จอแก้ว ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ เรื่อง เหรียญของพ่อ

โดย… นนทรีย์ นิมิบุตร

    “ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่าหนังเทิดพระเกียรติเป็นแนวดรามา เพื่อให้เกิดความซาบซึ้ง ผมก็เลยคิดว่าทำอย่างไรมันถึงจะให้ความแตกต่าง แล้วค่อยแทรกความรู้สึกที่มีต่อในหลวง ไอเดียของหนังเรื่องนี้เกิดจากเรื่องจริงที่เคยอ่าน เคยฟังมา เช่น ตัวเอกเป็น ตชด.ที่ถูกยิงจากผู้ก่อการร้าย แล้วลูกปืนที่ยิงเข้าหัวใจมันไปกระแทกโดนเหรียญที่เขาห้อยอยู่แล้วไปโดนที่แขน” นนทรีย์กล่าว

    รับชมได้ในช่วง หนังสั้น เนชั่น ทีวี ช่อง 22 เวลา 11.30 - 12.00 น. และ 23.30 - 24.00 น.
นำแสดง... 
“บิ๊ก” ทองภูมิ สิริพิพัฒน์, รับบทเป็น ร้อยตำรวจโทสิทธา
“ฝ้าย” อริญรดา ปิติมารัชต์ รับบทเป็น น้ำ 
สุเมธ องอาจ รับบทเป็น ครูธานี 
    'พระเจ้าอยู่หัวท่านทำงานหนักมากเพื่อประชาชน ทำงานมากกว่าพวกเราจะทำได้มากมายมหาศาลนัก ท่านไม่มีวันหยุดเลย หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนตัวแทนคนแต่ละรุ่น จากปู่มาพ่อ จากพ่อมาลูก ที่ได้เห็นและรับรู้ถึงงานที่พระเจ้าอยู่หัวทำให้ประชาชน จากรุ่นหนึ่งมาสู่อีกรุ่นหนึ่ง' นนทรีย์ นิมิบุตร กล่าว

