คุยวิถีชีวิตของซุปตาร์วันเวลาพาชื่อเสียงโด่งดังของ‘พุฒ’

 

          เป็นทั้งดีเจ พิธีกรและนักแสดงที่กำลังฮอตติดลมบนในขณะนี้สำหรับพระเอกหนุ่ม "พุฒิ” พุฒิชัย เกษตรสิน ล่าสุดกำลังมีผลงานการแสดงใน “Club Friday To Be Continued ตอนเธอเปลี่ยนไป” โดยครั้งนี้ ได้กลับมาร่วมงานกับ “เจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์ อีกครั้ง วันนี้ คม ชัด ลึก  เลยไม่พลาดที่จะขอเวลาว่างของหนุ่มพุฒิมาพูดคุยทั้งเรื่องงาน เรื่องชีวิต และเรื่องความรัก ว่าแล้วไปสัมผัสตัวตนของหนุ่มคนนี้กันเลย    

***ผลงานในปัจจุบัน***
@ กับผลงานตอนนี้ “Club Friday To Be Continued ตอนเธอเปลี่ยนไป” ตอนนี้เป็นอย่งไรบ้าง 
          ตอนนี้กำลังถ่ายละคร “Club FridayTo Be Continued ตอนเธอเปลี่ยนไป” ซึ่งเป็นภาคต่อของ “Club FridayThe Series 6 ความรักไม่ผิด ตอนผิดที่...เธอเปลี่ยนไป” ภาคแรกนั้นสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงของคนฟังรายการคลับฟรายเดย์ พอมาเป็น To Be Continued ก็เลยกลายเป็นเรื่องแต่ง คือเขียนเพิ่มขึ้นมาจากเค้าโครงเรื่องจริง และมีการเพิ่มตัวละครเข้ามาอีกหลายๆ ตัว เพิ่มความแซบของบท เพิ่มความสนุกเข้าไป เพิ่มความดราม่าเข้าไป และมีความสับสนเรื่องเพศ เรื่องความรักของคนหลายๆ คนในเรื่องนี้ 

@ เรื่องนี้ได้มาร่วมงานกับ “เจี๊ยบ” ลลนา อีกครั้ง เป็นอย่างไรบ้าง 
          กลับมาเจอเจี๊ยบตามคำเรียกร้องของแฟนๆ (ยิ้ม) เพราะเจี๊ยบเขาก็ดูเป็นทอมหล่อๆ พอมาอยู่ด้วยกันแล้วเคมีมันได้ ภาคที่แล้วตอนจบมันจบตรงที่เรา 2 คนได้มาเจอกันอีกครั้งคือมันจบแบบให้คนดูคิดว่าเราจะกลับมาคบกันไหม หรือควรหยุดอยู่แค่นั้น ภาคนี้เหมือนต่อจากตรงนั้นมา หลังจากที่ละครเรื่องนี้จบไปเมื่อปีที่แล้ว มีหลายคนที่บอกว่าอยากให้เรากลับมาเล่นละครด้วยกันอีก ตอนนี้แฟนคลับ “พุฒ-เจี๊ยบ” ก็เลยกลับมาโหมฮือกันอีกครั้ง ตอนนี้ถ่ายทำไปประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว เหลืออีกไม่กี่คิวก็จะปิดกล้องแล้ว

 

 

@ เวอร์ชั่นก่อนฮือฮา เวอร์ชั่นนี้กดดันไหม
          ไม่กดดันเลย เพราะเวอร์ชั่นที่แล้วมันว่าด้วยเรื่องจริง ในภาคนี้พอมันกลายเป็นเรื่องที่เขียนเพิ่มขึ้นมา มันต้องแล้วแต่คนชอบแต่เรายังคงอิงจากเค้าโครงเรื่องเดิม ซึ่งผมมั่นใจว่าเนื้อเรื่องน่าจะสนุก เพราะตัวละครในภาคนี้จะมีความหลากหลายมากขึ้น ในส่วนของแฟนคลับต่างประเทศก็มีเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ตอนนี้มีแฟนคลับจีนมากขึ้น มีแฟนคลับชาวเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับชาวลาว พม่า ฟิลิปินส์ ซึ่งพวกเขาจะพอรู้จักเราบ้าง

