‘ดาราจิตอาสา’ปันน้ำใจ ณ ท้องสนามหลวง

   ณ ท้องสนามหลวง โมงยามนี้ ยังมีเหล่าพสกนิกรของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาถวายความอาลัยเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงคนบันเทิง ที่มาแบ่งปันน้ำใจเหมือนเช่นทุกๆ วัน
    “แกงส้ม” ธนทัต ชัยอรรถ “แกรนด์” กรณ์ภัสสร ด้วยเศียรเกล้า “เจษ” เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ “พรีน” รวิสรารัตน์ พิบูลภานุวัธน “ลิลลี่” ภัณฑิลา วิน ปานสิริธนาโชติ “ซี” หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช นักแสดงจาก “เอ็กแซ็กท์” ก็ได้มาร่วมแจกของให้ประชาชนที่ท้องสนามหลวง

 

ทีมดารา "เอ็กแซกท์"

    “แกงส้ม” ธนทัต กล่าวว่า วันนี้มาทำกิจกรรม และเหมือนกับมาแจกของเล็กๆ น้อยๆ ที่สนามหลวง วันนี้มากับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในช่องวัน วันนี้ผมจะมาแจกผ้าเย็น และเดี๋ยวจะเดินเก็บขยะด้วย
    “ส่วนตัวผม มาที่นี่ประมาณ 3 ครั้งแล้ว ทั้งมาไหว้สักการะ อย่างล่าสุดคือมาร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี มาช่วงตอนค่ำ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่มา จริงๆ จะเห็นอยู่แล้ว เวลาที่เรามา จะเห็นคนโน้น คนนี้ มาแจกน้ำ มาแจกขนมบ้าง แต่วันนี้เราจะมาแจกผ้าเย็น ถามว่าได้เห็นคนไทยรัก สามัคคีกันรู้สึกยังไง ผมว่าตอนนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะทุกคนพร้อมใจ และรวมใจกันมาทำสิ่งที่ดี ทำให้เราได้หันมามองหน้ากัน เป็นความรู้สึกที่ดี สำหรับชาติเราตอนนี้
    ส่วนพระราชดำรัสที่ยึดถือมีอยู่หลักหนึ่งที่ผมชอบมากๆ เลย อันนี้ผมอาจจะพูดไม่ได้เป็นฉบับเป๊ะๆ นะ แต่ประมาณว่า ท่านจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นนักแต่งเพลง นักเขียน หรืออะไร ทุกอย่างที่เกี่ยวกับศิลปะและบันเทิง เราไม่ได้ทำเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว แต่เราต้องตอบด้วยว่า คนที่เขาได้เห็นงานของเรา เราให้อะไรแก่คนที่เขาชื่นชมงานของเราบ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ผมยึดเอาไว้ตั้งแต่ผมเริ่มทำเพลงเองลงยูทูบแล้วว่าต้องให้อะไรคนฟังด้วย เหมือนกับเป็นหลักในการทำงานเลย ไม่ว่าเราจะสร้างอะไรขึ้นมาสักหนึ่งงาน ไม่ใช่แค่คนเรามีความสุข หรือคนฟังมีความสุข แต่สิ่งที่เขาได้รับต่างหากสำคัญที่สุด เขาฟังแล้วเขาได้อะไรไปบ้าง จากงานที่เราตั้งใจทำมา” แกงส้มกล่าว

 

"แกงส้ม" ธนทัต

    ด้าน “แกรนด์” กรณ์ภัสสร ที่นำยาดมจากฝีมือการทำด้วยตัวเองมาร่วมแจกประชาชนที่ท้องสนามหลวงด้วย กล่าวว่า 
    “วันนี้ก็มาร่วมกับช่องวันนะ เราแท็กทีมกันมาหลายคน มีแกรนด์ แกงส้ม น้องพรีน เจษ ก็ตั้งใจที่จะมาแจกผ้าเย็น เก็บขยะ และโดยส่วนตัวแกรนด์ระดมทุนทำกับเพื่อน ทำยาดมเอง เป็นยาดมแฮนด์เมด เพราะเชื่อว่ามีคนที่ต้องการอีกเยอะ ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ที่จะเปิดให้เข้าพระบรมมหาราชวัง คนจะเยอะมากๆ ทำเป็นพันอันเลย ระดมทุนกันเอง ทำเอง ต้นทุนมันจะถูกกว่าด้วย แล้วเราก็รู้จักคนที่ทำอยู่แล้ว ก็ไปทำกันเองด้วย ไปนั่งยัดไส้ปิดฝาเป็นอะไรที่ทำแล้วมีความสุขที่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ มันจะเป็นประโยชน์แก่คนไทยด้วยกัน ก็ใช้เวลาทำนานอยู่นะ จริงๆ ทยอยทำทยอยแจก แต่ทำเป็นพันๆ ชิ้นเลย ช่วยกันทำกับเพื่อนๆ เอามาเดินแจกทีละลอตๆ กว่าจะทำได้แต่ละอันก็ใช้เวลาหน่อย แต่แกรนด์พยายามทำ อยากจะแจกจ่ายให้คนไทย แล้วก็ทำฉลากเป็น “เกิดในร.9” ด้วย เหมือนเป็นของที่ระลึกให้จดจำในช่วงเวลานี้ไว้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่คนไทยเรารักกัน ช่วยเหลือกัน” แกรนด์กล่าว

