'เอก' รับคำสั่ง ‘ท่านมุ้ย’ เร่งสร้าง‘พระนอน’ถวายบูรพกษัตริย์

         เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่ทำงานในวงการบันเทิงมานาน รวมถึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าเบื้องพระยุคลบาท ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับเป็นบุญของ “เอก” สรพงษ์ พร้อมเปิดเผยความรู้สึกในวันที่ประชาชนมาร่วมร้องเพลง “สรรเสริญพระบารมี” เต็มท้องสนามหลวง รวมถึงการที่ “ท่านมุ้ย” ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล บอกให้สร้าง “พระนอน” ถวายบูรพมหากษัตริย์สยามประเทศทุกพระองค์

 

         เอก - สรพงษ์

 

         “บรรยากาศในวันนี้ (22 ต.ค.) ผมมาในฐานะติดตามท่านมุ้ย (ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล) ท่านมีทีมงานเยอะ เขาประชุมงานกันเป็นอาทิตย์แล้ว ส่วนผมเพิ่งมา เลยรับสั่งจากท่านมุ้ย ท่านให้ดูแลความเรียบร้อยของประชาชน ให้ทำความเข้าใจกับประชาชน ว่าเราจะถ่ายกันอย่างไร เวลาถ่ายแต่ละคนจะต้องทำตัวอย่างไร เช่นว่าช่วยกรุณาถอดหมวก หุบร่ม ถอดแว่นตาดำ หันหน้าไปทางสนามหลวง หันหลังให้วัดพระแก้ว คอยดูแลทีมนักแสดงว่าต้องอยู่ตรงจุดไหน ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อไม่ให้เขาเบื่อ นำทีมนักแสดงขึ้นมาพูดให้กำลังใจประชาชน ว่าที่มาวันนี้ ก็เพื่อพ่ออยู่หัวของเรา ไม่ว่ายังไงเราก็จะอยู่กับคุณ 4 ทุ่ม ใครมีแรงก็มาสู้กันอีก” เอกกล่าว 

         พร้อมกล่าวต่อว่า บรรยากาศในวันนี้ ไม่เห็นมีใครแสดงสีหน้าเบื่อ ทุกคนอดทน เป็นความภาคภูมิใจและประทับใจ 

         “ผมไม่เห็นมีใครมีสีหน้าเบื่อเลย ผมอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ 7 โมงช้า ยืนหันหลังให้วัดพระแก้ว ประชาชนจองที่กันไม่ไปไหน ซึ่งเป็นมุมภาพที่หันหลังให้วัดพระแก้ว เป็นมุมที่เราต้องการ พอถ่ายทำเสร็จแล้ว เขาไม่ลุกไปไหน เขายังรอดูต่อ ผมไม่รู้สึกอยากลับเลย เรียกว่าวันนี้คนมาแน่นเต็มพื้นที่ ผมเกิดมา 67 ปี ยังไม่เคยเห็นภาพนี้มาก่อน เป็นภาพที่เราดีใจแทนเขา เป็นความสุขเล็กๆ ในหัวใจเขา ที่ได้มาอยู่ในวันนี้ เป็นความภูมิใจความประทับใจ เราจะได้เล่าให้ลูกให้หลานฟัง ว่าบรรยากาศวันนี้เป็นอย่างไร” เอกกล่าว

         ส่วนความรู้สึกในการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี นักแสดงรุ่นใหญ่กล่าวว่า เป็นความรู้สึกเหงาอยู่ในใจ "มันรู้สึกเหงา มันว้าเหว่ ไม่เหมือนกับที่เราร้องในครั้งผ่านๆมา วันนี้มันเหมือนเราร้องด้วยความสูญเสีย ความอาลัย ความรู้สึกมันเต็มไปด้วยความสูญเสีย อย่างเวลาได้เห็นท่านเสด็จมา ท่านจะโบกมือให้กับประชาชน วันนี้พอได้หลับตา นึกถึงความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อพระองค์ท่านมันรู้สึกเหงา” เอกกล่าว

         นอกจากนี้นักแสดงรุ่นใหญ่ เล่าว่า ที่ผ่านมาเคยได้รับพระราชทาน “รางวัลตุ๊กตาทอง” จากพระองค์ท่าน และได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอย่างไม่เป็นทางการอยู่หลายครั้ง 

         “เคยเข้าเฝ้ารับรางวัลพระราชทานรางวัลตุ๊กตาทอง 2519 ผมได้รับรางวัลจากพระหัตถ์ท่าน ตอนนั้นอายุ 24-25 ปี เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นความรู้สึกบรรยายไม่ถูก ว่าประทับใจมากอย่างไร หลังๆ ได้มีโอกาสตามท่านมุ้ย เลยได้ตามไปกราบพระบาท ท่านมุ้ย ก็แนะนำนี่สรพงษ์ ขับรถมาให้พะย่ะค่ะ ก็ไปเข้าเฝ้าอย่างไม่เป็นทางการอยู่หลายครั้งเหมือนกัน 

