บันเทิง

‘แพร์’ เปิดใจ 'นักแสดงน้องใหม่' ทอดทิ้ง-ซ้อมลูกจริง!(ชมคลิป

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“แพร์”ชนิตา สุวรรณานุช สาวนิรนาม เจ้าของเฟซบุ๊ก “Peary Porsh” เปิดใจครั้งแรก กรณี "ฟิล์ม น้องใหม่ฯ" ทำร้ายลูก-เมีย

     จากกรณีสาวนิรนามโพสต์รูปและข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊คส่วนตัว ใช้ชื่อว่า Peary porsh โดยระบายความอัดอั้นตันใจต่อพฤติกรรมของแฟนหนุ่ม “ฟิล์ม” นักแสดงนิวเจน ในละครเรื่อง “น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” ของค่ายบรอดคาซท์ ไทยเทเลวิชั่น เนื้อหาบอกเล่าถึงเรื่องราวความรักของตัวเองกับฟิล์ม จนกระทั่งมีลูกด้วยกันและแต่งงานกัน แต่เมื่อฝ่ายชายมีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง พฤติกรรมก็ได้เปลี่ยนไป และฝ่ายชายยังทำร้ายลูกตัวเองด้วย

       ล่าสุด เวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 19 สิงหาคม น.ส.ชนิตา สุวรรณานุช หรือ “แพร์” วัย 25 ปี สาวนิรนามผู้โพสต์เรื่องนี้ ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ในรายการ EFM ON TV ทางช่อง GMM 25 ณ สตูดิโอ GMM 25 ชั้น 11 ตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่เพลส ว่า เริ่มต้นความสัมพันธ์ ตอนเป็นนิสิต โดยมาเจอแฟนหนุ่มหลังฝึกงานจบ และเริ่มคุยกันมาเรื่อยๆ เมื่อเรียนจบก็ตกลงเป็นแฟนกัน และคบกัน 1 ปีกว่า โดยมีลูกกันก่อนแต่งงาน

     “เริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ยอมรับตามความจริง ตอนนั้นเราเป็นนิสิต มาเจอเขาตอนที่แพร์ฝึกงานจบ เขาก็จีบเรา หลังจากนั้น เริ่มคุยกันมาเรื่อยๆ พอเราเรียนจบแล้ว เลยตกลงที่จะเป็นแฟนกัน คบกันนานเหมือนกัน 1 ปีกว่าๆ ก่อนจะแต่งงานกัน แต่งงานกันหลังจากที่มีลูกแล้ว มีน้องพอร์ชแล้ว ตอนนั้นลูกประมาณ 5-6 เดือน คุณพ่อคุณแม่เขาทราบเรื่องมีลูก แต่ไม่ทราบเรื่องแต่งงาน

      ช่วงที่คบกันเขาดีมาก บอกเลยว่าช่วงก่อนที่เขาเข้าวงการ เขาคือผู้ชายที่เพอร์เฟกท์แมน ส่วนเหตุผลที่ยอมแต่งงาน โดยที่ครอบครัวฝ่ายชายไม่ได้รับรู้ เพราะว่าเขาให้คำตอบกับเราว่า เขาต้องเป็นดารานะ จุดนั้นเราไม่ได้แคร์ใคร นอกจากลูก คือ เรามีความสุขในชีวิตเรากับลูก กับเวลาที่เขากลับมา ถ้าเขาดี เขาก็ดีกับลูกเรากับเรามันก็โอเคแล้ว

       ที่บอกว่าเขาทำร้ายร่างกายลูก ตอนลูกอายุ 3 เดือน แต่ทำไมถึงยอมตัดสินใจที่จะแต่งงาน ไม่มีใครรู้เรื่องทำร้ายร่างกายลูก นอกจากเพื่อนสนิทและแม่แพร์ แต่เรื่องแต่งงาน เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ทางบ้าน ที่ต้องการให้มีพิธีขึ้น เพื่อหน้าตาทางสังคม และคือต้องยอม ตอนนั้นก็ไม่ค่อย 100 เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ที่จะแต่งงาน เพราะหลังจากแต่งแล้ว ก็จับได้ว่าเขานอกใจ” แพร์ตอบ

