บันเทิง

'คนบันเทิง' จิตอาสารวมตัวทำความดีเพื่อ 'พ่อ'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คนบันเทิง ร่วมแรงร่วมใจ แจกของ แจกอาหาร ขนม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย บริเวณท้องสนามหลวง

         วันที่ 20 ตุลาคม ประชาชนเดินทางมาถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันเหล่า คนบันเทิง ก็มาร่วมแรงร่วมใจ แจกของ แจกอาหาร ขนม ฯลฯ ให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย บริเวณท้องสนามหลวง

'คนบันเทิง' จิตอาสารวมตัวทำความดีเพื่อ 'พ่อ'

         “บุ๋ม” ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ที่มาร่วมแจกอาหารเผยความรู้สึกว่าวันนี้มาในส่วนของกองทัพเรือ เพราะบุ๋มมีพระองค์ท่านเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตมาโดยตลอด

         "ที่อยากเล่นเรือใบเพราะมีแรงบันดาลใจจากการเห็นภาพของพระองค์ท่านทรงเรือใบ พระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถในการทรงเรือใบ บุ๋มเองเลยไปเรียนเรือใบตอนสมัยเป็นนางสาวไทย ตอนนั้นก็แอบไปเรียนไปแข่งเองที่สัตหีบเป็นเรือใบรุ่นเดียวกับที่พระองค์ท่านทรง เรามีพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างจริงๆเป็นแรงบันดาลใจทำให้บุ๋มเลือกงานอดิเรกนี้และอยากจะมีงานอดิเรกหลากหลายแบบพระองค์ท่าน เพราะพระองค์ท่านทรงพระปรีชาสามารถหลายด้าน กีฬาดนตรี ศิลปะ วิชาการ บุ๋มเคยแข่งเรือใบชิงถ้วยพระราชทานได้ครั้งที่25 เป็นการแข่งในระดับนานาชาติมีต่างชาติมาร่วมแข่งมากมาย เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากจากการได้เดินตามท่าน ยังมีถ้วยเก็บไว้ที่บ้าน ตอนนั้นที่ไปแข่งทางกองทัพเรือตื่นเต้นมากเพราะช่วง10กว่าปีก่อนไม่ค่อยมีผู้หญิงเล่นเรือใบ

         ส่วนอีกกิจกรรมหนึ่งที่บุ๋มได้แรงบันดาลใจจากพระองค์ท่านคือการถ่ายภาพถึงขนาดที่บุ๋มต้องซื้อกล้องแบบ มืออาชีพเพื่อจะได้เอามาถ่ายภาพตามแบบอย่างพระองค์ท่าน มีครั้งหนึ่งช่วงฉลองสิริราชสมบัติครบ50ปี บุ๋มได้เป็นหนึ่งในทีมของการถวายงานพระองค์ท่าน ตอนนั้นช่างภาพระดับประเทศจะถูกคัดเลือกมาประมาณ30คนซึ่งบุ๋มเป็นหนึ่งในนั้น ไปถ่ายภาพโครงการหลวงคนละ1โครงการห้ามซ้ำกัน บุ๋มเลือกไปดอยอินทนนท์ เราขับรถไปคนเดียว ในวันที่แสดงภาพถ่ายทีมงานมาบอกบุ๋มว่าพระองค์ท่านทอดพระเนตรภาพของบุ๋ม คำพูดแค่นี้เราดีใจมากแล้ว ภาพของบุ๋มเป็นภาพชาวเขากำลังยืนกอดแอปเปิ้ลด้วยรอยยิ้ม บุ๋มรู้สึกว่าสิ่งที่ได้จากโครงการหลวงไม่ใช่เรื่องของเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวเขาที่เปลี่ยนไป บุ๋มดีใจที่ได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้น มันเป็นกิจกรรมที่คุ้มค่ามากในชีวิตที่บุ๋มได้ทำ ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นพระมหากษัตริย์ประทับโต๊ะอาหารหรูๆ ในท้องพระโรงใหญ่ๆ เมืองไทยเราก็มีเพราะเห็นได้จากงานราชพิธีแต่เราจะเห็นภาพพระมหากษัตริย์ของเราทรงงานจนเหงื่อไหลไคลย้อย บุกป่าเขาลำเนาไพร เรารู้สึกโชคดีมากๆที่ได้เกิดบนประเทศนี้ มีประโยคหนึ่งที่เขาจะพูดกันในช่วงนี้ว่า “ประเทศไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศที่ดีที่สุด แต่มีพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุด” จากประสบการณ์ที่บุ๋มไปเรียนต่างประเทศมา3ประเทศบุ๋มบอกได้เลยว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ดีที่สุดแล้ว เราโชคดีมาก ไม่อย่างนั้นฝรั่งคงจะไม่ขวนขวายที่จะมาอยู่ในประเทศเรากัน

