"วู้ดดี้" วุฒิธร มิลินทจินดา ควง "โอ๊ต" อัครพล จับจิตรใจดล เผยชีวิตคู่ เปรยอยากมีลูก เตรียมคุย "กาละแมร์" พัชรศรี เบญจมาศ เป็นแม่อุ้มบุญเป็นเรื่องเป็นราว
หลังจากเปิดเผยชีวิตคุยแบบชายรักชายไปแล้ว สำหรับพิธีกรฝีปากกล้า "วู้ดดี้" วุฒิธร และแฟนหนุ่ม "โอ๊ต" อัครพล ที่หลายคนให้ความสนใจ ล่าสุดได้เจอทั้งคู่ในงานการกุศลเพื่อหารายได้เพื่อคนตาบอด โดยโอ๊ตเผยก่อนว่า
โอ๊ต : เดี๋ยวนี้ผมก็พาเขาไปเดินตามที่สาธารณะ สบายใจขึ้น ถือว่าโชคดี ที่มีการตอบดีมาก มีแต่เรื่องในแง่ดี รู้สึกสบายใจขึ้น ตอนแรกกังวลนะ แต่ตอนนี้โอเคแล้ว
วู้ดดี้ : ผมรู้สึกเบามาก ตอนที่เป็นข่าวครั้งแรก เราตกใจ ว่าจะตอบยังไงดี แต่เราก็คิดว่าการพูดเรื่องจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และมันก็เป็นผลดี ตอนนี้ไปไหมาไหนก็เบาสบาย ได้เจอเพื่อนๆ ก็เข้ามากอด มาหอมมายินดีกับเรา มีแม่ๆ หลายคน เข้ามากอดมาหอม แล้วบอกว่าแม่ดีใจจังเลย ที่สามารถพูดคุยเปิดใจกับลูกของเขาที่เป็นแบบเราได้อีกครั้ง เราก็รู้สึกดีใจกับเขาด้วย
"วู้ดดี้" วุฒิธร และแฟนหนุ่ม "โอ๊ต" อัครพล
หลายคนอยากทราบขอแต่งงานกันอย่างไร
วู้ดดี้ : คนทั่วไปเขาขอกันแบบ แต่งงานกันนะ เราคบกันมา 7 -8 ปีแล้ว แต่เรากลับรู้สึกว่าเราทะเลาะกันบ่อย แล้วเวลาทะเลาะจะชอบพูดว่า เลิกกัน ในแต่ละคนแต่ละคู่ก็มีบทบาทต่างกัน แต่ในแบบของโอ๊ตทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราจะมีไม้ตายคือคำว่า เลิก ตอนนั้นผมรู้สึกว่า เราก็คบกันมานาน แต่ทำไมเราต้องพูดคำนั้นที่มันแทงใจเขา โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเขาก็แค่ทำตามใจเรา เวลาที่เราอึดอัดก็จะชอบพูดว่าเลิก เรารู้สึกได้เลยว่า 7ปีที่ผ่านมาเราทำให้เขาทรมานมาก เราคิดว่าจะไม่มีน้ำบ่อหน้าแล้ว เราอยากอยู่กับเขาจนวันตายเลยบอกเขาไปว่า แต่งงานกันเถอะ เพราะเราหันหน้าเข้าหากันมากขึ้น ทุกครั้งที่มีปัญหาเราก็จะมองหน้ากัน แล้วบอกว่า เราแต่งงานกันแล้วนะ ซึ่งประโยคนี้มันทำให้เราเบาไปหมดเลย เปลี่ยนความเศร้าให้เป็นความสุข
โอ๊ต : เป็นเรื่องหลังจากที่เราทะเลาะกัน เขาก็บอกว่าไม่อยากจะทะเลาะกับเราแล้ว ไม่อยากจะมีคำว่าเลิกกันแล้ว อยากจะมีอะไรที่มั่นคง ช่วงนั้นก็ทะเลาะกันเรื่อยตามประสาคนสองคน มันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง เวลาเขาส่งไลน์มาแล้ว ผมอ่านแล้วไม่ตอบบ้าง ก็จะโกรธ บางที่เขาอยู่ในกอง จะเป็นกังวลกลัวว่าเขาจะอยู่กับใคร จะเป็นเรื่องติ๊งต๊อง แต่ตอนนี้มีทะเลาะบ้าง แต่น้อยลง เราไม่กังวลจะออกไปไหนอย่างไร แต่งงานกันแล้วทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปมาก เราสบายใจขึ้น
อยากมีทายาทหรือไม่
วู้ดดี้ : สมัยก่อนไม่คิดอะไรเพราะอยากมีแค่หลาน ซึ่งก็มีแล้ว แต่วันหนึางพี่เปิ้ล นาคร ศิลาชัย มาพูดกับเราว่า พวกแกต้องมีลูก ในยุคนี้มันเป็นปกติแล้ว เราจึงถามเพื่อนๆ ว่า เอ๊ะ...เขาทำกันยังไง เลยเป็นวาระขึ้นมาเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะใช้ไข่ใคร หรือท้องใคร คุยกับทุกคนที่ผ่านการอุ้มบุญ หรือคนที่เคยฝากไข่ว่าสเปิร์มจะไปผสมกันได้มั้ย ถามว่าเคยคิดจะมีลูกมั้ย เคยคิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ว่าจะมีลูกกัน แต่ก็คุยกันว่าจะเป็นสเปิร์มใครดี สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราก็เริ่มกลับมาคิด และหาข้อมูลกัน ณ ตอนนี้มันมีให้เลือกหลายวิธีอย่างเช่น การอุ้มบุญ ถามว่าเราจะให้ใครอุ้มคิดอยู่ว่าจะเป็น กาละแมร์ เรื่องมีลูกเราแพลนกันไว้สำหรับอนาคตใกล้ๆ นี้ แต่คงไม่ใช่วันนี้หรือพรุ่งนี้ ตอนนี้เอาตรงนี้ให้รอดก่อน
