บันเทิง

‘นุ้ย’ สุดกลั้นน้ำตา เลิกเห็นแก่ตัว ‘รักพ่อ’ ต้องทำดี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“นุ้ย” สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ยึดหลักคำสอนเรื่องปิดทองหลังพระ พร้อมเดินตามแนวทางของพระองค์ท่านในวิชาชีพของตัวเอง แนวทางของความถนัดของตัวเอง

         เป็นศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับ “นุ้ย” สุจิรา อรุณพิพัฒน์ ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมแปรอักษรถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับกิจกรรม “ชาวธรรมศาสตร์ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป”

 

‘นุ้ย’ สุดกลั้นน้ำตา เลิกเห็นแก่ตัว ‘รักพ่อ’ ต้องทำดี

        นุ้ย - สุจิรา

 

         “มาร่วมกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์ เป็นการรวมใจศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนามของศิษย์เก่าเมื่อทราบข่าวการรวมใจแล้ว เราเลือดเหลืองแดง เราก็ต้องมา แม้ไม่รู้ว่าจะมาในส่วนไหน เรามาก่อน แล้วให้น้องๆ พี่ๆ จัดให้เราว่า เราพอจะช่วยส่วนไหนได้บ้าง แต่พอเขาเห็นหน้า เขาก็ให้เราเป็นพิธีกร แล้วแต่เขา จะให้เราช่วงตรงไหน จริงๆ จะมาแปรอักษร แต่ว่าเต็ม คือเต็มเร็วมากเลย เลยไม่เป็นไร รอเผื่อว่าใครต้องการความช่วยเหลืออะไรอย่างนี้ก็เรียกมาเดี๋ยวไป นุ้ยรู้สึกว่านุ้ยเป็นลูกแม่โดมคนหนึ่ง ที่รู้สึกภูมิใจในเด็กรุ่นใหม่ คือหลายคนจะมองภาพว่าเด็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะรักอิสระ ไม่ค่อยเคารพกฎเกณฑ์อะไรยังไง อย่างนี้ แต่จริงๆแล้วรักอิสระ แต่เราก็อยู่ในกรอบ แต่ในกรอบนี้ไม่ใช่กรอบที่ตีเอาไว้ เพื่อให้เรารู้สึกอึดอัด แต่เป็นความอบอุ่น เป็นพระบรมโพธิสมภาร พระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พวกเราพร้อมที่จะน้อมนำใส่เกล้าใส่กระหม่อมครอบตัวเราไว้ เราก็เทิดทูนเหนือสิ่งอื่นใด วันนี้ก็เลยรู้สึกว่าพระราชปณิธานที่เราสืบต่อกันมาก็ยังจะอยู่ต่อไป ขณะที่รุ่นปัจจุบัน ที่ห่างจากนุ้ยก็ 10 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ เห็นแล้วก็ชื่นใจในการรวมพลังของน้องๆ ทุกคน แล้วทุกคนก็มุ่งมั่นตั้งใจ ชื่นใจด้วย เพราะว่ามีพี่ๆ ที่เป็นศิษย์เก่า แต่ละคน จะเป็นรุ่นพ่อเรา แต่ก็มา เพื่อมาแปรตัวอักษร และก็อยู่กลางแดด ทุกคนไม่บ่นเลย คือเป็นการรวมใจกันจริงๆ” นุ้ยตอบ

         ถามต่อว่ามีแนวพระราชดำริของในหลวงที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวันไหม นักแสดงสาวชื่อดังเผยว่า

         “ของนุ้ย คือตอนเด็กๆ นุ้ยจะทันเรื่องปิดทองหลังพระ นุ้ยรู้สึกว่า การที่เราทำดี ตอนเด็กๆ เข้าใจว่า การที่เราทำดี เราไม่ต้องบอกใครก็ได้ ไม่ต้องป่าวประกาศ แต่เราทำ ทำแล้วรู้แก่ใจว่าเราทำดี เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำชั่ว เราก็ต้องรู้แก่ใจว่าเราทำชั่ว แต่เมื่อโตมา แล้วได้ผ่านวันเวลาของอาชีพ ของอายุไป มีประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป แล้วย้อนกลับไปมองคำสอนของพระองค์ท่าน เรื่องปิดทองหลังพระ พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสไว้ว่า เราต้องปิดทองหลังพระ เพราะว่าถ้าปิดแต่ข้างหน้า แล้วทั้งองค์พระจะเป็นสีทองได้อย่างไร นั่นหมายความว่า การทำความดีทุกคนต้องร่วมกันทำ ทำเพื่อให้พระเป็นสีทอง ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหน อยู่ข้างหน้า อยู่ข้างหลัง ส่วนไหน เราทุกคนต้องทำความดี” นุ้ยตอบ