@ ผลงานอื่นๆ ที่ทำในตอนนี้มีอะไรบ้าง
          ในส่วนของละครมีละครเรื่อง “เกมมายา” ที่ปิดกล้องไปแล้ว และกำลังรอคิวออนแอร์อยู่ คาดว่าช่วงปลายปีน่าจะได้ดูกัน และมีเรื่องใหม่ก็มีคุยไปบ้างแล้ว มีวางแพลนไว้ว่าน่าจะเปิดกล้องปีหน้า ส่วนงานประจำของผมยังคงเป็นดีเจอยู่ที่ Chill FM 89 นอกจากนี้ยังเป็นพิธีกรรายการอาหารเพิ่มเข้ามาอีก 1 รายการคือ “เซียนแกะสูตร Food Secret” เป็นรายการของช่องวันซึ่งคุณบอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เป็นผู้ให้โอกาสผมได้ทำงานพิธีกรอีกครั้งหนึ่ง

@ ผ่านงานมาค่อนข้างเยอะ งานแต่ละอย่างที่ทำมามีเสน่ห์แตกต่างกันอย่างไร 
          ที่ผ่านมาผมทำงานค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งแน่นอนว่างานแต่อย่างนั้นมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป งานดีเจเป็นงานที่เราไม่ต้องออกทีวี เราใช้แค่เสียงของเรา เราได้เปิดเพลง ได้เล่าข่าวที่เราอยากนำเสนอให้กลุ่มคน ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ ด้วยความที่เราอยู่กับเพลงมาตลอด วันไหนที่ไม่ได้ฟังเพลงก็จะรู้สึกแปลกๆ งานดีเจหลายคนอาจจะมองว่าเป็นงานประจำ แต่มันเป็นงานที่ผมทำแล้วรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข และเป็นตัวของตัวเองที่สุด

 

 

          สำหรับงานพิธีกรก็เป็นหนึ่งสิ่งที่เราชอบ เพราะงานในวงการของผมเริ่มมาจากการเป็นพิธีกรรายการโอไอซี และมีรายการอื่นๆ ตามมา ก่อนที่จะหยุดงานพิธีกรไปเกือบปี เพราะช่วงนั้นถ่ายละครเยอะ ล่าสุดพี่บอยได้หยิบยื่นโอกาสการพิธีกรมาให้อีกครั้ง ซึ่งผมรู้สึกดีมาก ส่วนงานแสดง เป็นงานที่มีเสน่ห์มากๆ เพราะบทละครที่เราได้รับในแต่ละเรื่องจะมีความแตกต่างกัน แต่เราซึ่งเป็นนักแสดงนั้น จะสามารถถ่ายทอดออกมาได้มากแค่ไหน ที่จะสามารถเป็นตัวละครตัวนั้น และเราสามารถสร้างออกมาให้เป็นคาแรกเตอร์ของตัวละคร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยาก ซึ่งผมมองว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่เป็นเสน่ห์ของมัน

***เรื่องราวชีวิต***
@ ทำงานมาหลายอย่าง อะไรคืองานที่ใช่สำหรับตัวเอง
          งานที่ใช่สำหรับผมคืองานดีเจ เพราะเป็นงานที่เราทำแล้วมีความสุข รู้สึกสบายใจที่ได้ทำมัน แม้งานนี้จะไม่ได้เงินเยอะแต่เราทำเพราะว่าใจรัก คือผมเรียนนิเทศศาสตร์เอกวิทยุ ทีวี ตอนเรียนเราเชี่ยวเรื่องจัดรายการ ทำสปอร์ต เรียงเพลง ผมคิดว่ามันมีเสน่ห์เพราะเราชอบ เพียงแต่ว่าโอกาสของพิธีกรรายการทีวีมันเข้ามาก่อน ก็เลยได้มาเริ่มงานวงการบันเทิงชิ้นแรก คือรายการ โอไอซี ก่อน แต่ผมยังไม่หยุดทำตามฝันนะ ทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานเป็นดีเจอยู่