           ณ วันนี้บุ๋มพยายามสอนลูกสาวว่าเขาโชคดีที่เกิดมาในช่วงที่ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มีครบทุกสิ่งอย่าง เพราะท่านทรงงานหนักมากเพื่อพวกเราคนไทย บอกลูกว่าลูกโชคดีขนาดไหนที่มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงรักพวกเรามากขนาดนี้ สอนเขาร้องเพลง เปิดพระราชกรณียกิจต่างๆของพระองค์ให้ลูกดู ลูกบุ๋มเองรู้เรื่องแล้วเขาก็รู้ว่าแม่ของเขารักพระองค์ท่านมาก บุ๋มพยายามค่อยๆบอกเรื่องราวของท่านกับเขา สอนเขา อย่างพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก บุ๋มมีโอกาสได้พากย์เสียงในฉบับการ์ตูน ก็บอกลูกว่าเรื่องนี้แม่ได้พากย์ด้วยนะ บุ๋มพากย์เป็นพระมารดา ถือว่าเป็นบุญของเราที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น บอกลูกว่านี่คือผลงานของพระองค์ท่าน" บุ๋มกล่าว

'คนบันเทิง' จิตอาสารวมตัวทำความดีเพื่อ 'พ่อ'

           ด้าน “ใบเตย” สุธีวัน ทวีสิน และ “ดีเจแมน”พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา ได้เดินทางมาในวันนี้ ซึ่งใบเตยกล่าวว่า

“วันนี้ตั้งใจมาแจกน้ำส้ม ริบบิ้น และก็ขนม ซึ่งริบบิ้นเราทำกันเองเมื่อวานได้ประมาณ 300 อัน ก็ตั้งใจว่าจะนำมามอบให้พ่อแม่พี่น้องที่มาจากทั่วประเทศที่รวมตัวมากันที่ท้องสนามหลวง ถือเป็นความตั้งใจเล็กๆ น้อยๆ จากพวกเรา พร้อมแจกของช่วยเหลือทุกๆ คนมากๆ สำหรับวันนี้ก็ชุดรัดกุม สบายๆ เสื้อปิดแขน กระโปรงปิดเข่า รองเท้าหุ้มข้อ ส่วนอยากฝากอะไรถึงคนที่จะเข้ามาถวายความอาลัย ขอบคุณคนไทยทุกคนมากที่ช่วยเหลือกัน ขอบคุณทุกหน่วยงานทุกภาครัฐที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ให้ความสมัครสมานเพื่อถวายแด่ในหลวงของเรา ขอบคุณมากๆ” ใบเตยกล่าว

          ด้านดีเจแมน เผยว่ามาตั้งแต่วันแรกวันแรกซื้อข้าวมาแจก และจากนั้นมาทุกวันส่วนใหญ่จะมาช่วงกลางคืน

           "ถามว่าพอได้เห็นภาพความช่วยเหลือที่ทุกคนมีให้กันเรารู้สึกยังไงบ้าง รู้สึกดีมากๆ เพราะผมได้เห็นน้องๆ เด็กแว้นกลุ่มหนึ่งที่มาจากบางปู คือขากลับพวกน้องๆ กลุ่มนี้เขามาทักผมและก็บอกกับผมว่าชอบผมมากๆ พอเป็นแบบนั้นผมก็เลยถามเขาว่าถุงขยะที่เขาถืออยู่จะนำไปทิ้งที่ไหน เขาก็เลยบอกว่าเขาเก็บขยะที่นี่เพื่อจะนำไปทิ้งแถวๆ บ้านที่บางปู ซึ่งพอผมได้เห็นว่าในเวลานี้คนไทยรักกัน คอยช่วยเหลือกัน มันเหมือนเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่าคนไทยรักกันขนาดไหน ภูมิใจมากอยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ” แมนกล่าว

'คนบันเทิง' จิตอาสารวมตัวทำความดีเพื่อ 'พ่อ'