   ‘แพร์’ เปิดใจ 'นักแสดงน้องใหม่' ทอดทิ้ง-ซ้อมลูกจริง!(ชมคลิป

"แพร์" ชนิตา แถลงข่าว

      เมื่อถามว่าตอนที่น้องโดนทำร้ายร่างกายสภาพเป็นอย่างไรบ้าง  “แพร์” ชนิตา กล่าวว่า บอบช้ำ แต่เขายังร่าเริง

      "เราก็พาหาหมอ ตรวจเช็คสภาพร่างกายและสภาพจิตใจด้วย ตอนนั้นอยู่ดูแลกันไป ตอนนั้นเสียใจ ยอมรับ รุนแรงมากสำหรับเด็ก ตอนนั้นเราแยกกันอยู่ เราไม่อยากให้โอกาส แต่เราให้โอกาสเขาในการที่เราไม่แฉ ไม่เปิดเผย ไม่แจ้งความ ไม่ดำเนินคดี เพราะเราคิดว่า เขาร้ายใส่เรามา เราไม่จำเป็นต้องร้ายตอบกลับ แต่เราแค่ดึงตัวเองและลูกเราออกมาดีกว่า

      ที่เขาทำร้ายลูกตอนนั้น เหมือนเขาไม่มีสติ เหมือนเขาเครียด ยังจัดการอารมณ์กับเด็กไม่ได้ เด็กร้องไห้มากๆ แล้วเขาก็กังวล เพราะตอนนั้นเราไปเซเว่นนาน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา หรืออะไรหรือเปล่า เขาคงเครียด และลูกร้องไม่หยุด ก็เลยกลายเป็นให้เขาทำร้ายลูก ด้วยความที่เขาอารมณ์ร้อนอยู่แล้วด้วย

      ถามว่าตอนคลอดลูกใหม่ๆ เขาได้มีโอกาสช่วยเรื่องลูกไหม 1 อาทิตย์แรก เพราะว่าเราผ่าคลอด เจ็บแผล เราก็ขอเขาว่า ขอ 1 อาทิตย์อยู่กับเราก่อน ช่วยซักผ้าหรืออะไรก่อน ช่วงที่อยู่ด้วยกัน ก่อนเข้าวงการ เขาเป็นคนน่ารัก เป็นผู้ชายเฟรนด์ลี่ เป็นคนดูแลใส่ใจ นอบน้อม เข้ากับทุกคนได้ง่ายมากเลย เทคแคร์เรา ใส่ใจในรายละเอียดที่แบบ บางทีผู้ชายแข็งๆ ที่ไม่น่าใส่ใจ เขาก็ใส่ใจ แต่พอหลังจากที่เขาเข้าวงการแล้ว ก็กลายเป็นว่า เหมือนเขาต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต

       เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พอเข้าไปอยู่ในจุดนั้น ต้องเป็นยังไง แต่เขาก็เปลี่ยนไปหลังจากนั้น เขาเปลี่ยนไปโดยที่ไม่สามารถใช้ชีวิตกับเราได้เป็นปกติ จะมากินข้าว ดูหนัง ไปนอกบ้านไม่ได้ และเป็นคนขี้หงุดหงิดมาก อาจจะด้วยภาวะความกดดันในงาน ต้องบรีฟเขาเยอะ ก็ลงที่ใครไม่ได้ ถ้าเราทำอะไรนิดหน่อยเขาก็ปรี๊ดใส่เรา"  แพร์แจกแจง

      นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมยอมรับที่จะอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ปิดบัง “แพร์” ชนิตา เผยว่า 

