‘ตู่’เผยเคยถวายงาน“ในหลวง”ผ่านเสียงเพลง (ชมคลิป)

          เป็นนักร้องหญิงที่ประสบความสำเร็จแถวหน้าของเมืองไทย สำหรับ “ตู่” นันทิดา แก้วบัวสาย ซึ่งนับว่าเป็นอีกบุคคลหนึ่งของวงการบันเทิง ที่เคยได้เข้าถวายงาน  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผ่านเสียงเพลง โดย ตู่ นันทิดา ได้บอกเล่าเรื่องราวสุดภาคภูมิใจนี้ให้ ผู้สื่อข่าวบันเทิง คม ชัด ลึก ฟัง ระหว่างเข้าร่วมงาน แสดงความรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ บริเวณล็อบบี้ อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส

 

“วันนี้แทบจะมากับครบกันทั้งตึกนะ ที่มารวมใจถวายความอาลัยต่อพระองค์ท่าน ยังรู้สึกคิดถึงพระองค์อยู่ตลอดเวลา และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่าน 5-6 วัน เราจะบอกตัวเองตลอดเวลาว่า ให้เรามีกำลังใจ เหมือนตอนที่พระองค์ท่านยังอยู่ และในวันนี้ มีความรู้สึก 2 อย่าง ทั้งคิดถึง ทั้งเห็นภาพของทุกคนที่มาร่วมกันไว้อาลัย ถือว่าสิ่งนี้เป็นการถวายต่อหน้าพระพักตร์พระองค์อีกครั้ง

ความรู้สึกครั้งแรกที่ทราบข่าวนั้น ตอนนั้นเราอยู่ในห้องอัดและกำลังร้องเพลงให้กับมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นเพลงที่แต่งให้กับสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพอได้ยินคำแถลงการณ์ ซึ่งบอกตัวเองไว้ว่าไม่เชื่อ ไม่อยากให้เป็นจริง คือเราหลอกตัวเองมาตลอด เหมือนว่าเวลามีคนในครอบครัวที่เรารักที่สุดและเราต้องขาดเขาไป (น้ำเสียงสั่นเครือ) และกว่า 50 ปีทึ่ผ่านมา เราโตมา เราเห็นพระองค์ท่านมาตลอด ตลอดช่วงอายุของเรามา จนเราอายุ 56 แล้ว เรารักพระองค์ท่าน ตั้งแต่ครั้งแรก ที่เราเห็นพระองค์ท่าน ตั้งแต่เราเด็กๆ รักมาโดยตลอด รักเทิดทูนเหลือเกิน และวันนั้นภาพที่เราเห็นคนไทยทุกคน เราจดจำนะ ทุกวันนี้เราระลึกถึงพระองค์เสมอ พระองค์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของประชาชนชาวไทยทุกคน และในฐานะที่เราเป็นข้าพระบาท เรารู้เลยว่าเราจะหาโอกาสที่จะขอบคุณพระองค์ท่านได้ นอกเหนือจากการที่เราจะเป็นคนดี ที่จะทดแทนพระองค์ต่อจากนี้ ในเวลาชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ เพราะตลอดเวลาเราเห็นท่านทุกวัน เห็นท่านทรงงานทุกวัน เป็นภาพที่จำ”ตู่กล่าวเสียงสั่น

 

 

          นอกจากนี้ นักร้องชื่อดัง ยังได้เล่าให้ฟังถึงโอกาสที่เคยได้ถวายงาน "เป็นบุญเหลือเกินอย่างที่สุด จะหามิได้ ที่พระองค์ทรงรับสั่ง ตอนนั้นอายุ 17 ปี และได้รับรางวัลพระราชทานจากพระองค์ท่านจากการประกวด ได้มีโอกาสรับใช้ซึ่งพระองค์ได้รับสั่งให้ นันทิดา แก้วบัวสาย มาต่อเพลงพระราชนิพนธ์ ทั้งหมดที่พระราชนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ให้นันทิดาไปร้องถวายในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ซึ่งระยะเวลาอีก 1 เดือนจะถึง ตอนนั้นเรายังเด็ก ความรู้สึกของเรา เราตื่นเต้นด้วย ตั้งแต่นั้นมาจากอายุ 17 ปี จนมาถึงปีที่อายุ 37 ตั้งแต่ที่เราได้ถวายงานพระองค์ท่านทุกวันเฉลิมพระชนม์พรรษา ทุกวันราชาภิเษกที่วังไกลกังวล และในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม ตลอดเวลา 20 ปี เราถวายงานพระองค์ท่าน พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในเรื่องของดนตรี และเพลงที่เราร้องถวาย ก็เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหมด 

 

 

