‘อาร์เอส’ รอถามความจริงคลิป ‘หวาย’ เมากร่าง! (ชมคลิป)

          หลังจากมีคลิปจากเฟซบุ๊ก หลังจากที่เฟซบุ๊ก Red Skull V.SE ได้เผยภาพและคลิปเหตุการณ์ อ้างเป็นนักร้องดังที่เคยมีข่าวฉาวเมื่อช่วงต้นปี เมาอาละวาดโชว์กร่าง โดยมากับแฟนหนุ่ม จนเกือบมีเรื่องชกต่อยกับคู่กรณี และเกือบโดนคนในพื้นที่รุมประชาทัณฑ์ โดยในคลิปดังกล่าวมีหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่าเป็นนักร้องดังสังกัดอาร์เอส “หวาย” ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ หรือ “หวาย กามิกาเซ่” ล่าสุดเจอตัว “เณร” ศุภชัย นิลวรรณ กรรมการผู้อำนวยการธุรกิจเพลง อาร์เอส สอบถามถึงกรณีดังกล่าวได้รับคำตอบดังนี้

“เณร” ศุภชัย นิลวรรณ

 

 

          “จริงๆ​แล้ววันนี้ผมไม่อยากพูดเรื่องอื่นเท่าไหร่ เพราะเรายังอยู่ในบรรยากาศของการผลิตมิวสิควิดีโอ เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ไหนๆก็ถามมาแล้ว ผมก็ขอตอบนิดเดียวแล้วกัน ผมได้ทราบข่าวคราวจากสื่อมวลชนเหมือนกัน ก็พยายามให้ทีมงานเรียกตัวน้องหวายเข้ามาคุย เพราะตัวผมเอง ไม่มีโอกาสได้เจอ จึงได้นัดแนะกันว่าหลังจากงานวันนี้คงมีโอกาสได้พูดคุยและซักถามข้อเท็จจริงกัน เพราะข่าวที่ออกมานั้น ยังเป็นข่าวทางด้านเดียวอยู่ ที่นำมาจากเฟสบุ๊ตของผู้ที่โพสต์ขึ้นมา โดยที่​น้องหวายยังไม่ได้ออกมาชี้แจง ก็อยากให้ทุกคนรอฟังกันก่อน ซึ่งตัวเราเองคงให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ถามว่าส่วนตัวคุยกับหวายหรือยัง ส่วนตัวยังไม่ได้คุย แต่ว่าทางทีมงานมีโอกาสคุยแล้ว สิ่งที่ออกมาเป็นข่าวนั้น มันก็ไม่ได้จริงทุกอย่าง ที่ผมรู้มาคร่าวๆคือวันนั้น น้องไปเป็นทีมงานเพื่อทำอีเว้นท์และเกิดความเข้าใจกันเล็กน้อย กับคนที่อยู่แถวนั้น แต่ตัวน้องหวาย ยืนยันกับผมว่าไม่ได้ดื่ม ยังไงผมก็จะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และจริงๆเรานัดกันวันนี้ (11 พ.ย.) เพียงแต่เรายังไม่สะดวกที่จะคุยกันต่อ เพราะเรายังมุ่งมั่นในการทำเอ็มวีเพลงนี้ ผมจึงขอเลื่อนน้องเขาไปก่อน”เณรกล่าว

 

“หวาย” ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ หรือ “หวาย กามิกาเซ่”

 

 

          ถามต่อว่ากระแสในโซเชียลวิจารณ์แรง ผู้บริหารชื่อดังกล่าว “เป็นเรื่องปกติที่เมื่อศิลปินมีประเด็นต่างๆเกิดขึ้น ส่วนตัวผมแบ่งเรื่องนี้เป็นสองเรื่อง หนึ่งคือเรื่องส่วนตัว สองคือเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ที่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ของบริษัท ซึ่งในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัว 100% ทางเราจึงพิจารณาว่าเรื่องส่วนตัวนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้กระทบกับงานและภาพลักษณ์ของบริษัทหรือเปล่า ถ้าเราตรวจสอบแล้ว มีผลอย่างไร เราจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบเอง เป็นเรื่องปกติของศิลปินซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ที่เวลาทำอะไรก็แล้วแต่ จะถูกจับตามอง ในส่วนของบริษัท ผมได้ให้หลักการของศิลปิน ว่าต้องระมัดระวังอย่างยิ่งเราไม่มีโลกส่วนตัวในสังคมปัจจุบัน เพราะมันมีโซเชียลที่ทุกคนมีสื่อในมือหมด เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นไปได้ที่สุด คือต้องระมัดระวังตัวเอง จะทำอะไรก็แล้วแต่ขอให้อยู่บนสติ และเมื่อไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องยอมรับความจริง เราต้องไม่เฉไฉเบี่ยงเบนประเด็น เพราะความจริง ก็คือความจริงเราหลอกกันไม่ได้ ภาษาวัยรุ่นคืออย่าไปแถ เรื่องผิดพลาดพลั้งไปเป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างผิดพลาดกันได้หมด ถ้าผิดพลาดแล้วปรับปรุงตัวดีขึ้นทุกคนคงให้อภัย แต่ในการควบคุมของบริษัท เราไม่สามารถไปควบคุมชีวิตเขาทั้งชีวิตได้ เพราะอย่างที่เห็นบริษัทเรามีศิลปินนับร้อยชีวิต และแต่ละคนมีสื่อในมือตัวเอง เราจึงให้ได้แค่แนวคิดเฉยๆ ส่วนสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นมา เราคงจะพิจารณาในเรื่องที่เกี่ยวพันกับงานเท่านั้น” เณรกล่าว

 

          ส่วนที่ว่า หากตรวจสอบแล้วถ้าเป็นความจริง ทางบริษัทจะเตรียมมาตราการลงโทษไว้อย่างไร ผู้บริหารชื่อดังกล่าวว่า

         “ต้องดู ว่าถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง เพราะในฐานะที่เป็นศิลปินและเป็นไอดอลของวัยรุ่น ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี ผมขอดูรายละเอียดแล้วกัน ส่วนบทลงโทษสูงสุดของบริษัท เราต้องดูเป็นกรณีไป ซึ่งกรณีที่เรารับไม่ได้จริงๆ คือเรื่องของยาเสพติดและทำผิดกฏหมาย ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น อันนี้เรารับไม่ได้จริงๆ (คนเชื่อว่าเป็นหวาย) ส่วนใหญ่เรื่องราวในอินเตอร์เน็ตจะไม่ได้รับการกลั่นกรอง เพราะฉะนั้นเราต้องดูด้วยสติ พยายามนึกถึงเหตุและผล เราต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหา ได้ออกมาชี้แจง เพราะที่ผ่านมา มีทั้งเรื่องจริงและเท็จเต็มไปหมดต้องไตร่ตรองให้รอบครอบ หากได้คุยกับหวายเรียบร้อยแล้ว คงมีการนัดให้ออกมาแถลงข่าว แต่สำหรับกรณีหวาย ผมยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ผมได้ตามจากข่าวเหมือนกัน แต่ผมยังไม่อยากฟันธงว่าใครผิดถูก” เณรกล่าวสรุป