บันเทิง

‘โฉมฉาย’เผยเคยคิดลาวงการ เหตุคุณภาพงานลด (ชมคลิป)

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โฉมฉาย ฉัตรวิไล เผยเคยคิดลาออกจากวงการบันเทิงที่อยู่มาเกือบ 60 ปี เพราะกลัวเป็นตัวถ่วง 

         เป็นข่าวช็อกแฟนๆ ละคร เมื่อมีข่าวว่า โฉมฉาย ฉัตรวิไล นักแสดงอาวุโสที่อยู่คู่วงการบันเทิงมาเกือบ 60 ปี ประกาศลาออกจากวงการด้วยเหตุเรื่องของสุขภาพ ทำเอาแฟนๆ ไถ่ถามกันมายกใหญ่ ล่าสุดเจอนักแสดงรุ่นใหญ่จึงถามถึงเรื่องนี้

‘โฉมฉาย’เผยเคยคิดลาวงการ เหตุคุณภาพงานลด (ชมคลิป)

 

         “เรื่องสุขภาพร่างกาย ถ้าถามว่าเราอ่อนแอถึงขนาดทำอะไรไม่ได้ไหม มันไม่ใช่ เพียงแต่เรารู้สึกว่า เมื่อก่อนการที่เราได้เล่นละครทำงานอยู่ในวงการนี้เรามีความสุขมาก เรามีความกระตือรือร้นในการทำงาน ขนาดตอนที่เป็นเมโนพอส(โรควัยทอง)เรายังรู้สึกกระตือรือร้นมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกว่า เหมือนเรากำลังเป็นโรควัยทองตอนอายุ 66 ปี เราเลยรู้สึกว่า เห้อ...(ถอนหายใจ) ไม่ได้มีความรู้สึกในการทำงานเหมือนเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้รับละครนะ เพียงแต่ว่าอย่าส่งบทละครที่ยาว 3-4 หน้า มาให้เราเล่น เราแค่รู้สึกว่าอยากเล่นสบายๆ บ้าง ย้อนกลับไปเมื่อก่อน เราเป็นคนที่ไม่ค่อยจะรับเล่นบทรับเชิญนะ เรารู้สึกว่าถ้าบทไม่เยอะเราจะไม่ค่อยอยากเล่น แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่า ขอความกรุณาผู้จัดว่าให้เราเล่นบทรับเชิญเถอะ คือความรู้สึกตอนนี้เหมือนเรามาเป็นโรควัยทองตอนนี้ ทั้งที่น่าจะเป็นตั้งแต่ตอนอายุ 50 ปี ความรู้สึกมันหมดเรี่ยวหมดแรงที่จะเล่นละคร แต่ถ้าให้เราไปออกรายการหรือทำอะไรที่ง่ายๆ เรายังทำได้ อาจเป็นความรู้สึกของการอิ่มตัวด้วย” 

         "เมื่อก่อนนี้เวลาที่เราอ่านบทละคร อ่านแป๊บเดียวเราจำได้หมดเลย ทุกอย่างอยู่ในหัวหมด แต่เดี๋ยวนี้ถ้าจะต้องมีถ่ายละครในตอนเช้าอีกวัน ขอโทษนะ เราจะต้องนอนท่องบททั้งคืน (หน้าเศร้า) ซึ่งเราไม่เคยเป็นแบบนี้ เราเลยมีความรู้สึกเหมือนเสียความมั่นใจ ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการเรารู้สึกว่าเราไม่เคยเป็นภาระใคร ถ้าไปถ่ายละครแล้วถูกสั่งให้เทกอยู่ตลอดเวลาไม่เคยเป็นเลย ทุกอย่างจะต้องเป๊ะ แต่เดี๋ยวนี้เราต้องมานั่งท่องจำบท เรากลัวว่าถ้าต้องเล่นแล้วเทกบ่อยๆ ในกองเป็นการถ่วงเวลาของคนอื่น ซึ่งนักแสดงแต่ละคนก็จะบอกว่า แม่ไม่เป็นไรเลย คนอื่นไม่เป็นไร แต่เรารู้สึกว่าเป็นมาก แค่โดนเทกครั้งเดียวเราก็รู้สึกว่าเสียกำลังใจไปหมดแล้ว เพราะเมื่อก่อนเราไม่เคยเป็น”