      “จริงๆ เราคิดจะเลิก อยากให้เขาไปมีอนาคต แต่ว่า เขาก็บอกว่าเขาเลิกไม่ได้นะ เขาก็ยังอยากอยู่กับเรา ยังอยากดูแลเรา อยากเจอลูก เราเลยต้องยอมที่จะอยู่ในสถานะที่ว่า โลกของเขาคือโลกของเขา โลกของเราที่เป็นพ่อแม่ลูกก็คือที่บ้าน ที่ห้อง อย่างเรื่องค่าใช้จ่าย ในช่วงแรกๆ เขายังไม่มีรายได้มากขนาดนั้น เรื่องค่าใช้จ่ายจะเป็นทางฝ่ายแม่เรา เพราะว่าแพร์ยังไม่ได้ทำงาน เพราะว่าลูกยังเล็ก เคยเอาไปฝากเลี้ยง แต่เกิดเหตุการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจอคนเลี้ยงสูบบุหรี่ใส่ลูก ลูกเกือบเป็นภูมิแพ้ เกือบเป็นหอบ เลยคิดว่า ให้เราไปทำงาน เงินเดือนเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม กับที่ต้องเอาลูกไปเสี่ยง และไม่ได้เห็นพัฒนาการลูก ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดลูก” แพร์กล่าว

    ‘แพร์’ เปิดใจ 'นักแสดงน้องใหม่' ทอดทิ้ง-ซ้อมลูกจริง!(ชมคลิป

"แพร์" ชนิตา

      เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนที่เขาทำร้าย รุนแรงไหม “มีบอบช้ำ แพรก็ไปโรงพยาบาล ไปตรวจเช็ค มีประมาณ ช่วงหลังๆก่อนที่จะเลิกกันขาดก็ 2-3 ครั้ง ที่เขาเหมือนอารมณ์เสีย หงุดหงิดง่ายเหลือเกิน ที่ทำให้ตัดสินใจเลิกขาดก็คือ อย่างที่บอก พอละครเขาเริ่มออนแอร์ เขาก็เริ่มมาบอกกับเราว่า เขาไม่สามารถจะใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ได้แล้วนะ เขาไม่สามารถจะใส่หมวก ใส่แว่น คอยปิดแมซหรืออะไร คนก็จำเขาได้อยู่ดี

       เราก็เลยบอกว่า ที่พูดทั้งหมดเนี่ยคุณต้องการอะไร คุณต้องการเลิกเหรอ เขาก็บอกว่า เขาต้องการเลิก เราก็ยินดี เพราะว่าเราจะไปรั้งเขาไว้ไหม ถ้าเขาพูดมาขนาดนี้ เราก็โอเค ยินดี เพราะที่ผ่านมา เราก็อยู่กับลูก อยากไปไหน ไปทำอะไร เราไม่สามารถไปเป็นพ่อ แม่ ลูกได้ แต่แพร์ก็ยังอยากไปกินข้าวนอกบ้านกับลูก เราจะไปกัน 2 คนกับลูกตลอด เราเลยตัดสินใจได้ โอเค มันเสียใจนะที่ก่อนหน้านี้ เราฝ่าฟันอะไรกันมา เรายอมที่จะอยู่สเตตัสแบบนี้มา เราก็หวังว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน แต่เขาก็บอกว่า เขาอดทนไม่พอ เขากลัว ความเสี่ยงมันสูงที่จะจับได้ ที่คนจะรู้ ก็เลยตัดสินใจว่า โอเค คุณมีอนาคต งั้นฉันไม่ไปทำลายอนาคตคุณก็ได้ ยอม แต่เขาก็ยังมาวนเวียนอยู่ในชีวิตตลอด ด้วยความที่มีลูก ก็เหมือนมีตัวเชื่อมอยู่ตรงกลางให้ ไม่ขาดกันสักที” แพร์กล่าว 

     นอกจากนี้ “แพร์” ชนิตา ได้กล่าวถึงการที่ออกมาโพสต์ครั้งนี้ คือในขณะที่ฝ่ายชายขอแยกตัวออกไป ยังทำตัวเหมือนปกติ เหมือนยังเป็นแฟน เขาปกติทุกอย่าง และเขาบอกว่า เขาไม่มีใคร 