           ในขณะที่ ต่าย อรทัย หรือ อรทัย ดาบคำ นักร้องลูกทุ่งสาวกล่าวถึงการที่ได้มาสนามหลวงในวันนี้ว่า 

          "วันนี้ก็รู้สึกอิ่มเอมใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของจิตอาสา ได้เห็นหลายๆ คนเอาน้ำ เอาข้าวปลา อาหารมาแจกประชาชนที่มาร่วมงาน ไม่ใช่เฉพาะแค่คนกรุงเทพ แต่คนต่างจังหวัดก็เข้ามาร่วมแสดงความรู้สึกที่มีต่อในบวงของเราในวันนี้ ซึ่งต่ายได้เอาข้าวเหนียว หมูทอด ไก่ทอด และริบบิ้นสีดำจำนวน 1000 อัน มาแจกคนบริเวณท้องสนามหลวง พอได้เห็นบรรยากาศของคนไทยในวันนี้ ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง คิดว่าทุกคนคงรู้สึกอย่างเดียวกัน ที่ได้แสดงสำนึกของความเป็นลูก คนที่เกิดในแผ่นดินเดียวกัน มีในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่ในใจ ทุกคนมาด้วยใจ อะไรที่ช่วยกันได้ ก็ช่วยกัน ต่ายไม่เคยมีโอกาสได้เข้าเฝ้า แต่มีโอกาสได้รับเสด็จ หากย้อนกลับไป ในปีพ.ศ. 2358 ตอนนั้นต่ายยังเรียนอยู่ ม. 2 คือวันนี้มีประกาศว่า ในหลวงจะเสด็จแล้ว วโรงเรียน “นาจะหลวย” เป็นทางผ่านที่พระองค์จะเสด็จไปที่อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี พอทราบข่าวทุกคนรีบมาซ้อมเตรียมตัวรับเสด็จ วันนั้นตื่นเต้นมากๆ ถามกันว่า จะทำตัวถูกกันหรือเปล่า ย้อนกลับไปคือเพียงแค่เสี้ยววินาที ที่เราได้เห็น ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นพระองค์ท่านหรือเปล่า เพราะตอนนั้นเสด็จสองพระองค์ มีในหลวง และพระราชินี พอขบวนเสด็จเคลื่อนผ่านไปแล้ว ก็มานั่งคุยกันกับเพื่อนๆ ว่า เห็นพระองค์ท่านหรือไม่ ความรู้สึกในตอนนั้น ตื้นตัน และปลื้มใจมาก แค่เสี้ยววินาทีก็เป็นความทรงจำที่ยิ่งใหญ่แล้ว" ต่ายกล่าว

           เมื่อถูกถามในฐานะที่เป็นนักร้อง มีโอกาสได้ร้องเพลงถวายในหลวงหรือไม่ นักร้องสาวกล่าวว่า "ตั้งแต่ออกอัลบั้มยังไม่เคยมี แต่เวลาก่อนจะขึ้นทำการแสดงคอนเสิร์ตก็ได้สัมผัส กับการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทุกครั้ง และนั่นคือการแสดงความเคารพพระองค์ท่าน ในแบบของศิลปินที่ทำงานเพลง จากนั้นพอเกิดเหตุการณ์ พระองค์ท่านสวรรคต ด้วยสำนึกของศิลปินที่ทำงานในวงการบันเทิง และเห็นพระองค์ท่าน มีความสามารถทางด้านดนตรี ด้านเพลง เราก็ยกพระองค์ท่านไว้สูงสุด จนมีเพลงของครูสลา คุณวุฒิ ชื่อเพลง “เล่าสู่ลูกหลานฟัง” ต่ายได้ร้องเป็นเวอร์ชั่นของผู้หญิง เมื่อคืน (19 ต.ค.) ก็มีโอกาสได้อัดเพลง และได้โพสต์ลงสื่อโซเชียลให้แฟนเพลงได้รับฟัง ให้ได้จดจำเพลงนี้ และบอกเล่าสู่ลูกหลายต่อๆ กันไป ซึ่งเพลงนี้ครูสลา ได้แต่งขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. หลังจากทราบข่าวว่าพระองค์ท่านสวรรคต " นักร้องสาวกล่าว 

'คนบันเทิง' จิตอาสารวมตัวทำความดีเพื่อ 'พ่อ'