 

‘นุ้ย’ สุดกลั้นน้ำตา เลิกเห็นแก่ตัว ‘รักพ่อ’ ต้องทำดี

         เห็นมีโอกาสเคยได้ไปรับเสด็จ นุ้ยเปิดเผยว่า ใช่ เป็นโอกาสที่คว้ามาเอง

         “เอาจริงๆ นุ้ยไม่ได้เป็นคนที่มีความสามารถ ที่จะมีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ท่าน แต่เราก็เป็นพสกนิกรคนหนึ่งที่อยากจะชมพระบารมีพระองค์ท่าน อยากจะเปล่งเสียงว่าเรารักพระองค์ท่านขนาดไหน ก็เลยรู้สึกว่าได้โอกาส ได้รู้ว่าท่านจะเสด็จประพาสทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา ประมาณ 4 ปีที่แล้ว นุ้ยก็เลยต้องไปให้ได้ ต้องคว้าโอกาสนั้นมาเอง เลยบอกปอนด์ตอนนั้นว่า ปอนด์ต้องพาเราไปนะ ทันไม่ทันไม่รู้แหละ ถ้าไม่ทัน เราก็ต้องจอดข้างทาง รับเสด็จเอาข้างทางนั่นแหละ แต่เราก็ต้องไปให้ได้ ก็เลยมุ่งไปด้วยใจมุ่งมั่น แล้วก็ได้มีโอกาสรับเสด็จท่านตอนขากลับพอดี คือเราไปอยู่รอท่าน แต่เผอิญว่าจะได้เห็นพระพักตร์ใกล้ๆ ตอนที่ท่านเสด็จพระราชดำเนินกลับ ชัดมาก เป็นภาพจำชัดว่า พระพักตร์ของพระองค์ท่านแจ่มใส และแย้มพระสรวลเล็กน้อย แต่ว่าสายพระเนตรของพระองค์ท่านทอดพระเนตรมาหาพวกเราทุกๆ คนสองข้างทาง ที่เราไปเฝ้ารับเสด็จ เราก็รู้สึกว่า เราขอเป็นส่วนเล็กๆ ที่ได้เปล่งเสียงนี้ ไม่รู้ว่าพระองค์ท่านจะทอดพระเนตรเห็นเราไหม แต่เราเห็นพระองค์ท่านเต็มสองตา แล้วก็เป็นภาพที่อยู่ในใจเราตลอดไป” 

         ถามต่อว่า คำที่เปล่งเสียงออกไปในตอนนั้นพูดว่าอะไร 

         “จริงๆ ตอนแรกตั้งใจว่า “หนูรักพระองค์ท่านนะ” “เรารักในหลวง” คิดว่าจะทำสัญลักษณ์หรือว่าป้ายไฟดี แต่พอถึงเวลามันลืมหมดเลย เสียงที่เปล่งออกไปมีแต่ ทรงพระเจริญ จำได้ว่า แบบตะโกนดังมาก ดังที่แบบดังจริงๆ คือเรารู้สึกว่า นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเราที่เราจะได้เปล่งเสียงออกไป อย่างที่บอก เราไม่มีโอกาสมากนักที่เราจะได้รับเสด็จหรือใกล้ชิดพระองค์ท่าน เพราะว่าตอนที่เราได้รับตำแหน่งนางสาวไทยในปีนั้น มีงานถวายพระพร แต่ได้ยืนรับเสด็จที่ข้างทาง ข้างถนนราชดำเนิน ได้เห็นพระหัตถ์ท่าน ได้เห็นแต่ไกลๆ แต่เราก็รู้สึก คือนุ้ยเติบโตมา เกิดมาก็มีพระองค์ท่านแล้ว อยู่อย่างสุขสบายก็เพราะพระองค์ท่าน พ่อแม่ก็หล่อหลอมสอนมาว่า เราต้องจงรักภักดีและรักอย่างบริสุทธิ์ใจ มอบให้พระองค์ท่าน”