     "แพร์ก็บอกว่าไม่มีใครเหมือนกัน เพราะมีลูกเนอะ ไม่ใช่ว่าเราจะไปหาใครใหม่ เราไม่ได้เหงา ไม่ได้อะไร แต่เราอยากมีครอบครัว มีชีวิตครอบครัวมากกว่า แต่เมื่อมันเป็นความจำเป็น ที่คุณอยู่กับเราไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับในจุดนั้น แล้วพอสุดท้าย เขาพูดว่า เขาไม่มีใคร และเขายังรู้สึกดีกับเราเหมือนเดิม ไม่อยากให้เราหายไปไหน อย่าบล็อคเขานะ พอเป็นน้ำหล่อเลี้ยง อารมณ์เหมือนเขาบอกเลิกเรา และก็เหมือนรถสิบล้อชนเราแล้ว แต่เราไม่ตาย เรากำลังจะเยียวยาตัวเอง เขาก็ถอยกลับมาซ้ำอีกด้วยการหลอก

      คือเราก็มารู้ มีเพื่อนส่งไลน์มาว่า เจอเขากับผู้หญิงที่นั่นที่นี่อยู่นะ คุณยังมีเล็ก มีน้อยของคุณ แล้วคุณมาพูดกับเราแบบนี้ทำไม มาทำให้เราไม่ไปไหนทำไม ฉะนั้น ฉันจะตัดคุณจริงๆแล้ว ไม่เอาแล้ว แล้วฉันทำดีมาตลอด แต่ความดีมันไม่ได้ทำให้เปลี่ยนคุณได้ หรือความรักไม่ได้ทำให้คุณเปลี่ยนได้ คุณบอกว่าคุณรักเรา รักลูก แต่เปล่า คุณรักตัวเองมากกว่า

      และสิ่งหนึ่งที่คนจะชอบบอกว่า เราหึงหวงเขาล่ะสิ เรากลัวโดนเขาทิ้ง โถ ถ้าหนูทำเพราะหนูหึงหวง หรือทำเพราะว่ากลัวจะโดนเทเนี่ย บอกเลยว่าทำตั้งแต่จับได้ครั้งแรก หรือครั้งไหนแล่ว คือมันมีไม่รู้กี่ครั้ง เราแค่เหมือนไม่อยากให้ผู้ชายแบบนี้ไปทำกับใครอีก เพราะเรารู้ดีว่า ในสังคมมีคนแบบนี้เยอะ แต่อาจจะไม่ได้เป็นดารา ก็เลยยังลอยตัวอยู่ สบายตัวอยู่

      ด้วยความที่เรารู้ดีว่า เป็นจุดอ่อนของเขาที่เขากลัว และเป็นจุดที่เขาเอามาทำลายผู้หญิง ด้วยความเป็นดารา เป็นหน้าตา ผู้หญิงที่ไหนก็อยากเข้าหา ยินดีที่จะยินยอม เพราะฉะนั้นคุณสร้างภาพไว้ดีมาก แต่มุมที่ฉันเห็นอยู่คนเดียวเลย มุมที่คุณไม่ดี ฉันขอประกาศให้โลกรู้แล้วกันนะว่า มุมที่คุณไม่ดี มันเป็นอย่างนี้ แต่เราก็ไม่ได้ว่า ว่าผู้หญิงที่รับคุณได้ อาจจะมี ไม่ได้ไปตามรังควาน แต่แค่อยากจะบอกว่า ฉันไม่เอาคุณแล้วนะ เพราะว่าคุณมีมุมแบบนี้ แล้วคุณจะไปทำร้ายใครอีก

