จริงหรือศิลปินเก่าเจ๋งกว่าคอนเสิร์ตพาเหรดเรียงหน้าชน

 

          เป็นฤดูกาลที่คอนเสิร์ตจัดขึ้นเป็นดอกเห็ดเลยก็ว่าได้ เพราะช่วง 2-3 เดือนนี้ มีคอนเสิร์ตจัดกันไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ แต่ถ้าลองมองดีๆ มีจุดที่น่าสนใจ ชวนประหลาดใจเล็กๆ เพราะคอนเสิร์ตที่จัดในช่วงหลังๆ ชืื่อศิลปิน จะเป็นศิลปินชื่อซ้ำๆ แถมที่สำคัญศิลปินส่วนใหญ่ จะเป็นศิลปินยุครุ่งเรืองของวงการเพลงเมื่อประมาณ 10 ปีอัพทั้งนั้น มีหลายคำถามเกิดขึ้นว่าคอนเสิร์ตยุคนี้เป็นคอนเสิร์ตขายของเก่าหรือเปล่า

          หลายปีที่ผ่านมาธุรกิจคอนเสิร์ตออกแนวซบเซา ด้วยปัญหาทางการเมือง และด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศ แต่ 2 ปีหลังที่ผ่านมา ธุรกิจกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง มีคอนเสิร์ตจัดกันมากขึ้น ทั้งคอนเสิร์ตต่างประเทศและคอนเสิร์ตไทย แต่ถ้ามองกันดีๆ แล้ว ศิลปินหน้าใหม่ๆ ที่เพิ่งเติบโตมาในช่วงยุค 2000 ไม่ค่อยได้มีโอกาสขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ อาจจะมีบ้างอย่างเช่น “แสตมป์” อภิวัชร์ “สิงโต นำโชค“ "อ๊อฟ” ปองศักดิ์ “นิว-จิ๋ว” ฯลฯ ในทางกลับกันศิลปินในยุค 90 อย่าง “เจ” เจตริน “ติ๊นา” คริสติน่า “โจอี้ บอย” “ป๊อด โมเดิร์นด็อก” “ปุ๊” อัญชลี ฯลฯ กลายเป็นศิลปินที่นิยมมากในการจับมาขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ๆ 

 

          โดยเรื่องนี้ “บันเทิง คม ชัด ลึก” สอบถามไปยัง “ฉอด” สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ผู้บริหาร “เอไทม์ โชว์บิส” ผู้จัดคอนเสิร์ตรายใหญ่ของเมืองไทย ถึงประเด็นของการทำคอนเสิร์ต ที่บางครั้งจะเห็นว่ามีแต่ศิลปินกลุ่มเดิมๆ หรือหน้าเดิม มาขึ้นเวทีว่า  

          “การจัดคอนเสิร์ตทุกวันนี้ ความลำบากอยู่ตรงที่ว่านักร้องที่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ตได้ จะต้องเป็นนักร้องที่มีคุณภาพ มีความสามารถในการเอ็นเตอร์เทนครบเครื่อง แต่บ้านเรามันพ้นยุคนั้นมาแล้ว และยุคสมัยที่ว่า คือนักร้องยุคหนึ่ง ที่มีความแข็งแรงมากในทุกด้าน จากวันนั้น มาจนถึงวันนี้ รูปแบบของวงการเพลงเปลี่ยนไป ทุกวันนี้กลายเป็นนักร้องที่ “เพลงดัง” แต่บางทีคนยังจำหน้านักร้องไม่ได้เลย ตัวตนของนักร้องในวันนี้ ไม่ได้แข็งแรงเท่านักร้องในวันก่อน ซึ่งนักร้องในยุคก่อนหน้านี้ กว่าเขาจะทำอัลบั้มหนึ่งออกมา มันมีความหมายตั้งแต่การวางแผงเทปวันแรก ความสัมพันธ์ที่แข็งแรงระหว่างนักร้องกับแฟนเพลงจึงมีมาก 

 

          นักร้องเหล่านี้ คือนักร้องขึ้นเวทีเมื่อไหร่ เขาเอาอยู่ เพราะทุกอย่าง คือประสบการณ์ที่เขาสะสมมา แต่พอมาถึงนักร้องในยุคนี้ มันยากมากที่จะขึ้นไปยืน แล้วทำหน้าที่ได้เหมือนกับนักร้องรุ่นนั้น เพราะฉะนั้นพอมาถึงวันนี้ ทำให้ปริมาณของนักร้องที่จะขึ้นไปยืนบนคอนเสิร์ตใหญ่ได้อย่างแข็งแรงมีน้อยมาก ทำให้บางทีคนจะเห็นภาพซ้ำต่างๆ นานา ถามว่าคนรู้สึกว่าเรามีแต่ศิลปินเดิมๆ ขึ้นวนซ้ำๆ หรือเปล่า เราเคยคิดเหมือนกันว่า นักร้องคนเดิม เพลงก็เพลงเดิม คนดูจะเบื่อมั้ย แต่พอเอาเข้าจริงๆ คนที่กังวลว่าจะเบื่อคือตัวคนทำ เพราะเราทำทุกคอนเสิร์ต เราอยู่กับมันตลอด แต่คนดู เขาไม่ได้ดูทุกคอนเสิร์ตนะ เพราะฉะนั้นในหนึ่งปี คนจะได้ดูคอนเสิร์ตกี่ครั้ง สมมุติเขาชอบพี่ติ๊นา (คริสติน่า อากีล่า) มาก ปีหนึ่งเขาจะได้ดูพี่ติ๊นากี่ครั้ง ก็ประมาณ 1 - 2 ครั้งเองในคอนเสิร์ตใหญ่ ทำให้เขาไม่เบื่อที่จะดู 

 