          ในขณะที่ "บูม" กิตตน์ก้อง ขำกฤษ นักแสดงช่อง 7 ได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้มาร่วมจิตอาสาในวันนี้

          "จริงๆ ผมอยากจะมาตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ผมอยู่ที่เชียงใหม่กับทีมงานในกองละครเทิดพระเกียรติเรื่อง "ฝายน้ำใจ" เราถ่ายตั้งกันตั้งวันที่ 10 ต.ค. แต่พอถึงวันที่ 13 ต.ค. ช่วงที่เรากำลังถ่ายทำกันอยู่ พอจบซีนตรงนั้นคุณอาถั่วแระ เชิญยิ้ม ก็วิ่งเข้ามาในกองทั้งน้ำตา บอกข่าวสวรรคตของพระองค์ท่านกับเรา ตอนนั้นทุกคนในกองช็อคมาก งงกันไปหมด สุดท้ายเมื่อเราถ่ายทำจนเสร็จและได้ออกมาจากป่า โทรศัพท์เราจึงได้ค่อยมีสัญญาณถึงได้ค่อยเริ่มรู้ข่าวอย่างแน่ใจว่า พ่อได้จากเราไปแล้ว ในขณะที่เรากำลังถ่ายทำละครเพื่อพ่ออยู่ บรรยากาศในกอง ทุกคนร้องไห้ มีแต่ผมนี่แหละที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะเราเป็นทหาร เป็นผู้ชาย เราจึงไม่อยากร้องไห้และทำให้คนอื่นต้องอ่อนแอตามไปกับเรา ซึ่งผมก็คุยกับทีมงานทุกคนนะว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะตั้งใจถ่ายละครเรื่องนี้จนจบให้ได้ หลังจากนั้นทุกคนต่างทำงาน ทุกคนอยากทำให้เสร็จเพื่อพระองค์ท่าน

           ผมเพิ่งกลับมาจากเชียงใหม่เมื่อวาน (19 ต.ค.) ตอนกลางคืน และวันนี้ผมก็ได้มาอยู่ที่นี่ มาอยู่ใกล้ๆ พ่อ จริงๆ แล้วใจผมร้อนมาก ผมอยากมาตั้งแต่วันที่ 13 แล้ว ผมอยากจะบินกลับมาตั้งแต่วันที่รู้ข่าวเลย อยากมาเห็นกับตาว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง และผมก็เป็นห่วงพ่อแม่ผม เพราะทุกคนในบ้านรักในหลวงมาก (น้ำตาซึม) แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่กลั้นน้ำตาเอาไว้และทำตามที่เราตั้งใจ อย่างน้อยเราก็ได้ทำละครเรื่องนี้ให้พ่อ เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ท่าน แล้วมันเป็นช่วงเวลาที่ยากมาก มันแย่ไปหมด แค่คิดเราก็เศร้าแล้ว "บูมกล่าวพร้อมน้ำตาคลอ 

           ถามต่อว่าการที่ บูม เลือกเป็นทหาร เป็นเพราะต้องการตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยใช่ไหม นักแสดงหนุ่มแจง  

            “เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกของผมอยู่แล้ว ผมตั้งใจเป็นทหารเพื่อตอบแทนแผ่นดินนี้ แผ่นดินของพ่อ เป็นเกียรติแก่ชีวิตผมมาก พลทหารกิตตน์ก้อง ขำกฤษ สังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน 1 กรมอากาศโยธินรักษาพระองค์ มีคำว่ารักษาพระองค์อยู่ ผมก็ภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว ที่ครั้งหนึ่งได้เคยเป็น "ทหารของพระราชา" (น้ำตาซึม) ที่สุดในชีวิตของผมแล้ว ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ผมมีโอกาสได้เป็นทหาร มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นเกียรติที่สุดในชีวิตสำหรับนักแสดงคนนี้ ถึงในอนาคตผมต้องปลดออกจากการเป็นทหาร แต่ผมก็ปลดแค่ตัว หัวใจผมยังคงเป็นทหารของพระราชาต่อไป ผมสัญญาว่า ผมจะทำดีต่อไปเรื่อยๆ ชีวิตที่เหลืออยู่ผมจะทำความดีอย่างไม่อายใคร ถ้าหากใครมาถามว่าผมทำเพื่ออะไร ผมจะตอบอย่างภาคภูมิใจว่าทำเพื่อพ่อ ผมรักพ่อ" บูมกล่าวทั้งน้ำตา

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