     หลังจากที่แพร์ประกาศไป ก็มีหลายข้อความเข้ามา ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง ว่าหนูก็โดนเขาหลอกมาเหมือนกัน เป็นกำลังให้นะ แบบมีหลักฐานมาเลยว่า หนูโดนคนชื่อนี้เหมือนกัน เข้าใจพี่เลย แต่ว่าพี่มีลูกเนอะ พี่ยังตัดเขาได้ เหมือนเอาเราเป็นไอดอลว่า ทำให้เขาต้องตัดผู้ชายไม่ดีออกจากชีวิตเหมือนกัน 

    การที่ตัดสินใจออกมาโพสต์ กรณีที่เขาทำร้ายร่างกายลูก เพราะว่า ถ้าสมมุติประกาศว่า เขานอกใจฉัน มันก็เหมือนเรื่องทั่วไป มันมีเยอะมาก ผู้ชายนอกใจผู้หญิง ผู้หญิงนอกใจผู้ชาย แต่เรื่องลูก เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟและเป็นเรื่องจริง เราไม่ผิดที่เราจะเอาออกมาพูด และอยากจะบอกว่า ถ้าเขาแค่นอกใจ มันก็อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ชายที่ไหนก็ได้ทั่วๆ ไป แต่การทำร้ายลูก มันต้องเกิดขึ้นกับคนที่แบบสุดๆ จริงๆ เขาทำร้ายลูกตอนลูก 3 เดือน ตอนนั้นเราตัดสินใจแยกกันไปนานมาก เป็นเดือน" แพร์กล่าว

   ‘แพร์’ เปิดใจ 'นักแสดงน้องใหม่' ทอดทิ้ง-ซ้อมลูกจริง!(ชมคลิป

"แพร์" ชนิตา แถลงข่าวครั้งแรก

     ถามว่า พอเห็นรอยช้ำตามตัวลูกที่โดนทำร้าย ตอนนั้นรู้สึกยังไง แพร์เผยว่า 

     "ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้อยู่ว่า มือสั่น แพร์ลบรูปพวกนั้นไปนานแล้ว แต่ได้ส่งไปให้แม่ดูในไลน์ เขาก็ส่งให้เพื่อนดู มันดูไม่ได้เลยตอนนั้น ใครเห็นใครก็ร้องไห้ มันช็อคมากๆ เลยตัดสินใจว่า ฉันไม่อยู่ทำร้ายเธอกลับคืน แต่เธออย่ามาอยู่ในชีวิตฉันอีกเลย จนกว่าจะเคลียร์ตัวเอง ปรับปรุง ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้  

      ถามว่าทีโพสต์ทั้งหมด คือต้องการเรียกร้องอะไรไหม แพร์ไม่อยากได้อะไรจากเขา ถ้าอยากให้เขารับผิดชอบ เราคงไม่โพสต์แบบนั้น เรารู้ดีว่า ถ้าทำแบบนี้คงไปหวังอะไรจากเขาไม่ได้แล้ว ที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรอยู่แล้วด้วย เราก็รับผิดชอบทุกอย่างเองมาตลอด

       สำหรับลูกตอนนี้ พอเอาลูกไปฝากเขาเลี้ยงมันไม่ดี เราจะไปทำงานก็ไม่ได้ เลยต้องหาอาชีพที่เราสามารถเลี้ยงลูกได้ด้วย ทำงานได้ การได้เลี้ยงลูกแล้วทำงานด้วยได้ คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับช่วงเวลานี้ ตอนนี้ก็ทำขนมขายเองในออนไลน์ รายได้มันก็ไม่ได้มากถึงกับทำให้เรารวย แต่เรามีความสุขที่ได้เลี้ยงลูกเอง ตอนนี้เขากำลังจะ 2 ขวบแล้ว เราก็หาเลี้ยงลูกเองจากรายได้ขายขนมของเรา เขาก็มีให้ตามกำลังเขา เราก็ขอนะ ขอเฉพาะค่าผ่อนรถกับค่าใช้จ่ายลูก ส่วนตัวเรา เราหากินเอง พยายามประหยัดเอา ตอนนี้ก็เตรียมให้เขาเข้าโรงเรียน แพร์หวังให้เขาเข้าโรงเรียน เราจะได้ไปทำงาน หารายได้เพิ่มขึ้นอีก” แพร์บอก