เรื่องย่อ
    เรื่องราวของครอบครัวครู ธานี รักษ์ภูมิ ถูกบันทึกลงในสมุดจากรุ่นสู่รุ่น บอกเล่าถึงเรื่องราวของพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่พระราชทานให้กับครอบครัวครูธานี นับตั้งแต่ที่ครูธานี ต้องสุญเสียขาข้างซ้ายไปจากเหตุการณ์ความไม่สงบในสามชายแดนภาคใต้หลังจากที่เขากลับจากการรับพระราชทานเหรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานนะครูดีเด่น โดยมีลูกชายและเด็กนักเรียนอีกหลายคนนั่งมาในรถด้วย หลังเหตุการณ์ ขณะที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ครูธานีหันไปมองแจกันดอกไม้พระราชทานที่มีสัญลักษณ์ประจำตัวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จย่าฯ ที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียง พลันน้ำตาของครูธานีก็ได้ไหลออกมาด้วยความปลื้ม ปิติในพระมหากรุณาธิคุณ
    สิทธาลูกชายของครูธานี เจริญรอยตามอุดมการณ์ของพ่อโดยการไปเป็นตำรวจตะเวนชายแดน และได้แต่งงานกับน้ำพยาบาลสาวบนดอย ซึ่งคอยเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา พร้อมมีลูกที่น่ารักด้วยกันหนึ่งคนคือนุ่ม สิทธาและชาติเพื่อนสนิททำงานอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ และมีโอกาสได้เข้าเฝ้ารับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เสด็จมาเยี่ยม ตชด.ถึงบังเกอร์ด้วยพระองค์เอง สร้างความปราบปลื้มใจเป็นอันมาก และเหรียญพระราชทานจากในหลวงซึ่งพ่อของเขาให้มา ก็ถือว่าเป้นของขวัญกำลังใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี
    สิทธิและเพื่อน ตชด. ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้แผ่นดินไทยสงบ ปราศจากภัยร้ายจากยาเสพติด ทำให้เขาและชาติ เพื่อน ตชด. หน่วยเดียวกันต้องตกวงล้อมของผู้ค้ายา จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด จนกระทั้งมาถึงบัดนี้ นุ่น ลูกสาวของสิทธิก็ยังคงมีความตั้งใจมั่นที่จะสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้แผ่นดินไทย ด้วยการเข้าร่วมเป็นแพทย์อาสา พอสว. เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่ประสบทุกข์ภัยโดยไม่นึกหวั่นต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง โดยทั้งสามคนสามรุ่นมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจสิ่งเดียวกันคือ เหรียญตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ครูธานีได้รับพระราชทานเมื่อครั้งที่เขารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ด้วยความเคารพเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ด้วยพระบารมีของพระบทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จำทำให้ผู้เสียสละและรักชาติทุกคนพบเจอแต่สิ่งที่ดีในชีวิต และใครจะเชื่อว่า เหรียญของพ่อเหรียญนี้จะนำมาซึ่งปาฏิหาริย์อย่างไม่น่าเชื่อ
    สุดท้ายสิ่งที่นนทรีย์หวังว่าคนดูจะได้จากหนังสั้นเรื่องนี้ ก็คือ 
    มุมมองในภาพยนตร์เรือง “เหรียญของพ่อ ที่เราอยากถ่ายทอดไปก็คือ คนรุ่นใหม่จะได้เข้าใจความรู้สึกของคนรุ่นเก่า ว่าสิ่งที่เขาได้รับมาตลอดต่อเนื่อง แต่ละรุ่นเขารู้สึกอย่างไรต่อพระองค์ท่าน อาจจะมีคนที่พูดว่าเคยแต่ได้ยินว่าในหลวงท่านทรงงาน แต่ไม่คยเห็นไม่เคยรู้สึก ไม่เคยได้รับ โดยเฉพาะเด็กในกรุงเทพฯ ยิ่งไม่ค่อยรู้สึก เพราะเวลาท่านทรงาน ท่านทรงงานทั่วประเทศ เราดูหนังพระราชกรณียกิจต่างๆก็จะเห็นว่าพระเจ้าอยู่หัวทำงานหนักมากเพื่อประชาชน ทำงานมากกว่า พวกเราจะทำได้มากมาย มหาศาลนัก ท่านไม่มีวันหยุดเลย หนังเรื่องนี้ก็เหมือนเป็น ตัวแทนคนแต่ละรุ่น จากปู่มาพ่อ จากพ่อมาลูก ที่ได้เห็น และรู้สึกซาบซึ้งกับงานที่พระเจ้าอยู่หัวทำให้ประชาชน
    เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับหนังสั้น ‘เหรียญของพ่อ’
    ฟุตเทจทั้งหมดที่ผู้กำกับ นนทรีย์ นิมิบุตร ถ่ายไว้ มี ความยาว 500 นาที และเป็นฟุตเทจที่ใช้ได้ทั้งหมด ถ้ามีโอกาสเขาบอกว่าอยากทำให้หนังสั้นเรื่องนี้ มีความยาว 1 ชั่วโมง ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้นักแสดงแค่ 4 คน แต่ 4 คนนี้จะ ต้องมารับบทต่างช่วงเวลากัน คนที่จะต้องเล่นเป็นหลาย ตัวละครมากที่สุด คือ น้องฝ้าย-อริญรดา ปิติมารัชต์ เธอเล่นตั้งแต่ช่วงอายุ 20 ถึง 50 ปี 
    ฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างจากเรื่องจริงจากน้ำพระทัยในหลวง คือฉากที่ในหลวง ได้ยินเสียงจากวิทยุสื่อสาร ว่ามีทหารบาดเจ็บ พระองค์จึงมีรับสั่งให้ส่งเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งออกไปรับทหารที่บาดเจ็บ 
    อุปสรรคของกองถ่ายในตอนแรกของหนังสั้นเรื่องนี้ คือฝน แต่เมื่อถ่ายทำจริงๆ แล้ว ถือว่า เป็นเรื่องดี นนทรีย์บอกว่าบรรยากาศของฝนที่ตกกลับยิ่ง ทำให้หนังสมจริงมากขึ้น และได้ภาพที่สวยอย่างที่ตั้งใจ