@ โซเชียลทำให้ชีวิตเปลี่ยนไหม
          โซเชียลมันทำให้คนที่เสพข่าวรู้เร็ว วิจารณ์เร็ว แม้สิ่งที่รู้จะถูกบ้างผิดบ้าง เวลาที่เราจะทำอะไรในจึงต้องคิดกันให้มาก ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดแบบนี้ แต่มีหลายๆ คนที่เป็นนักแสดงและทำงานในวงการบันเทิงไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนต่างระวังตัวกันมากขึ้น เพราะว่าเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่แค่ผู้สื่อข่าวที่จะคอยจับจ้องในสิ่งที่เรานำเสนอ คนทั่วไปก็จับจ้อง เพราะทุกคนมีโซเชียลเน็ตเวิร์กในมือ ทุกคนสามารถเข้าถึงกันและกันได้ง่ายมาก เพียงแต่เราโพสต์ภาพบางอย่างที่เราอาจจะรู้สึกว่าไม่ได้ลบหลู่ หรือไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการผิดกาลเทศะ แต่พอคนมองจากหลายๆ มุมมันอาจกลายเป็นเรื่องดราม่าได้ ตอนนี้เวลาจะทำอะไรก็จะคิดเยอะหน่อย เพราะเราไม่อยากมาตามแก้ไขปัญหากันทีหลังเพราะบางเรื่องมันแก้ไม่ได้  เรื่องโซเชียลมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือมันจะทำให้เรารู้ข่าวเรื่องราวในโลกนี้เร็วมาก ไม่ใช่วงการบันเทิงอย่างเดียวแต่หมายถึงทุกๆ วงการ เราสามารถรับรู้ได้เร็วมาก พอมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเราก็จะรับรู้ ส่วนข้อเสียนั้น จะเป็นเรื่องบางเรื่องที่ถูกแชร์ต่อๆ กันมาแล้ว ต้นเรื่องจริงๆ มันอาจจะถูกแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่พอกระจายออกมาก็กลายเป็นผิดทั้งหมด 

@ ตอนนี้กลายเป็นบุคคลสาธารณะ การมีแฟนคลับมาติดตาม มองเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลไหม
          จริงๆ ผมมองว่าเรื่องแบบนี้เราจะมีเส้นของเราอยู่แล้ว เรื่องไหนที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเรา เรามีเส้นแบ่งชัดเจน อันไหนเป็นเรื่องงานก็แบ่งเป็นเรื่องของงาน อันไหนจะเป็นส่วนบันเทิง ให้แก่ทุกๆ คนได้สนุกสนาน เราก็จะแบ่งเป็นส่วนๆ แต่ถ้ามีการรุกล้ำเรื่องส่วนตัว เราอาจจะต้องมองว่ามันรุกล้ำมากน้อยแค่ไหน มันเกินไปหรือไม่ อะไรที่เราคิดว่ามันเกินไปเราจะมีการพูดเติือน หรือมีการพูดขอว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว  ถามว่าซีเรียสไหม ผมไม่ค่อยซีเรียสนะ ถ้าสิ่งที่รุกล้ำเข้ามาจะไม่ทำให้ตัวเราและคนรอบข้างของเราเดือดร้อนเราก็โอเค

@ ชีวิตทุกวันนี้ต่างไปจากเดิมไหม
          ต่างไปทุกๆ ปี ปีแรกที่เราเป็นดีเจเป็นพิธีกร เราก็เป็นที่รู้จักประมาณหนึ่ง เป็นกลุ่มทาร์เกตวัยรุ่นที่ฟังรายการของเรา พอได้มาทำงานละครคนรู้จักเราก็กว้างขึ้น ได้เจอคนที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เรารู้จักการเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น ถามว่าต้องระวังอะไรเป็นพิเศษไหม หลังๆ ผมสบายๆ ละ ไม่ได้มีอะไรต้องมาระวังมาก อะไรที่เราให้ได้เราก็จะให้ อะไรเราให้ไม่ได้เราก็จะบอกตรงๆ คือผมรู้สึกว่าพอเราเจอกันมาช่วงเวลาหนึ่งเราต้องเจอกันคนละครึ่งทาง

@ ความสนิทสนมกับกลุ่มแฟนคลับ 
          ถ้าวันไหนเราไม่รีบมากเราก็จะถ่ายรูปก็จะชิลๆ มันอยู่ที่ความสุขใจสบายใจของแต่ละคน เราไม่ได้บังคับว่าต้องอยู่กับเราตลอดเวลา ใครสะดวกก็มา ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร เพราะเราก็เข้าใจ แฟนคลับก็จะทำแฟนเพจให้คือเราจะมีลงคิวงานให้แฟนคลับได้ทราบว่าในแต่ละครอาทิตย์เรามีงานอะไรที่ไหนบ้าง 