 

‘นุ้ย’ สุดกลั้นน้ำตา เลิกเห็นแก่ตัว ‘รักพ่อ’ ต้องทำดี

 

         “เลยรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นความตั้งมั่นในใจของเราว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราจะต้องได้เปล่งเสียงทรงพระเจริญแด่พระองค์ท่านให้ได้ยินนะ แล้วก็จะต้องได้ชมพระบารมีพระองค์ท่านให้ได้ในชีวิตของเรา อะไรอย่างนี้ นุ้ยก็เลยไม่รอโอกาส เลยเป็นคนคว้าโอกาสเอง พอมีโอกาสก็ไป และอีก 1 ครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย ที่ท่านเสด็จออกสีหบัญชร ตอนที่ประชาชนใส่เสื้อเหลืองไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มีโอกาสก็ไป ตอนนั้นได้ไปอยู่ด้านในพระที่นั่ง อยู่ตรงสนามหญ้า ได้เห็นพระองค์ท่าน แต่ใกล้ไม่เท่าตอนที่ไปทุ่งมะขามหย่อง แต่ด้วยพระบารมีพระองค์ท่าน เราไม่ร้อนเลย เรารอนานแค่ไหนก็ได้ รองเท้าส้นสูงเราก็ไม่เจ็บ เรารู้สึกว่า ช่วงเวลาการรอมันสั้นมาก พอพระองค์ท่านเสด็จออกมาแล้ว เป็นความรู้สึกยาวนานมาก พระบารมีพระองค์ท่าน ฉายส่องมา พระองค์ท่านทรงโบกพระหัตถ์ รู้สึกว่าเป็นอีก 1 ครั้งที่ได้มีโอกาสเปล่งเสียง ”ทรงพระเจริญ“ เป็นครั้งสุดท้ายของเรา แต่เราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งนั้น” นุ้ยกล่าว

         เมื่อถามถึงตอนที่ร้องไห้ขณะทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการอยู่ นุ้ยเปิดเผยว่า ความรู้สึกตอนนั้นมันยาก

         “ท่านเสด็จสวรรคตวันที่ 13 แล้วเราก็เคว้งคว้างอยู่ 2 วัน แล้วเราต้องมาทำหน้าที่ในวันจันทร์ ซึ่งมันเร็วสำหรับเรา ซึ่งเราตั้งตัวไม่ได้ พูดตรงๆ เสียศูนย์มาก แต่เราก็ต้องไปทำ ทำหน้าที่ของเราเพื่อที่จะบอกว่า คนวงการบันเทิง รัก เคารพ เทิดทูน ในหลวงรัชกาลที่ 9 ขนาดไหน (น้ำตาคลอ) เราต้องทำ เราก็ขอเป็นส่วนหนึ่ง ที่เราจะได้มีโอกาส ณ วันนั้น ได้รายงาน เรื่องที่คนในวงการบันเทิงอยากจะกล่าวถึงพระองค์แสดงความอาลัย แต่ทุกถ้อยคำที่ทุกคนกล่าวมาตรงใจและกินไปในใจเรา แล้วคือทุกอย่างที่เรากดเอาไว้ ที่เราเก็บเอาไว้ พยายามข่มเอาไว้ เหมือนถูกกระทุ้ง อันนี้ก็โดน คำนั้นก็โดน แม้ว่าจะพูดต่างวาระ ต่างความหมาย ต่างมิติกัน มันก็โดน ก็เลยกลั้นไม่ไหวจริงๆ วันนั้น คือต้องแบบขออภัย เราต้องพยายามนิ่งที่สุด เพราะถ้าไม่นิ่งเนี่ย น้ำตาไหลพรากไป ซึ่งเราต้องเข้าใจหน้าที่การงานของเราที่อยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควร แต่เราก็ไม่ควรไปชวนคนอื่นให้เสียใจกับเรา เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก็ข่มไว้ แต่มันเสียใจ เสียใจมาก แล้วบอกไม่ถูก น้ำตาไหลตอนเบรก เราก็ต้องเช็ด แต่มันเช็ดไม่ทัน ก็เลยมาไหลหน้าจอ เลยเป็นอย่างนั้น แต่พยายามแล้วจริงๆ”