 

"แกรนด์" กรณ์ภัสสร

    ด้าน “หนุ่ม วงกะลา” ณพสิน แสงสุวรรณ ที่มาร่วมจิตอาสาแจกอาหารที่ท้องสนามหลวงกล่าวว่า เมื่อ 17 ปีที่แล้วได้มีโอกาสทำเพลงเพื่อพ่อ หนุ่มเผยว่า
    “ตอนนั้นเป็นโปรเจกท์ของแกรมมี่ ที่จะทำเพลงเทิดพระเกียรติทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ชื่อเพลง “พ่อบอก” เนื้อหาพูดถึงคนไทย ไม่ว่าจะเกิดในสังคมไหนก็ตาม ท่านอยากเห็นพวกเรารักกัน การร้องเพลงเป็นเรื่องใกล้ตัวของผม ความคิดในตอนเด็กวันนั้น คือการเป็นคนดีและอยากเห็นทุกคนรักกัน ตอนนั้นเป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง มีการจุดพลุ ประดับไฟสวยงามมาก ผมเป็นคนหนึ่งที่มาเดินดูบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง ส่วนตัวรู้สึกดีมาก หัวใจพองโต แต่ผมไม่เห็นบรรยากาศนั้นในหลายปีมาแล้วเหมือนกัน อารมณ์ที่ถ่ายทอดเพลง ตอนนั้นรู้สึกว่าเราได้ทำเพลงเพื่อพ่อ เป็นเกียรติต่อตัวเองและครอบครัว” นักร้องชื่องดังกล่าว

 

หนุ่ม กะลา

    ด้าน “เนม” ปราการ ไรวา ที่มาเป็นครั้งที่ 2 เปิดเผยว่า “วันนี้ภูมิใจและตื้นตันใจเหมือนครั้งแรก มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมมาในตัวแทนของศิลปินแกรมมี่ มาแจกของในเต็นท์ของสภาสังคมสงเคราะห์ฯ อาหารหลากหลายพี่น้องก็เรียบร้อยต่อแถวกันเป็นระเบียบ วันแรกที่ผมมา คือแตกต่างกันเลย เพราะตอนนั้นฝนตก จะเห็นคนวิ่งไปมาใส่ชุดกันฝน แต่วันนี้อากาศร้อนก็จะต้องการอะไรเย็นๆ ขนม น้ำเย็น ส่วนที่คิดมาเป็นจิตอาสา เพราะเราได้เห็นภาพจากสื่อต่างๆ ทุกวันว่าคนทุกคนมาด้วยใจ มาจากทั่วประเทศจริงๆ บางคนไม่มีที่นอน เดินทางมายากลำบาก เราเห็นก็อยากจะช่วย ตอนนี้คนไทยทุกคนควรจะรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมดีใจนะมาที่นี่ มาช่วยเป็นจิตอาสา เราได้เพื่อนใหม่โดยอัตโนมัติเลย อย่างคนที่เรายืนแจกของข้างๆ เขารู้ว่าเรามาด้วยหน้าที่เดียวกัน สร้างมิตรภาพใหม่ๆ” เนมกล่าว

    ด้าน “พลอยชมพู” ญานนีน ภารวี ไวเกล ที่มาทำหน้าที่จิตอาสาวันนี้ เปิดเผยว่า ได้มีโอกาสเล่นหนังสั้นเทิดพระเกียรติเรื่อง “อมยิ้ม”
   “หนูได้เล่นหนังสั้นเพลงพระราชนิพนธ์เรื่อง “อมยิ้ม” รู้สึกดีใจ และภูมิใจที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกท์นี้ รู้สึกว่าเป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ภูมิใจมาก ที่เราได้เป็นส่วนหนึ่ง เป็นเหมือนความทรงจำและความภาคภูมิใจที่เราได้ทำอะไรเพื่อท่านด้วย (ตอนที่เป็นเด็ก อาจจะไม่ได้ดูพระราชกรณียกิจของท่าน พอมาเห็นตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง) ตอนเด็กๆ แม่ก็เคยเล่าเรื่องในหลวงให้ฟัง คือหนูอาจจะไม่ได้ทราบเท่าที่คนที่เกิดที่เมืองไทย อาจจะรู้แค่บางเรื่อง แต่รู้สึกประทับใจที่ในหลวงท่านทำอะไรให้ประชาชน และประเทศไทยให้อยู่อย่างมีความสุข เลยเข้าใจว่า ทำไมคนไทยถึงรักในหลวงมากขนาดนี้ ถามว่าได้นำคำสอนอะไรของพระองค์ท่านมาใช้บ้าง คือคำสอนอาจจะจำไม่ได้ แต่หนูเห็นจากที่ท่านทรงทำมาก่อน คือหนูก็อยากจะตั้งใจทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด อยากจะทำด้วยความรัก” นักร้องสาวกล่าว

