเอ็นดูของเด็กชาย “ลูกหมี” (“รถบัส” ด.ช.ภคพล ตัณฑ์พาณิชย์) ที่เกิดมาในครอบครัวอบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก แม้จะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ ทว่าความรักจาก “ยาย” (ปวีณา ชารีฟสกุล) และ “อาช้าง” (“แยม” มทิรา ตันติประสุต) ก็ทำให้ลูกหมี ไม่รู้สึกขาดอะไรไป

          ต่างกับ “ปุ๊คกี้” (“มาเรีย” ด.ญ.ทิพย์รดา ไมเออร์) เด็กหญิงในวัยเดียวกับลูกหมี ที่เกิดมาในครอบครัวอบอุ่น ร่ำรวย แต่โชคร้ายพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งสองคน เหลือทิ้งไว้เพียง “ตุ๊กตาดวงใจ” ที่ปุ๊คกี้อุ้มติดตัวไว้เป็นตัวแทนความรักของ “พ่อแม่” ปุ๊คกี้มี และ"คุณย่า” (ดวงตา ตุงคะมณี) ที่รักหลานมาก

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

 

          ทว่าถูก “ป้าสะใภ้ใจมาร” อย่าง “ชลีกร” (“จอย” รินลณี ศรีเพ็ญ) วางแผนกีดกันย่าหลาน ตีสองหน้า แต่ลับหลังผู้ใหญ่ กลับรังแกทั้งร่างกายและจิตใจปุ๊คกี้มากมาย รวมถึงสอนลูกตัวเองให้แกล้งและเอาชนะปุ๊คกี้ทุกอย่าง แถมยังใจโหดฆาตกรรมย่าจนถึงแก่ชีวิต เด็กน้อยถูก กดขี่ ข่มเหง จิตใจ จนกลายเป็นเด็กพูดน้อย ขี้กลัว หวาดระแวงต่อทุกคนที่เข้าหา ความน่าสงสาร อึดอัด และน่าเห็นใจ เกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นเด็กน้อยถูกกระทำ โดยผู้ใหญ่ใจทราม

         ต้องบอกว่า ละครเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่มี “เด็ก” เป็นตัวเดินเรื่องเลยก็ว่าได้ “น้องมาเรีย” แสดงได้ดีชนิดที่ผู้ใหญ่เห็นแล้วยังต้องอึ้ง แม้แต่บทที่ไร้คำพูด มีเพียงสีหน้า แววตา และ “น้ำตา” ของเด็กน้อยเท่านั้น กลับสื่อสารบอกแทนคำพูดได้หมดทุกคำ การแสดงเช่นนี้ ไม่ใช่ “ใคร” ก็ทำได้ เพราะแม้แต่นักแสดงบางคน ยังไม่สามารถสื่อสารออกมาได้ดีเท่านี้เลย

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

โอ๊ต - วรวุฒิ 

 

          คงต้องชื่นชม ผู้กำกับอย่าง “โอ๊ต” วรวุฒิ นิยมทรัพย์ ที่สามารถสร้างความเข้าใจให้แก่เด็ก จนสามารถดึงศักยภาพออกมาได้น่าประทับใจ รวมถึงนักแสดงร่วมคนอื่นๆ ที่เข้าฉากด้วย ไม่เว้นแม่แต่ป้าสะใภ้ใจโหดอย่าง จอย ที่เล่นได้ทรมานจิตใจคนดู จนด่าสาปส่งกับเป็นแถว!! หรือแม้แต่บท “ลูกหมี” ที่ “น้องรถบัส” เล่นก็น่ารัก สดใส และมีเสน่ห์ เป็นตัวเบรกความตึงเครียด และกดดัน ของเรื่องราวได้ตลอดทั้งเรื่อง

          ความกลมกล่อมของละครเรื่องนี้ คงต้องยกความดีให้บทประพันธ์ของ "กิ่งฉัตร” ที่มี “แก่นเรื่อง” ไม่ล้าสมัยเลย ส่วนความเข้มข้นในละคร “น้ำดี” ที่ต้องบอกว่า “บทละคร” โดย “พรดี” มีความพิเศษอยู่มากทีเดียว เพราะละครดราม่าครอบครัวที่มีเนื้อหาลักษณะนี้ ไม่ใช่ละครตลาด แต่เป็นละครสะท้อนสังคม ให้แง่มุม และความอบอุ่นใจแก่ผู้ชม

         ด้วยเนื้อหาที่ไม่ได้ชูประเด็น "เรื่องราวรักใคร่ เสน่หา แย่งชิง รสเผ็ดร้อน” หากบทละครไม่ดีจริง คงทำให้ละครเรื่องนี้ กลายเป็นอาหารที่ “สูญเสีย” คุณค่าดีงามที่ซ่อนอยู่ ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ พรดี ดึงเอาสิ่งเหล่านั้นออกมาให้คนดูเห็น แถมยังเติมความ “พิเศษ” และ “น่าติดตาม” ลงไปมากมาย

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

         อย่างฉาก “การว่าความในศาล” ที่เรื่องนี้ทำได้ดี ค่อนข้างสมบูรณ์ ลุ้น สนุก และน่าตื่นเต้น แสดงเรื่องราวยากๆ ในศาล ให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในละครไทยสักเท่าไหร่ เป็นฉากการว่าความอย่างละเอียด ชี้ให้เห็นถึงการสู้กันเพื่อแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดู “ปุ๊คกี้” หรือ ด.ญ.หวันยิหวา ของฝ่าย “น้าหัฏฐ์” (“สน” ยุกต์ ส่งไพศาล) ที่รักหลานสาวจริงๆ กับฝ่าย “ป้าสะใภ้ใจมาร” ที่หวังสมบัติของ ปุ๊คกี้ จากพินัยกรรม “คุณย่า” สร้างเรื่องหลอกสามีแสนดีจนคล้ายจะโง่ อย่าง “สาวิตร” (เพชร กรุณพล) ให้เข้าใจฝ่ายของ หัฏฐ์ ผิดไป

         แม้จะมีการทักท้วงจากความเห็นของคนในโซเชยลมีเดีย ทำให้เกิดดราม่า เรื่องฉากว่าความในตอนสุดท้ายของเรื่อง “กระบวนกระยุติธรรมในการสืบพยานเด็ก” สามารถทำได้โดยตรงกับตัวเด็กหรือไม่ ละครผิดพลาดจริงหรือ? ความจริงต้องมีการสอบเด็กผ่านนักจิตวิทยาแยกอีกห้องหนึ่งหรือไม่

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’ ภาพจากในละคร 

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

        ภาพจากในละคร 

 

          ซึ่งได้รับการชี้แจงจากทาง พรดี คนเขียนบทที่มาตอบเอง ด้วยใจความส่วนหนึ่งว่า “ดิฉันเป็นคนเขียนบทเรื่องนี้ค่ะ ขอเรียนว่าการเขียนบทช่วงการขึ้นศาลนี้ ทุกคนระมัดระวังมาก มีที่ปรึกษาที่เป็นทนาย และผู้พิพากษา ทั้งของคนเขียนบท และของผู้จัด ทีแรกก็เขียนตามบทประพันธ์ทุกประการค่ะ แต่ท่านที่ปรึกษาได้กรุณาชี้แจงแก้ไข ให้เป็นไปตามที่ปรากฏ และเมื่อเกิดข้อขัดแย้งท่านก็กรุณายืนยันว่าที่ทำไปนั้นถูกต้องแล้ว สิ่งที่ท่านผู้ให้คำปรึกษาไม่เห็นด้วย แต่จำเป็นต้องทำคือการอาละวาดของตัวแสดงเป็นชลีกร แต่นี่คือจุดที่ความจริงทุกอย่างระเบิดออกมาต่อหน้าทุกคน เป็นนาทีสำคัญของเรื่อง ซึ่งต้องรักษาไว้”

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’

ชุ - ชุดาภา 

 

เติบโตจาก ‘รอยแผล’ ใน ‘ดวงใจพิสุทธิ์’ ข้อความจากอินสตาแกรม ชุ -ชุดาภา

 

         รวมถึงผู้จัดอย่าง “ชุ” ชุดาภา ยังออกมาเขียนอธิบายผ่านอิสตาแกรม ส่วนตัวโดยใจความสรุปว่า “คดีในเรื่อง” เป็นคดี “แพ่ง” ไม่ใช่ “อาญา” ซึ่งมีข้อแตกต่างคือ คดีอาญาจะมีกฏกำหนดว่า ต้องแยกห้องพิจารณาเด็ก ผ่านมอนิเตอร์ มีนักจิตวิทยา ตามมาตรา 172 ตรี" เรียกว่าทำดีมาทั้งเรื่อง แต่มามีข้อสงสัยในตอนจบ และได้รับคำชี้แจงอันแสดงถึงความรับผิดชอบ ทั้งจากผู้จัดและคนเขียนบทด้วยความจริงใจ

         สุดท้ายชีวิตของ “ปุ๊คกี้” เด็กหญิงผู้น่าสงสาร ได้เติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม ปุ๊คกี้รักษา “บาดแผล” ในใจที่เจ็บปวดได้ด้วยความรักจาก น้าหัฏฐ์ อาช้าง คุณยาย ป้าหทัย (พิจิตตรา สิริเวชชะพันธ์) และลูกหมี ซึ่งเปรียบเสมือนครอบครัวใหม่ของเธอ

         เรื่องราวชีวิตของทุกครอบครัว บางครั้งไม่ได้มีแค่ “ความสุข” เป็นองค์ประกอบ เพราะ “ความทุกข์” สอนให้เราเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับ “รอยแผลเป็น” ในชีวิต โดยมี “ความรักอันบริสุทธิ์” เป็นตัวช่วยเยียวยา รักษาความเจ็บปวด และเป็นพลังให้ทุกชีวิต “ก้าวเดินต่อไป”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