 

‘นุ้ย’ สุดกลั้นน้ำตา เลิกเห็นแก่ตัว ‘รักพ่อ’ ต้องทำดี

 

         “เมื่อวานนี้ได้มีโอกาสเข้าไปลงนามถวายความอาลัย ร้องไห้อีก (น้ำตาไหล) เห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านก็น้ำตาซึม คือไม่ได้เลย จะบอกว่าวันแรกปวดหัวมาก อื้อเลย แต่เราต้องเข้มแข็ง เพราะว่าเราต้องเลี้ยงลูก แล้วให้ลูกเห็นไม่ได้ เพราะว่าลูกเรายังเด็ก เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงร้องไห้ ต้องเก็บเอาไว้ และเลี้ยงลูก พอลูกหลับไปแล้ว ก็มาเปิดแล้วนั่งร้องไห้ ทุกวันนี้เห็นพระราชกรณียกิจน้ำตาไม่หยุดไหล” นุ้ยกล่าว

         นอกจากนี้อดีตนางสาวไทยยังกล่าวด้วยว่า ถึงเวลาที่ต้องเลิกเห็นแก่ตัว ต้องหมั่นทำความดี

         “นุ้ยเชื่อว่า แม้ในวันนี้เราจะไม่มีพระองค์ท่านแล้ว ครั้งแรกเราเสียใจที่ไม่มีพระองค์ท่าน แต่นุ้ยมีความรู้สึกอีกความรู้สึกหนึ่งต่อมาว่า เราไม่ควรเห็นแก่ตัว ควรต้องเลิกเห็นแก่ตัว พึ่งพระองค์ท่านได้แล้ว พระองค์ท่านเหนื่อยพระวรกายเพื่อเรามามากแล้ว ขณะทรงพระประชวรอยู่ เสด็จฯ มา ที่เรารู้ว่าเสด็จแปรพระราชฐาน นึกว่าพระองค์ท่านจะมาเปลี่ยนพระอิริยาบถ แต่ไม่ใช่ พระองค์ท่านเสด็จฯ ลงมาเพื่อดูระดับน้ำ พระองค์ท่านห่วงเราเกินไป เราก็ต้องกลับไปดูสิ่งที่พระองค์ท่านสร้าง สอนให้แก่เรา ท่านได้วางพื้นฐานให้แก่เราแล้ว ต่อไปเป็นหน้าที่ของเราแล้วที่จะต้องเดินตามพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านทำจากความคิดวิเคราะห์ วิจัยจากความคิดที่แท้จริง ถึงได้ออกมาเป็นทฤษฎีต่างๆ ออกมาเป็นโครงการส่วนพระองค์ต่างๆ โครงการพระราชดำริต่างๆ ท่านทรงงานหนักมากเพื่อให้ได้ทฤษฎีที่แท้จริง ที่ใช้ได้จริง เดินตามแล้วเห็นผลจริง มีชีวิตมีความสุขที่จริงของคนไทย นุ้ยรู้สึกว่า ถ้าเราคิดถึงท่าน เราต้องทำความดี และเดินตามแนวทางของพระองค์ท่านในวิชาชีพของตัวเอง แนวทางของความถนัดของตัวเอง ตอนนี้นุ้ยก็จะสอนลูก เวลาเห็นรูปในหลวงรัชกาลที่ 9 นุ้ยจะบอกลูกว่าให้ไหว้ ให้สวัสดี ตอนนี้เวลาเขาเห็นนุ้ยเปิดในอินสตาแกรมเป็นภาพพระราชกรณียกิจ เขาเห็น เขาก็ไหว้เอง  เป็นความภูมิใจของแม่คนหนึ่งที่เริ่มต้นจากจุดนี้เหมือนที่พ่อแม่เราบอกเราตั้งแต่เด็กๆ ให้ไหว้ ไหว้ตอนแรกก็ไม่รู้ความหมายว่าไหว้เพราะอะไร แต่เมื่อเขาโต เขาพร้อม เขาจะรู้ความหมายที่วันนั้นแม่บอกให้หนูไหว้ ไหว้เพราะอะไร” นักแสดงสาวชื่อดังกล่าวทิ้งท้าย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