         ถามต่อว่า เริ่มรู้สึกตั้งแต่ตอนไหนกับอาการแบบนี้ นักแสดงรุ่นใหญ่กล่าวว่า 

         “เพิ่งมาเป็นปีนี้ เมื่อสักประมาณ 5-6 เดือน ช่วงประมาณกลางปีเพราะตอนต้นปียังจำได้อยู่เลย แต่อยู่ดีๆ ก็เป็นขึ้นมาเฉยเลย ยิ่งพอมีข่าวว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต เรายิ่งรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันไปหมดเลย (มีข่าวว่าจะออกจากวงการ) ตอนที่เป็นช่วงแรกๆ คิดจะออกเลยนะ เพราะว่าหนึ่งเรารู้สึกว่าหมดเวลาของเราแล้ว เราคงต้องพักแล้ว เหมือนเราเคยวิ่งออกกำลังกายได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งเราก็วิ่งไม่ไหว ทำให้เรามีความรู้สึกว่าไม่อยากฝืนตัวเอง ไม่อยากฝืนศักยภาพของตัวเองด้วย แล้วเราเป็นคนที่เวลาทำงานทุกอย่างต้องเป๊ะ เรารักษาเวลาและมีวินัยดีมาก แต่พอเราเป็นแบบนี้ เรารู้สึกไม่อยากเป็นภาระให้กับใคร” โฉมฉายกล่าว

         ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ปรึกษาหมอหรือไม่  นักแสดงชื่อดังกล่าวว่า “ปรึกษาตลอด ตอนนี้หมอก็ให้กินวิตามิน บำรุงสมอง วิตามินตั้งแต่ เอ-แซด(หัวเราะ) (กลัวไหมว่าถ้าเราหยุดทำงานจะเป็นยิ่งกว่าเดิม) เราจะกลัวทำไม ในเมื่อการรับงานขึ้นอยู่กับเราตัดสินใจ ถ้าเราพักแล้วเรามีความรู้สึกว่าตอนนี้เราเริ่มเหงาแล้วนะ เราก็กลับมาทำได้ ตอนนี้มีคนมาถามว่าเราจะไม่เล่นละครแล้วเหรอ เราก็บอกว่าไม่ใช่ ยังไม่ได้ทิ้ง เพียงแต่ถ้าบทยาวๆ เราก็ไม่ไหว แต่ทุกวันนี้เรื่องการปรับตัวต่างๆ ของเราก็ดีขึ้น เพราะเรื่องแอ็กติ้งเราไม่มีปัญหาเลย เรายังสามารถเป็นนักแสดงได้ เพียงแต่มีปัญหาเรื่องการจำบทยาวๆ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเราก็มีวงเล็บกับทางผู้จัดว่าอย่าให้เราพูดเยอะนะ ต่อให้เป็นบทถลกผ้าถุงมาด่า เราก็ทำได้ เพียงแต่ว่าอย่าให้ต้องมาด่าบทยาวเป็นหน้าๆ”

‘โฉมฉาย’เผยเคยคิดลาวงการ เหตุคุณภาพงานลด (ชมคลิป)

         นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวยังถามต่อว่า อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนความคิดจากตอนแรกที่จะออกจากวงการ มาเป็นยังทำงานอยู่ “อย่างที่เรียนให้ทราบ จากที่เราเป็นคนความจำดี ไม่เคยสร้างภาระหรือทำให้ผู้จัดทุกคนเป็นห่วงเรา พอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าคนที่ทำงานมาตลอดเกือบ 60 ปีในวงการ แล้วสิ่งที่แม่ทำมาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย พอถึง ณ เวลานี้ที่เราอายุ 66 ปี อะไรที่เราเคยทำ เรารู้สึกสะดุดกับงานที่เราเคยทำ แล้วเรารู้สึกไม่มั่นใจ เคยมีแต่คนชื่นชมว่าเราทำงานให้เขาได้เต็มที่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าสินค้าของเราคุณภาพลดลง(หน้าเศร้า) (ได้คุยกับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันว่าเรามีปัญหาแบบนี้มั้ย)คุย ทุกคนก็จะบอกว่า อย่าไปคิดมาก แค่เรายังมีความรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับการกุศล ยังรับงานต่างๆ ได้อยู่ไม่ถึงขนาดเก็บเนื้อเก็บตัว ยังไม่ถึงขั้นลาออกจากวงการ แค่พัก พักละครยาวๆ เพราะว่าระยะที่ผ่านมาเดือนสองเดือน ด้วยเหตุที่เรามีเรื่องเศร้ากันด้วย แล้วงานทุกอย่างก็จะต้องหยุดหมด และหลังจากที่หมดช่วงเวลานี้ไปแล้วทุกคนก็ถามแม่จะออกเหรอ เราก็บอกไม่ออก แต่ให้แม่เล่นน้อยๆ แล้วกันนะ”

         โฉมฉายเปิดเผยต่อถึงประเด็นที่่ทุกคนอยากให้แม่แอ๊ดยังเป็นนักแสดงอยู่ว่า 

         “กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลย เพียงแต่ว่าเราเป็นคนที่รักษาคุณภาพการแสดงมากๆ เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ติดตัวมาชั่วชีวิตของเราคือจะเป็นนักแสดงที่ไม่สร้างภาระหรือสร้างปัญหาให้ผู้จัดหรือผู้ร่วมงานทุกคน ถ้าใครจ้างเราแล้วต้องได้คุณภาพ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ว่ากลัวเขาจะไม่จ้างนะ จริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะอยู่นานขนาดนี้ แต่ความที่เราอยู่มาขนาดนี้ อยู่มาจนบัดนี้ เมื่อก่อนพยายามเรียนหนังสือ ทำงานโรงแรม เขาให้เราไปเป็นรีเซ็ปชั่น แต่งานเราเยอะ ทำทุกอย่างไม่ใช่แค่เล่นหนัง แต่เล่นละครทีวี ละครก็ชอบ แฟชั่นก็เดิน ลิเก ลำตัด เพราะคำว่านักแสดงไม่ได้จำกัดแค่เธอจะต้องแสดงละครอย่างเดียว อะไรที่เป็นศิลปะเราต้องทำให้ได้ แล้วเราโชคดีตรงที่ว่าอะไรที่ไม่เคยทำอย่างลำตัด หมอลำ พอเราได้ฟังแล้วเราก็ทำได้ ถึงได้อยู่มาขนาดนี้ ที่ทำเพราะอยากอยู่ในวงการเหรอ ไม่ใช่นะ เรารักที่จะทำทุกอย่างในวงการนี้ แต่ว่าถ้าคนเขาไม่ยอมรับเรา ผู้จัดเขาไม่ยอมรับเรา เราจะไปหน้าด้านอยู่ได้ยังไง”

         ถามต่อว่า ลูกสาว “อาร์ต” พนิตนาฏ ว่ายังไงบ้าง “เขาก็พยายามเชียร์ให้เราทำต่อ คงจะกลัวว่าเวลาเราอยู่บ้านจะบ่นเขามั้ง(หัวเราะ) คิดไหมว่าถ้าวันนั้นเราตัดสินใจไม่ทำ แล้วอยู่บ้าน นึกภาพออกไหมว่าเราจะทำอะไร (คุณหมอบอกว่าเราจะมีอาการคล้ายอัลไซเมอร์ไหม)ไม่ถึงขั้นนั้น แค่ความขยันลดลงกับการที่เราจะต้องท่องบท มันจำได้แต่ต้องท่อง ซึ่งเมื่อก่อนเราแค่อ่านก็จำได้แล้ว คือสุขภาพอย่างอื่นก็โอเคนะ เพราะเราก็ยังขับรถไปกองเองได้อยู่ พี่อาร์ตเขาก็รู้ว่าเราเป็นคนยังไง ถ้าอะไรที่เราทำไม่ได้เราจะเอ่ยปาก เราจะไม่ฝืน”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