          เหมือนเวลาเลือกเพลง เรากังวลว่าจะเป็นเพลงเดิม เพลงซ้ำ เราก็คิดนะ แต่เมื่อไหร่ที่เราใส่เพลงนั้นลงไป คนร้องตามได้ คนยังอยากฟัง จะเต้น และสนุกอยู่ดี เราเลยแก้โจทย์ได้ว่า อ๋อ...ในหนึ่งปี แฟนๆ กลุ่มเหล่านี้ เขาจะมีโอกาสได้เต้น และร้องเพลงกับศิลปินที่เขาชอบได้ไม่กี่ครั้ง มันเเลยเป็นที่มาว่า เวลาเราจัดคอนเสิร์ตของศิลปินกลุ่มเหล่านี้ทุกครั้ง มันจะได้รับกระแสตอบรับดีเสมอ คนดูยังมีความสุขกับศิลปินที่พวกเขารัก ยังอยากฟัง อยากร้องเพลงเดิมๆ เหล่านั้นตลอด นี่จึงตอบโจทย์คนดู ตราบใดก็ตาม ถ้ายังมีคนซื้อบัตรคอนเสิร์ตอยู่ เราคงไม่สนใจว่าศิลปินจะซ้ำหรือเปล่า อย่างคอนเสิร์ต “ล้านตลับ” ศิลปินทั้ง 6 คน เราใช้แล้ว ใช้อีก แต่พอกลับมารวมตัวเป็นคอนเสิร์ต ล้านตลับ ปรากฏว่าเปิด 2 รอบ ก็ไม่พอ บัตรเต็มเร็วมาก 3 รอบก็ยังไม่พอ แสดงว่าคนดู ยังอยากดูอยู่ ภาพที่เราเห็นกับความเป็นจริง บางทีมันเป็นคนละภาพกัน ถ้าคนดูเบื่อจริง เขาคงไม่มาซื้อบัตร และบัตรคงไม่ขายเร็วขนาดนี้ ถามว่าเพราะของเก่ายังขายได้ใช่มั้ย ถูก เพราะคนยังโหยหาศิลปินที่แข็งแรงเหล่านั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นติ๊นา หรือพี่เจ (เจตริน วรรธนะสิน) จัดกี่ครั้ง คนดูก็ยังชอบเขาอยู่” ฉอดกล่าว

  

          เช่นเดียวกับ “ไข่” รักษิต รักการดี ผู้อำนวยการฝ่ายคอนเสิร์ตและกิจกรรมพิเศษ “บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน)” ผู้จัดคอนเสิร์ตรายใหญ่อีกรายของประเทศไทย เผยว่า การทำคอนเสิร์ตในแต่ละปี เป็นการดูภาพรวม อย่างในส่วนของคอนเสิร์ตศิลปินไทย ต้องมาดูว่าศิลปินเบอร์ไหนบ้างที่พร้อมสำหรับการทำคอนเสิร์ต เพราะไม่ใช่ศิลปินทุกเบอร์จะมาทำคอนเสิร์ตได้

 

          “อย่างวงโมเดิร์นด็อกทางบีอีซีฯ มีการคุยกับวงมาตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยตอนนั้นความตั้งใจ คืออยากทำคอนเสิร์ต 20 ปีโมเดิร์นด็อก แต่ด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง ก็ทำให้ไม่ได้ทำในตอนนั้น จนมาถึงตอนนี้ สิ่งที่คุยกันก็ตกผลึก จนมาทำคอนเสิร์ต 22 ปี ย้อนกลับไป อย่างโมเดิร์นด็อก เป็นวงที่มีความพร้อม ในการทำคอนเสิร์ตแน่นอนอยู่แล้ว ทั้งเพลง ที่พวกเขามีเพลงฮิตมากมาย ทั้งประสบการณ์การยอมรับ รวมถึงกลุ่มแฟนเพลงของพวกเขา ก็มีเยอะมาก ส่วนใหญ่แล้วในการทำคอนเสิร์ตไทย เราจะให้มีการขับเคลื่อนจากทางศิลปินเป็นหลัก หรืออย่างวง “แกรนด์ เอ็กซ์” ก็มีความพร้อมและองค์ประกอบที่สามารถจัดคอนเสิร์ต รวมถึงการทัวร์คอนเสิร์ตไปปตามจังหวัดต่างๆ ในการทำคอนเสิร์ตของบีอีซีฯ เลือกจากตัวศิลปินมาก่อน และให้อิสระในการทำคอนเสิร์ตแก่ศิลปินแต่ละคนอย่างเต้มที่ เพราะเราเชื่อว่าศิลปินจะรู้จักแฟนเพลงของเขาได้ดีกว่าพวกเรา” รักษิตเผย

          ผู้บริหาร “บีอีซี เทโรฯ” เผยอีกว่า บีอีซีฯ เป็นผู้จัดคอนเสิร์ตไทยน้องเล็กของวงการนี้ก็ว่าได้ เพราะเพิ่งจะมาทำคอนเสิร์ตไทยได้ไม่นาน การเลือกศิลปิน จึงถือเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำคอนเสิร์ต “เราไม่ได้มองว่า ศิลปินที่จะทำคอนเสิร์ต จะเป็นรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า เรามองที่ตัวศิลปิน ว่าพร้อมไหม ศิลปินรุ่นใหม่ๆ บางคนเราก็ทำ อย่างว่าน (ธนกฤต) ที่เพิ่งจบไป หรือจะเป็นสล็อตแมชชีน ในแต่ละปีเราอยากจะทำคอนเสิร์ตหลายๆ แนว” ผู้บริหารบีอีซีฯ กล่าว 

          รสนิยมใคร รสนิยมมันอ่ะเนอะ ว่ากันไม่ได้ของแบบนี้!!