 

หนุ่ม กะลา-พลอยชมพู-เนม เก็ทสึโนวา

 

    “นิว” วงศกร ปรมัตถากร ที่มาเป็นจิตอาสา แต่ช่วงนี้มีเรื่องดราม่าบ่อยๆ จึงได้สอบถามนิวว่ารู้สึกอย่างไร เจ้าตัวเปิดเผยว่า “ผมว่าทุกคนรู้อยู่แล้วว่าพ่อไม่สอนให้เราทะเลาะกับใคร ไม่สอนให้เราจับผิดใคร เรามาทำดีเพื่อตัวเราเอง เราอยากให้เขาเป็นแบบไหน เราก็ต้องทำให้เขาเห็นเป็นตัวอย่าง ผมเชื่อว่าถ้าเขามีความรู้สึกเดียวกันกับเราเขาก็จะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ รู้ว่าอะไรเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ผมเชื่อว่าข้างในจิตใจคนเราไม่สามารถวัดความเสียใจได้ว่าใครเสียใจมากหรือน้อยกว่าใคร ทุกคนเสียใจเท่ากันหมด แต่สิ่งที่แสดงออกมาภายนอกขึ้นอยู่กับว่าใครเลือกที่จะแสดงออกมาแบบไหน ซึ่งเราก็เคารพตรงจุดจุดนั้น ไม่ว่าใคร แต่ควรทำยังไงว่าอะไรที่ไม่เหมาะสมก็อย่าทำ วันนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล ก็เป็นสิ่งที่ดีเราต้องสมัครสมานสามัคคีกัน เพราะคนที่มาคือคนที่เขาทำจริงๆ ทำมาเป็นจิตอาสา คนที่มาถวายความอาลัยขอให้มาด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ส่วนคนที่แอบแฝงผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ให้คุณสำนึกเอาไว้ในสิ่งที่คุณทำ ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณหรอก ไม่มีใครทำอะไรคุณ แต่อยากให้คุณลองดูว่า คุณอายไหมกับสิ่งที่คุณทำ” นิวตอบ

 

"นาว" ทิสานาฏ-"นิว" วงศกร

 

    ส่วน “นาว” ทิสานาฏ ศรศึก เปิดเผยถึงความรู้สึกที่มาร่วมเป็นจิตอาสาว่า “เห็นชาวไทยรักกับแบบนี้ก็รู้สึกดีใจ ไม่อยากให้รักกันเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ อยากให้รักกันตลอดไป ถ้าคนไทยรักกันแบบนี้ ตั้งแต่แรกพระองค์ท่านคงสบายใจมากกว่านี้ แต่ก็อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสมของสถานที่ด้วยว่าเรามาทำอะไร ไม่อยากให้รู้สึกว่า เอะอะโวยวาย อาจจะไม่ถูกกาลเทศะ นาวเคยมีโอกาสถวายงานเฉพาะพระพักตร์ในหลวงรัชกาลที่ 9 นานแล้วตอนเด็ก ประมาณ ม.4 ในงานสมเด็จพระเจ้าพี่่นางเธอฯ ถูกคัดเลือกให้มาแสดงโขนกับคุณครู ซึ่งเราได้เป็นส่วนหนึ่ง เป็นเด็กตัวเล็กๆ แต่เรารู้สึกมีบุญที่ได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จฯ มาทอดพระเนตร เราเป็นประชาชนตัวเล็กมาก แล้วเรารู้สึกว่า ไม่มีโอกาสแน่ๆ ถ้าวันนั้นเราไม่ได้มีโอกาสคัดเลือก ไม่มีโอกาสได้เจอพระองค์ท่านแน่ๆ แต่วันนั้นคงเป็นบุญของหนูที่ได้เห็นพระองค์ท่าน เป็นความปลื้มปีติที่ไม่มีวันลืมเลย ถามว่าแอบมองพระองค์มั้ยแอบมอง เราตื่นเต้นด้วย ได้ไปรับเสด็จพระองค์ท่าน ก็อึ้ง น้ำตาไหล สะกิดเพื่อน เพื่อนเราก็น้ำตาไหล มันไหลออกมาเอง รู้สึกว่า ทำไมเรามีบุญขนาดนี้(น้ำตาคลอ) หนูขอเป็นคนดี แล้วขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสืบสานศิลปวัฒนธรรมของคนไทยให้คงอยู่ ตัวเราเองก็เคยเป็นครูฝึกสอนด้วย จะบอกนักเรียนเสมอว่า ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องเชย เป็นเรื่องล้าสมัย อยากให้มองว่าเป็นเอกลักษณ์ของประเทศชาติ พระองค์ท่านยังอนุรักษ์เลย เราเป็นคนไทย เป็นลูกของพระองค์ ทำไมเราจะทอดทิ้งสิ่งเหล่านี้ไป" นาวกล่าวสรุป