บันเทิง

'ต้อง' เปิดใจหลังตัดสินใจหย่าสามี 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจครั้งแรก “ต้อง” ศุภัชญา ยอมรับเลิกรากับสามี “ดร.เอก” แล้ว หลังใช้ชีวิตคู่มากว่า 2 ปี รับรอเซ็นเอกสารหย่า

         เข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2556 สำหรับ “ต้อง” ศุภัชญา ชุณหชัชราชัย(รื่นเริง) นักแสดงสาวและดีเจจากคลื่น “FM ONE 103.5” กับ ดร.เอก ชุณหชัชราชัย ซึ่งทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตคู่มากว่า 2 ปี แต่ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่าดีเจสาวโสดเสียแล้ว และกำลังรอแค่จดทะเบียนหย่าเท่านั้น ล่าสุดผู้สื่อข่าว นสพ.คมชัดลึก เลยขอโทรศัพท์สายตรงเพื่อสอบถามถึงข่าวคราวดังกล่าวว่าเป็นจริงหรือไม่ โดยต้องเผยให้ฟังดังนี้

         “ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการหย่า รอเซ็นเอกสารหย่า เพราะว่าต้องมีการจดทะเบียนด้วย จริงๆ ต้องแยกกันอยู่มาครึ่งปีแล้ว คือแยกกันอยู่มา 6 เดือนแล้ว ตั้งแต่ต้นปี (หลายคนตกใจกับข่าวที่ออกมา) ต้องบอกว่าต้องแต่งงานมา 2 ปี ปีนี้เข้าปีที่ 3 แต่ว่าตลอด 2 ปีมันก็ยากเหมือนกัน เรียกว่ายากด้วยกันทั้งคู่ด้วย เลยคิดว่าไม่น่าจะโอเคแล้ว ถ้าเราอยู่แล้วไม่แฮปปี้ อยู่แล้วไม่มีความสุข เราต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่งั้นชีวิตต้องอีกยาวไกล ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ คงไม่ไหว เลยเป็นการแยกกันอยู่ ก็คือเลิกนั่นแหละ เพราะลองหลายวิธีแล้ว แต่ว่ามันก็ยังไม่สามารถที่จะดีขึ้น คือเราค่อนข้างจะมีปัญหากันเยอะ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เราสู้มาขนาดนี้แล้ว ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็คงต้องเดินออกมาต้องแยกกันเดิน โดยส่วนตัวต้องอยู่คนเดียวได้นะ ต้องไม่มีปัญหา แต่ถ้าจะให้ต้องอยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรีต้องอยู่ไม่ได้ ต้องค่อนข้างซีเรียส ทุกคนมีจุดหมด อันนี้คือจุดของต้องที่อยู่คนเดียวได้ แต่ถ้าอยู่แบบไม่มีศักดิ์ต้องอยู่ไม่ได้ เลยคิดว่าน่าจะแยกกันดีกว่า” ต้องกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

'ต้อง' เปิดใจหลังตัดสินใจหย่าสามี 

         ถามต่อว่าสาเหตุหลักของการเลิกราคืออะไร มีเรื่องมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ดีเจสาวชื่อดังเผยว่า ขอตอบว่ามันเป็นเรื่องทัศนคติแล้วกัน เป็นเรื่องของความคิดแนวทาง เรื่องๆ หนึ่งมองไม่เหมือนกัน

         "โดยส่วนตัว ต้องอยากให้จบแบบดีๆ นะ เพราะว่าครั้งหนึ่ง เรียกว่าเราใช้ชีวิตคู่เนอะ ชีวิตคู่ไม่มีใครผิดคนเดียว มันผิดทั้งคู่แหละ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ต้องอยากให้จบแบบดีๆ ละมุนละม่อมที่สุดแล้วกัน (ใครเป็นฝ่ายบอกว่าจะแยกทางกัน) คุยด้วยกันนี่แหละ เพราะปัญหามันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว การที่เกิดเหตุการณ์ที่จะหย่ามีหลายทีแล้วเหมือนกัน แต่ว่าเรายังรู้สึกว่าถ้ามันยังไหว ยังเดินต่อไปได้ จนมาถึงสิ้นปี ยาวจนถึงช่วงต้นปี คิดว่ามันถึงสุดทางแล้ว ต้องก็ไม่ไหวแล้ว เลยคุยกันว่าก็โอเคพร้อมเมื่อไหร่ เพราะมันเหลือแค่ขั้นตอนเซ็นเอกสาร พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปเซ็นเอกสารกัน เราก็ไม่เร่งอะไร แต่ว่าแยกกันอยู่เรียบร้อยแล้วนะ คือต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองกันไป

         แต่เมื่อพอเวลามันผ่านไปนานเข้า ก็ไม่ได้เซ็นสักที จนวันดีคืนดีต้องก็โทรไปว่าเอายังไงดี เขาก็ไม่รับสาย ติดต่อไม่ได้ เราไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาคงยุ่ง เลยคิดว่าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยไป พออีกไม่กี่วันถัดมา ก็จะมีจดหมายจากทนายเขาส่งมา ต้องก็งงว่าไหนเราคุยกันจบแล้ว ว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็ไปเซ็น แต่นี่คืออะไร ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าต้องกับเขาไม่ได้คุยกันเลย เพราะว่าเป็นเรื่องของทนายแล้ว ต้องก็ให้ทนายของต้องยื่นกลับไป ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทนายกับทนายคุยกัน ต้องไม่ได้คุยกับเขาแล้ว ไม่ได้ติดต่อไม่ได้รับรู้อะไรกันเลย ทุกอย่างผ่านทนายหมด" ต้องชี้แจง