          เราเองก็ดีใจที่เราได้เป็นแค่เศษธุรีดิน เพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อย ได้มีโอกาสถวายรับใช้เบื้องพระยุคลบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่เราจะจดจำ ดิฉันนางนันทิดา แก้วบัวสาย ที่เกิดมาครั้งหนึ่ง บนแผ่นดินรัชกาลที่ 9 เป็นบุญเหลือเกิน ที่ได้เกิดในล้นเกล้าของพระองค์ จะจดจำไปอีกนานแสนนาน ตลอดจนชั่วชีวิตของเรา และอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้รับพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ ซึ่งได้รับจากพระหัตถ์ของพระองค์เช่นกัน ตอนนั้นปี 2524 และตอนนั้นได้รับรางวัลมาใหม่ๆ ยังอยู่มัธยมปลาย ต้องซ้อมร้องเพลงก่อนจะถวายงานจริงๆ ซึ่งหม่อมหลวงอัศนีย์ ปราโมช ท่านเป็นคอนดักเตอร์ (ผู้ควบคุมวงดนตรี) ควบวง อส. เป็นวงออเคสตร้าในพระราชวังนั่นเอง มีเครื่องดนตรีตั้งแต่ 16 ถึง 20 ชิ้น และก็มีอาจารย์แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ เราเข้าไปซ้อมกันที่ศาลาดุสิดาลัย ในพระที่นั่งจิตรลดารโหฐาน วันนั้นท่านผู้หญิงสุวรี เทพาคํา ท่านเป็นนางสนองพระโอษฐ์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ท่านได้บอกว่าวันนี้พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จลงมา ทรงลงมาอัดเพลงที่ซ้อมกันในวันนี้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งปกติเราเข้าในเขตพระราชฐาน เราก็เกร็งอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นในท้องพระโรงศาลาดุสิดาลัย และท่านทรงมาประทับ ท่านประทับแบบง่ายๆ เลย และพอท่านเสด็จมา เราก็ร้องผิดๆ ถูกๆ เราตื่นเต้น และวันรุ่งขึ้นเราจำได้ว่าเราต้องสอบไล่ ซึ่งวันที่อัด เวลาก็ดึกพอสมควร เราก็ได้เรียนผู้ใหญ่ไปแล้วว่าพรุ่งนี้จะสอบไล่ ว่าเราจะยังไงดี เรายังดูหนังสือไม่เสร็จ ท่านผู้ใหญ่บอกให้เราไปกราบทูลท่านเลย เราบอกว่าเราไม่กล้า ซึ่งหม่อมหลวงอัศนีย์ ปราโมช บอกว่าให้เราไปกราบทูลเถอะ ดีกว่าให้อาไปบอก ซึ่งอาใช้คำแทนตัวของหม่อมหลวงอัศนีย์ และเราคลานเข่าเข้าไปกราบพระบาทของพระองค์และทูลท่านว่าพรุ่งนี้เช้า หม่อมฉันมีสอบเพคะ เราก้มหน้าอยู่นานมากเป็นนาที เราได้ยินเสียงพระองค์ท่านก๊อกๆ แก๊กๆ ซึ่งพระองค์ท่านกำลังเก็บอุปกรณ์เครื่องดนตรีของพระองค์ และท่านลุกจากพระที่นั่ง และหันมาตรัสว่า หัวสมองไบร์ทๆ นะ ทำได้แน่นอน และท่านก็เสด็จพระราชดำเนินกลับ และพอเรากลับไปถึงบ้าน เราก็อ่านหนังสือไม่จบด้วยนะ แต่พอวันรุ่งขึ้น ไบร์ทมาก สู้มาก สอบผ่านเลย”นันทิดาเล่าย้อนถึงเหตุการณืครั้งสำคัญในชีวิตเสียงสั่นเครือ

          นอกจากนี้ศิลปินชื่อดังยังบอกด้วยว่า “พอเรานึกถึงพระองค์ท่านแล้ว เรามีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ แม้ประเทศไทยจะไม่ใช่เป็นประเทศที่ดีที่สุด แต่เราพูดได้ว่าประเทศเราเป็นประเทศที่มีพระเจ้าแผ่นดินที่ดีที่สุดในโลก นับจากวันนี้ไป หัวใจคนไทยทุกคน ตัวเราเอง รวมไปถึงหลักดำเนินชีวิตที่ยึดนำเอาพระบรมราชโชวาทมาโดยตลอด จะนำมาเป็นหลักใช้ในชีวิตไปตลอดชีวิต และจะบอกลูกหลานเราต่อๆ ไป เพราะยิ่งนานวัน เราจะยิ่งไม่ลืมเลือนและจะจำไปในใจของคนไทยตลอดไป”ตู่กล่าว