*** ความรักฉบับ(ไม่)ลับ *** 
@ เปิดตัวเป็นแฟนกับ “จุ๋ย” วรัทยา นิลคูหา “แฟนคลับ” ว่าอย่างไรบ้าง
          ไม่ได้ว่าอย่างไร ก็แฮปปี้ก็ยินดีกันด้วย โดยส่วนตัวเราเราก็ค่อยๆ ขยับความสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆ คือเราก็ไม่ได้ปิดอะไร เราก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ถ้าใครหลายคนที่ติดตามข่าวของเราทั้งคู่มาก็จะเห็นพัฒนาการไปเรื่อยๆ ของมัน (หลังๆ เปิดตัวมากขึ้น) จริงๆ เราเป็นอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว เพียงเวลาผ่านไป บางสิ่งบางอย่างมันก็ทำได้มากขึ้น 

@ มองอนาคตถึงเรื่องแต่งงานไหม 
          ด้วยอายุตอนนี้ผมสตาร์ทที่  30 แล้ว ก็มีมองๆ ไว้บ้าง แต่คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องไกลๆ อีกสักพัก (มีคุยกับจุ๋ยเรื่องแต่งงานบ้างไหม) ถ้ามันถึงเวลา ถึงวันที่มีในใจซึ่งกันและกันและตรงกันแล้วก็คงถึงเวลา แต่ตอนนี้ก็กระชับความสัมพันธ์กัน ดูแลกันไปเรื่อยๆ ให้ดี ที่ไม่ค่อยออกงานคู่หรือให้สัมภาษณ์คู่กัน เป็นเพราะเวลาของผมและของจุ๋ยจะว่างไม่ค่อยตรงกัน จุ๋ยเขาก็งานเยอะ ทั้งรายการ ทั้งละคร โอกาสที่จะออกงานด้วยกันได้นั้นน้อยมาก

@ ที่บ้านไฟเขียวกับความรักครั้งนี้ไหม
          ครอบครัวผมก็สบายๆ มีน้อยใช้น้อย มีเยอะก็เก็บบ้าง ผมมีพี่น้อง 6 คน ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งหมด ที่บ้านไม่ค่อยมายุ่งเรื่องส่วนตัวของลูกอยู่แล้ว ตั้งแต่เรื่องเรียนที่บ้านจะปล่อยฟรี ตั้งแต่ผมจบ ม.6 เขาจะให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ พ่อแม่ไม่เคยกำหนดว่าเราต้องเรียนแบบนี้ ต้องคบแฟนคนนี้ เขาขอแค่ให้แฟนของเราเป็นคนดีก็พอ ส่วนเรื่องเจอญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายนั้น ผมเคยไปเจอพ่อ-แม่ของจุ๋ยมาแล้ว ส่วนจุ๋ยก็ไปเจอพ่อ-แม่ของผมมาแล้ว เหมือนไปเที่ยวไปกินข้าวมากกว่า คือจุ๋ยเป็นคนสบายเวลาไปเที่ยวบ้านเรา จริงๆ แล้วบ้านของผมไม่ได้หรูหราอะไร เป็นแค่บ้านชาวสวน ชาวไร่ ก็ไปเที่ยวเล่นเก็บผลไม้ ก็ทำให้ได้อยู่ธรรมชาติสบายๆ 

*** มองเรื่องอนาคต ***
@ ตอนนี้มีอะไรที่ยังห่วงอยู่บ้าง
          สำหรับผมนั้น ผมมองว่าเราคงไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงตลอดไปอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ที่จะสามารถดูแลตัวเราเองและดูแลครอบครัวต่อไปได้ มันคงเป็นปรัชญาชีวิตที่ใครหลายๆ คนคิด ว่างานในวงการบันเทิง เป็นงานที่ไม่แน่นอน เราต้องมีอย่างอื่นรองรับไว้ด้วย (มองไว้) ตอนนี้มีทำธุรกิจขายหมวกชื่อแบรนด์ว่า พุชอัพ ต่อไปก็จะขยายมีเสื้อผ้าออกมาบ้าง ซึ่งธุรกิจผมเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน มีหาคนช่วยออกแบบ ที่เลือกเสื้อผ้าผมไม่กลวเรื่องล้าสมัยนะ เพราะเราไม่ได้ผลิตเยอะ ส่วนใหญ่ขายทางออนไลน์และส่งไปรษณีย์ ไม่มีหน้าร้าน เราไม่ค่อยถนัด ส่วนธุรกิจอย่างอื่นที่เล็งๆ ไว้ก็มีร้านกาแฟไม่ได้ทำหวังรวย แต่สนองนี้ดตัวเอง เพราะผมชอบนั่งดื่มกาแฟ จริงๆ ก็มองๆ ไว้หลายที่นะ แต่สู้ค่าสถานที่ไม่ไหว เป็นแพลนในอนาคต (มองเผื่ออนาคต) ผมว่ากาแฟขายแล้วคงไม่รวย  