'ต้อง' เปิดใจหลังตัดสินใจหย่าสามี 

         ผู้สื่อข่าวถามว่า มีทนายเข้ามาเกี่ยวข้องถือว่าเป็นการจบด้วยไม่ดีหรือเปล่า ดีเจสาวกล่าวว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะยังงงอยู่ว่าทำไมอดีตคนรักถึงให้ทนายส่งเอกสารมา

         “วันสุดท้ายที่คุยกัน เราก็คุยจบกันด้วยดี พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปเซ็นหย่า แต่ก็มีการเลื่อนตลอดๆ ติดงานเราก็ไม่มีปัญหา เราก็รอนะ จนวันดีคืนดีได้เอกสารมา เราก็งงเหมือนกัน ถ้าเขาจะมาในมุมแบบนี้ ก็ต้องว่ากันตามนั้นไป เราคุยกันไม่ได้ก็ไม่คุย ให้ทนายคุยกันไป ซึ่งเบ็ดเสร็จก็กินเวลากันไปครึ่งปีแล้ว (อดีตสามีให้ทนายส่งเอกสารมาก่อนเท่ากับว่าเขาฟ้องหย่าหรือเปล่า)ต้องก็ยังไม่รู้ว่าจะฟันธงไปยังไงดี เพราะว่าเอกสารมาปุ๊บ เราก็ยื่นเอกสารกลับไป แล้วเราก็โทรไปว่าตกลงจะเอายังไง แต่ปรากฏว่าติดต่อทนายเขาไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้กลายเป็นว่าเงียบ ทนายก็ไม่รับ ทางเขาเลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์เราอยู่แล้ว คงต้องปล่อยให้ทนายจัดการต่อไป แต่เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำ ทำเพื่ออะไร เราตีความไม่ได้”

         ต้องเผยต่อว่า เรื่องน่าจะจบเร็วๆ นี้ เพราะไม่มีอะไร นอกจากแค่เรื่องการเซ็นเอกสาร ซึ่งไม่รู้ว่าฝ่ายอดีตสามีคิดอย่างไร แต่ตัวเองแค่ต้องการเซ็นเอกสารหย่าเท่านั้น ถือว่าจบ ยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องอะไร เพราะต้องการอิสรภาพที่ควรจะได้ คงต้องตามเรื่องให้ได้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่เหมือนกัน

         “ปล่อยให้ทนายจัดการไป เขาอาจจะยุ่งมั้ง เราก็ไม่รู้(หัวเราะ) ถามว่าเสียใจ เสียเวลามั้ย ไม่เสียดายเวลานะ เพราะ ณ ตอนนั้น เราตั้งใจคิดแล้ว ต้องเป็นคนเต็มที่นะ กว่าจะมาถึงวันนี้มีเรื่องเยอะ แล้วเรารู้สึกว่าเต็มที่กับมันเยอะพอสมควร มันเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราโตขึ้น ถามว่าเสียใจมั้ย แน่นอนมันมีอยู่แล้ว เราไม่คิดมั้งว่าแต่งงานแล้วต้องมาถึงจุดหย่า เรามองคนอื่นหย่า เรายังคิดว่าเราห่างไกลจากคำนี้มากเลย ไม่เคยอยู่ในหัวเลย พอเราต้องมาใช้คำนี้ แน่นอนมันเสียใจ มีงงๆ อึนๆ คิดเยอะนะกว่าจะมีถึงจุดนี้ แต่สุดท้ายมันจะตีกลับมาว่า ถ้าเราอยู่ตรงไหนแล้ว เราไม่มีความสุข หรือเราจะทนอยู่อย่างนั้น หรือเดินออกมา สุดท้ายมันตีกลับมาที่ความสุข ไม่อย่างนั้นเราจะทุกข์อยู่อย่างเดียว จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็คงไม่ใช่ เสียใจมีอยู่แล้ว แต่เราต้องมูฟออน”

'ต้อง' เปิดใจหลังตัดสินใจหย่าสามี 

         ถามต่อว่าชีวิตตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ต้องเผยว่าโอเคดี ยอมรับว่าช่วงแรกเหงา เพราะคนเคยมีบัดดี้ แต่พอวันหนึ่งต้องเรียนรู้ อีกทั้งชีวิตไม่ได้เปลี่ยนมาก เพราะว่าก่อนหน้าที่จะแต่งงาน หรือหลังแต่งงานก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม

         “ช่วงแรกๆ ก็เหงาแหละ คนเคยมีคู่เนอะ แต่ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนมาก กำลังใจดี พ่อกับแม่ ครอบครัว พี่ ญาติ เพื่อน คอยพาไปที่นั่นที่นี่ (ตั้งรับกับคำว่าม่ายยังไง) รู้สึกโอเคนะมีสถานะใหม่เพิ่ม มีฐานันดรใหม่ๆให้ตลอดเวลา(หัวเราะ) รู้สึกโอเคนะ เดี๋ยวนี้สังคมค่อนข้างเปิด โชคดีที่เรามาเจอเรื่องแบบนี้ตอนนี้นะ เขาก็จะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องไม่แปลก ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงเครียดเหมือนกัน” ต้องกล่าวทิ้งท้ายอย่างอารมณ์ดี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