   หลังจากที่โพสต์ข้อความระบายความในใจไป อีกฝ่ายมีฟีดแบคมายังไงบ้าง เจ้าตัวเผยว่า 

    “ไม่ได้ติดต่อกันเลย  เพราะเราบล็อคเขาไว้แล้ว เราไม่ขอรับรู้อะไรเรื่องของเขาแล้ว เขาจะเป็นตายร้ายดียังไงแพร์ไม่รับรู้แล้ว แพร์แค่อยากโพสต์ เพื่อให้ผู้หญิงทุกคนเห็นธาตุแท้ของเขา คิดว่าคงมีผู้หญิงที่โดนแบบแพร์เยอะ ก็ให้แพร์โดนเป็นคนสุดท้ายกับเขาพอ

      ส่วนเรื่องที่เขากล่าวหาว่าเรามีชู้กับเพื่อนเขา เนื่องจากว่า เขากลัวว่าเราจะไปแอดเฟซบุ๊คเพื่อนเขาแล้วเพื่อนเขาจะรู้ว่า เขามีลูกแล้ว ที่เขาโกรธมากเพราะเราไปแอดเฟซบุ๊คเพื่อนเขา อยากให้เพื่อนเขารู้เหรอแล้วมาทำเป็นว่าหึงหวง จริงๆ คือกลัวว่าเพื่อนจะรู้ว่า แพร์มีลูกแล้ว แสดงว่าต้องมีลูกกับเขา กลัวเพื่อนจะไปเชื่อมโยง” แพร์บอก 

    ล่าสุด พ่อของฝ่ายชายออกมาโพสต์ว่า ลูกเขาไม่ทำร้ายผู้หญิงและเด็กแน่นอน ระวังจะหนีความจริงไม่พ้นนั้น  “แพร์” แจกแจงว่า “พอดีว่าเป็นคนชอบเผชิญหน้ากับความจริงมาก ไม่งั้นคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้ คนที่บ้านเขา ที่รู้เรื่องเขาแต่งงาน มีน้ากับแม่เขา ถามว่าทำไมเราถึงยอมให้เขาไม่รู้ เพราะว่ามันไม่มีผลกระทบอะไร เราแคร์ทุกคนบนโลกไม่ได้ ถ้าเขารู้ แต่เขาไม่ช่วยเหลือ เราก็ไม่มีค่าอะไร เขาจะรู้หรือไม่รู้ แพร์ว่าเราช่วยเหลือตัวเองดีกว่า ส่วนจะรับผิดชอบมาเท่าไหร่ ก็ตามแต่สำนึกเขาเลย เราไม่คาดหวัง  

      ถามว่า เพราะว่าเขาเป็นดาราเลยอยากปิดบังเรื่องลูกไหม เขาติดภาพว่า เป็นดารามันมีลูกไม่ได้ไหมแพร์ก็ไม่รู้นะ หรือเป็นดาราที่ยังไม่ดัง ก็กลัวว่าจะดับ เขาก็เลยตัดไฟเสียแต่ต้นลม เลิกกับเราไปเลยดีกว่า" 

    ล่าสุด ทางบอร์ดคาซท์ฯ ต้นสังกัดได้ระงับงานเขาหมดแล้ว แพร์เผยว่า “ก็ไม่รู้บาปกรรมไหมนะ ไปทำให้อนาคตใครดับ แต่จุดประสงค์เราไม่ได้ต้องการแบบนี้ เพราะยังไงเขาก็ยังต้องทำงานเลี้ยงพ่อแม่เขาอยู่ เราไม่ได้อยากให้เขาโดนสังคมลงโทษ ขนาดไปตัดอนาคตเขา ถ้าเขาแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้ มันก็เป็นเรื่องดีกับตัวเขาเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เราก็เห็นใจนะ เราก็มีลูกชาย เราก็มีแม่เหมือนกัน เราเข้าใจ ที่แพร์แฉมันเป็นเพราะเรื่องผู้หญิง เรื่องการทำร้ายร่างกาย เรื่องการควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่อยากให้ใครตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเขา

      ถามว่าถ้าเขามาตามง้อ จะใจอ่อนไหม  ขั้นนี้แล้วถ้ากลับไปอีก แม่เราคงจะตัดแม่ตัดลูกกับแพร์ ไม่มีทางแล้ว ความสัมพันธ์สามีภรรยาเป็นศูนย์แล้ว แต่ถ้าเป็นพ่อกับลูก แพร์ให้สิทธิ์เขากับลูกตัดสินใจเลย ถามว่า เขายอมเซ็นต์รับรองบุตรไหม เขาเซ็นต์เพราะเราขอร้องเขา เราไม่ได้นึกถึงอะไรเลย เงินเราไม่ต้องการ เราคิดแค่ว่า เวลาลูกไปโรงเรียนจะต้องใช้เอกสาร หรือโตมาทุกคนก็มีชื่อพ่อชื่อแม่ แต่ลูกเรามีไม่ครบ ทำไมถึงเป็นชื่อ ไม่ปรากฎนามเขาคงเสียใจ ต่อให้เราพูดความจริงขนาดไหน ทุกคนก็เสียใจอยู่ดีเลยขอร้องเขาว่า ขอให้มีชื่อนะ แค่นั้นจริงๆ เราขอร้องเขาเลยว่า เงินไม่เอาก็ได้ แค่เซ็นต์ชื่อเป็นพ่อ เพื่อลูก เขาก็กลัว เราก็บอกว่าทะเบียนราษฏ์นะ คงไม่มีนักข่าวไปขุดมาหรอก มันคงไม่มีผลอะไรขนาดนั้นไหม

    ‘แพร์’ เปิดใจ 'นักแสดงน้องใหม่' ทอดทิ้ง-ซ้อมลูกจริง!(ชมคลิป

"ฟิล์ม" ในฉากละคร "น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์"

    แพร์เคยพูดว่า การมีลูกมันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอเธอ ถ้าเธอมีลูกแล้วเธอรับผิดชอบ เธอดูแลใส่ใจ จะมีแต่คนชื่นชมหรือเปล่า แต่เขาก็บอกไม่ได้  ถามว่า ตัดขาดแล้วแน่นอนไหม อย่าทำอะไรที่กระทบแพร์และลูก คุณรู้ดี ผิดชอบชั่วดี เข้าวัดเข้าวา คุณรู้หมด แต่ถ้าคุณไม่เอาไปปฎิบัติ ไม่เอาไปใช้ ไม่เอาไปปรับ ต่อให้คุณเลิกกับฉันไปแล้ว ไปคบกับใคร ทำงานอะไร คุณจะยังเป็นอย่างนี้ มันก็จะเป็นอย่างนี้แหละ

      เราอาจจะไม่ใช่คู่แท้ในชีวิตเขา เราเลยต้องจบแค่ตรงนี้ แต่ชีวิตความเป็นพ่อ มันจะติดตัวเขาไปตลอดลูกก็ยังรับรู้ว่า เขาคือป่าป๊า มันอยู่ที่คุณแล้วว่า คุณจะทำตัวเป็นพ่อไหม หรือว่าคุณจะไม่สนใจ ไม่ใส่ใจก็ไม่เป็นไร เพราะฉันให้ลูกเต็มร้อยแน่นอน บางทีลูกเจอผู้ชายสูงๆ ตัวใหญ่คล้ายป่าป๊าเขา เขาก็จะเข้าไปหา อยากเข้าไปกอด เขาคงอยากจะเจอป่าป๊าเขา เพียงแต่เขายังพูดไม่ได้ ถามว่าสุดท้ายต้องการอะไร ไม่ต้องการ มันชีวิตเขาแล้ว ที่ต้องการก็คือ อยากให้เขาออกไปจากชีวิต แค่นั้นเอง”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