@ มีอะไรที่อยากทำอีกบ้างในอนาคต
          จริงๆ ผมอยากทำไร่ คือผมโตมากับการทำไร่ แม้มันจะไม่ได้ทำแล้วรวยแต่เป็นอาชีพที่ทำแล้วมีความสุข มันเป็นความสุขเล็กๆ ที่ได้เห็นผลผลิตที่เราลงมือปลูกเติบโต ที่บ้านผมมีที่นะ แต่มันก็ไกลเหลือเกิน จริงๆ ผมอยากมีที่แถวชานเมือง เพราะเวลาเดินทางเข้าเมืองจะได้สะดวกหน่อย แต่ราคามันโคตรแพง ไร่หนึ่งราคา 20 กว่าล้าน เราก็ไม่ไหว ล่าสุดผมเพิ่งซื้อที่ให้พ่อเพิ่มอีก 7 ไร่ ซึ่งเป็นราคาที่เราพอจะไหว ก็เตรียมๆ ไว้อาจด้วยวุฒิภาวะที่เราโตขึ้น รวมถึงสังคมเมืองที่เรารู้สึกหลายๆ อย่าง 

@ แล้วอนาคตอันใกล้ล่ะมีงานอะไร 
          กำลังจะมีละครที่จีน ซึี่งผมจะเดินทางไปแน่ๆ ในเดือนตุลาคมนี้แล้ว ซึ่งผมอาจต้องไปทำงานที่นั่น 4 เดือน ตอนนี้ทางนั้นกำลังแปลบทจีนเป็นไทยอยู่ ที่ผ่านมามีละครที่จีนติดต่อมาเยอะเหมือนกัน แต่ผมเห็นข่าวว่าดาราบางคนโดนหลอก เราเลยให้ทางแกรมมี่ช่วยสกรีนงานที่จีนให้ ซึ่งบริษัทที่ผมจะไปรับงานแสดงนั้นเป็นบริษัทที่ไมค์ (พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล) และออม (สุชาร์ มานะยิ่ง) เคยไปร่วมงาน ก็คิดว่าน่าจะเชื่อถือได้ เพราะมีการทำสัญญาเรื่องค่าตัวเรียบร้อย แต่ผมไม่ได้อยู่ยาว 4 เดือน เพราะผมมีงานที่เมืองไทยรับไว้แล้ว เราเลยต้องบินไปบินกลับ 6 วัน ถ่ายครึ่งเดือนและบินกลับมาทำงานแล้วก็บินไปทำงานต่อ ถามว่าเหนื่อยไหม ไม่รู้ต้องลองดู เป็นประสบการณ์ใหม่กับเรื่องการทำงานกับคนจีน ไปปลายตุลาคม งานที่ไทยก็ทำ รายการก็บินกลับมา ก็มีคิวยาวๆ ให้เขา 10 วันถ่ายเต็มที่ ทางโน้นโอเค เพราะกุมภาพันธ์ผมต้องเปิดกล้องละครพี่บอยเรื่องหนึ่ง เราอยากได้ 80 คิว เรามีแค่ 70 คิว เราถามว่าเอาไหมเขาเอา เลยคุยกันลงตัว ส่วนจะได้ออนแอร์ที่เมืองไทยหรือเปล่าผมไม่มั่นใจจริงๆ 

          นี่แหละซุปตาร์สุดฮอต “พุฒิ” พุฒิชัย  

ผู้ชายคนนี้ชื่อ พุฒิชัย เกษตรสิน ชื่อเล่น พุฒ
เกิดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2529
ผลงานปัจจุบัน “Club FridayTo Be Continued ตอนเธอเปลี่ยนไป”, “เกมมายา”
ผลงานที่ผ่านมา U-Prince Series ตอน สิบทิศ "Love Flight รักสุดท้ายที่ปลายฟ้า",  "Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่ตอน Perfect Match“, ”แฟนฉัน! รับประกันความเพอร์เฟ็กต์“,  ”เพื่อเธอ“, ”I Wanna Be Sup'Tar วันหนึ่งฉันจะเป็นซุปตาร์" ฯลฯ