         ในสายตาประชาชนอย่างผม พระองค์ท่านเป็นคนทำอะไรทำจริง ท่านมีทุกอย่างแล้ว ผู้คนสรรเสริญ แต่ท่านก็เลือกทำให้ประชาชนของท่านมีความสุข อย่างพวกเราทำ ก็อาจจะทำเอาลาภ เอายศ เอาตำแหน่ง เพื่อหน้าที่การงานที่สูงขึ้น แต่สำหรับท่านเอง ท่านมีหมดแล้ว ท่านมีทั้งลาภ ทั้งยศ ผู้คนชื่นชม เพียงแต่ว่าสิ่งที่ท่านทำเพื่อประชาชนนั้น ท่านทำแล้วมีความสุข ผมเคยไปถ่ายหนังที่ ดอยตุง ไม่มีต้นไม้เลย กลับไปวันนี้ มีทั้งน้ำ ผลหมากรากไม้ ประชาชนไม่ต้องปลูกฝิ่น ไม่ต้องหนี ไม่ต้องอยู่อย่างล่องลอย เขามีความสุข ตรงไหนที่แห้งแล้ง เมื่อท่านไป กลับมาก็จะร่มเย็น ตรงไหนที่ถนนไม่ลาดยาง ท่านเสด็จไปเมื่อไหร่ ที่นั่นจะเจริญ ในหลวงไปไหนที่ตรงนั้นจะเจริญ เป็นเรื่องที่น่าแปลก ท่านเอาน้ำไปหยดลงตรงไหน ต้นไม้ก็ขึ้น คนธรรมดาอย่างเราๆ ทำไม่ได้หรอก” เอกกล่าว

 

    ท่านมุ้ย ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล   

 

         พร้อมกล่าวต่อว่า “ท่านมุ้ย” ให้สร้าง “พระนอน” ถวายแก่บูรพมหากษัตริย์สยามประเทศทุกพระองค์ 

         “ผมกำลังสร้างพระพุทธเจ้า ยาว 99 เมตร ก่อนหน้านี้เคยสร้าง “หลวงปู่โต” ถวาย ตอนพระองค์ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ตอนนี้ท่านมุ้ยให้ผมสร้างพระนอนถวายบูรพมหากษัตริย์สยามประเทศทุกพระองค์ จะสร้างไว้ที่อำเภอสีคิ้ว ที่เดียวกับวัดที่สร้างหลวงปู่โต เราจะไปซื้อที่ ขยาย จะให้อาจารย์ เผ่า สุวรรณศักดิ์ศรี ที่เป็นศิลปินแห่งชาติออกแบบวิหารตัวอาคาร ถามว่าทำไมถึงจะสร้างเป็นพระนอน คือตอนที่พระนเรศวรทรงทำยุทธหัตถี ท่านทรงไหว้ขอพรพระนอนที่วัดป่าโมกข์ แล้วในประเทศพม่าที่พระนเรศวรประทับอยู่ ที่ท่านถูกจับไปเป็นเชลย บริเวณนั้นมีพระนอนเยอะ พระพุทธไสยยาสน์เป็นปางที่พระพุทธเจ้าโปรด เป็นปางที่เหมือนนอนปราบทิฐิ ตอนนี้ออกแบบองค์เล็กๆ ไปประมาณเมตรหนึ่ง กำลังจะขยายแบบเป็น 99 เมตร คิดว่าน่าจะเสร็จไม่เกิน 10 ปีนี้ไป เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ของพวกเรา แผ่นดินต้องก้าวไปข้างหน้า ไม่มีถอยหลัง สิ่งที่พ่อทำไว้ ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้ ผมคิดอย่างนั้นนะ 4000 กว่าโครงการ 4000 กว่าเรื่อง ล้วนแต่มาจากมันสมองของพระองค์ และทีมงานที่จงรักภักดีต่อพระองค์ผมว่าไม่ธรรมดา” เอกกล่าว 

        สุดท้าย “เอก” สรพงษ์ กล่าวให้กำลังใจคนไทยว่า “ตอนนี้ทุกคนว้าเหว่และเหงา แต่เรายังต้องทำดี โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน โดยปิดทองหลังพระ ความดีนั้นจะอยู่กับตัวเรา หากไม่มีใครรู้ แต่เราก็จะมีความสุขกับตัวเราเอง วันนี้เราได้เก็บขยะสักชิ้นหนึ่ง เราก็มีความสุขของเราเองได้โดยการทำความดี ที่เราไม่ต้องจากใคร” เอกกล่าวสรุป