"กาละแมร์" พัชรศรี
ได้คุยกับ กาละแมร์ หรือยัง
วู๊ดดี้ : เราก็บอกแมร์นะ ซึ่งกาละแมร์เป็นหนึ่งในตัวเลือก และเราคิดว่าเขาคงไม่มีสามีแน่นอน ผมก็เลยบอกแมร์งั้นเรามาจอยกันเลย เพราะเขารักษาสุขภาพมากๆ เราก็บอกกาละแมร์นะว่าเราเลือกเธอแล้ว เราเลือกเพราะแมร์สุขภาพเป๊ะสุด แต่คงคุยกันโน้มน้าวกันอีกรอบ เพราะแมร์เป็นคนที่เราใกล้ชิดที่สุด เพราะนอกจากนี้ เราก็มองไม่เห็นใครแล้ว ถามว่าอยากได้ลูกเพศไหน ผมอยากได้ผู้ชายนะ ชาย1 หญิง1 ที่เหลือก็แล้วแต่เลยแล้วกัน
ได้ศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการอุ้มบุญไหม
วู้ดดี้ : เราก็ศึกษามาแล้วหลายกรณี ไม่ว่าจะเรื่องแต่งานหรือการมีลูก เราคิดว่า ก่อนหน้านี้ถ้าใจอยากมีเราก็มีได้
เรื่องจดทะเบียนสมรส
โอ๊ต : ยังไม่จดนะ เพราะถ้าไปจดต่างประเทศก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า หวังว่าเมืองไทยจะมาดูเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกัน เป็นเรื่องของสิทธิ์ในการดูแลกันและกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป่วย แม้ประเทศเราจะยอมรับ และเปิดกันมากขึ้น แต่ถ้าเป็นไปได้อีกในขั้นหนึ่ง ก็จะเป็นประโยชน์และวิเศษมากคือเราอยากใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่น ที่ไม่โชคดีเหมือนเรา เพราะครอบครัวเรา รักเราทั้งคู่ รายล้อมด้วยคนที่รักเรา แต่มีอีกหลายคู่ไม่ได้เหมือนเรา สำหรับคนที่อาจจะไม่ได้ผ่านกระบวนการแบบเราที่เข้าใจ จะบอกว่ากฎหมายสำคัญมาก สมมุติว่าใครคนหนึ่งป่วยมันหมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ในการดูแลกันและกันในฐานะสามีภรรยา
วู้ดดี้ : ตอนที่เป็นข่าว เราคิดว่าจะพูดหรือไม่พูดดี เราก็จับมือกันและพูดประเด็นนี้ว่าการที่เราจะบอกทุกคนมันจะต้องมีคนในสังคมมีคนได้ประโยชน์กับเรื่องนี้ เราชัดเจนมาก เรารู้ว่ามีอีกหลายคู่ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับจากคนในสังคม อย่างการแต่งงาน เขาก็อยากได้สิทธิ์ตรงนั้น ถ้าเราออกมาพูดอย่างนี้ มันทำให้คนคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่มันโอเค คุณอย่าไปกลัวอย่าทำให้คำพูดคนอื่นมีความสำคัญกับคุณ การแต่งงานหรือกฎหมายเป็นเรื่องอีกสเต็ปหนึ่ง ยังไงเราก็จะสู้เพื่อทุกคนอยู่แล้ว เราไม่อยากให้ทุกคนหมดหวัง หรือใช้ชีวิตแบบไม่มีหวังเลย ตอนนั้นมองหน้ากันแล้วตัดสินใจแถลงข่าวพูดความจริง มันคงเป็นหน้าที่ของเราในฐานะที่ก็เป็นสื่อ และเป็นหน้าที่ของเราทั้งคู่ต้องช่วยกัน ก่อนหน้านี้ผมมองว่ากฎหมายก็เป็นแค่กระดาษ คุณจะไปแคร์อะไร ยังไงก็แต่งงานกันแล้ว แต่โอ๊ตเขามีมุมมองน่าสนใจมาก สมมุติว่าคบกันมา 10 ปี มีคนหนึ่งเป็นอะไรเราก็อยากมีเขาไปดูแล แต่ถ้าพ่อแม่เขาไม่ยอม มันก็จะเป็นการตัดสิทธิ์เราเลย ผมเลยเข้าใจทันที ว่ามันมีอีกหลายคู่ที่ไม่ได้โชคดี พ่อแม่เข้าใจ
"วู้ดดี้" วุฒิธร และแฟนหนุ่ม "โอ๊ต" อัครพล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง