บันเทิง

รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง Someone Like You: 27

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'เฉินหยู่ซี' ตัดสินใจบอกเลิกกับ 'ฟางจ่านเฉิง' เพื่อ 'สวีหย่าถี'

รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง Someone Like You: 27

ซีรีส์ไต้หวัน Someone Like You: รักครั้งใหม่ หัวใจอลเวง ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 น. / 01.00 น. ทางช่อง NOW26


    หลี่โป๋เยี่ยนออกมาพร้อมกับเฉินหยู่ซี ฟางจ่านเฉิงที่รออยู่รีบถามเฉินหยู่ซี
    “โอเคไหม”
    “อื้ม ขอบคุณนะ” เฉินหยู่ซีบอกหลี่โป๋เยี่ยนแล้วรีบชวนฟางจ่านเฉิงไป 
    “ไปเถอะ เราไปหาหย่าถีกัน” ฟางจ่านเฉิงจูงเฉินหยู่ซีไป หลี่โป๋เยี่ยนมองตามอย่างแค้นใจ
    ฟางจ่านเฉินพาเฉินหยู่ซีไปตามที่อยู่ที่หลี่โป๋เยี่ยนบอกแต่ไม่มีคนออกมาเปิดประตู ทั้งสองออกมาก็เจอพ่อกับสวีหย่าถี จึงรู้ว่าเธออยู่ในห้อง ทั้งหมดรีบไปดูแล้วก็พบว่าสวีหย่าถีหมดสติอยู่ในห้อง ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล
    ที่โรงพยาบาล พอสวีหย่าถีรู้สึกตัวก็ถามพ่อว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เฉินหยู่ซีรีบเข้ามาหา
    “หย่าถี ทำไมออกจากโรงพยาบาลล่ะ เธอพูดแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะให้หมอรักษาเธอแล้วทำไมเธอถึง...”
    ฟางจ่านเฉิงปราม “ชู่ว”
    สวีหย่าถีอ่อนแรง “หยู่ซี ขอโทษนะ”
    “ฉันสิที่ต้องขอโทษ ฉันกังวลมากๆ กลัวมากๆ เลย ขอร้องล่ะ อย่าหายออกไปอีกนะได้ไหม”
    สวีหย่าถีบอกอย่างอ่อนแรง “ไม่ต้องเป็นห่วง เธอต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ ไปทำงานเถอะ”
    เฉินหยู่ซีว่า “ฉันจะอยู่ดูแลเธอ”
    ลุงสีว่าเขากับพี่เจียนจะดูแลเอง ให้ทั้งสองไปทำงาน
    ฟางจ่านเฉิงว่า “ครับ ตกลงตามนี้ งั้นเรากลับก่อนนะครับ หยู่ซี พวกเรากลับกันก่อนเถอะ ให้หย่าถีได้พักผ่อน”
    เฉินหยู่ซีลา “ฉันไปก่อนนะ บ๊ายบาย”
    ลุงสีออกมาส่ง เฉินหยูซีบอกว่าถ้ารู้ผลให้รีบบอกแล้วก็หาโทรศัพท์ ปรากฎว่าลืมไว้ที่ห้อง เธอขอไปเอา
    ในห้องพักพี่เจียนคาดคั้นสวีหย่าถี
    “พูดมาซิ ที่เธอหนีออกไป เพราะว่าตั้งใจจะหลบหน้าสองคนนั้นใช่ไหม เด็กคนนี้นี่.. เธอมีเรื่องอะไร ก็มาปรึกษาฉันได้ ถ้าเธอพูดฉันก็จะช่วยเธอ แต่ แต่เธอกลับใช้วิธีหนีออกไป เธอ เธอ ดูซิว่าตอนนี้สภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง เธอรู้ไหมว่า ฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน ฮะ?”
    สวีหย่าถีอ่อนแรง “พี่เจียน ขอโทษนะคะ”
    พอดีหมอกับพยาบาลเข้ามา “สวัสดีครับ คุณสีครับ อาการของคุณตอนนี้ มีบางเรื่องที่อยากจะบอก คืออย่างนี้ครับ อาการก่อนหน้านี้ของคุณถือว่าคงตัว ผ่านไปไม่กี่เดือนแต่เป็นแบบนี้ ผิดปกติ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ผมว่า ไม่มีหวัง”
    พี่เจียนตกใจ “ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ”
    เฉินหยู่ซีจะเข้ามาก็ได้ยินหมอพูดเลยหยุดฟังที่ประตู
    “อาการนี้สาเหตุไม่แน่ชัด ผมก็กังวลมาก ช่วงนี้คุณ มีความเครียดอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่ามีปัจจัยภายนอกที่มากระทบจิตใจคุณ ถ้ามีล่ะก็ เอ่อ คุณบอกได้นะครับ พวกเราจะได้หาทางช่วยเหลือคุณ จะได้หาวิธีรักษาที่เหมาะกับคุณ”
    พี่เจียนถาม “นอกจากนี้แล้ว เรา เราทำอะไรได้อีกคะ”
    “ก่อนที่จะหาสาเหตุ ต้องทำให้จิตใจสงบคงที่ ซะก่อนนะครับ อย่าเครียดหรือกังวลมากเกินไปนะครับ หลีกเลี่ยงเรื่องที่กระทบจิตใจ”
    “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะหมอ เรา เราจะทำอย่างเต็มที่”
    “ครับ พักผ่อนเยอะๆ นะครับ”
    “ขอบคุณค่ะหมอ”
    เฉินหยู่ซีเข้ามา สวีหย่าถีทัก “หยู่ซี”
    พี่เจียนถาม “ทำไมกลับมาล่ะ? หยู่ซี”
    เฉินหยู่ซีตอบเสียงเบา “ลืมโทรศัพท์ไว้น่ะค่ะ” เฉินหยู่ซีหยิบโทรศัพท์จะเดินออกไปแล้ว แต่หันกลับมาโผกอดสวีหย่าถี
    “หย่าถี เมื่อกี้ หมอว่าไงบ้าง ไม่ว่าหมอจะว่ายังไง เธอก็ต้องเชื่อฟังหมอนะ ต้องพักผ่อนเยอะๆ กินยาตรงเวลา อย่าหนีออกจากโรงพยาบาลอีกนะรู้ไหม”
    “ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร”
    เฉินหยู่ซีร้องไห้ “วางใจเถอะ ทุกเรื่องที่ทำให้เธอเสียใจ มันจะดีขึ้นเอง”
    “เรื่องเสียใจอะไรเหรอ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
    ที่ออฟฟิศ เฉินหยู่ซีนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องสวีหย่าถี ฟางจ่านเฉิงเดินมาหา เธอตกใจลุกขึ้นว่า
    “บอส ฉันอยากลาหยุดสองสามวันได้ไหมคะ”
    ฟางจ่านเฉิงแปลกใจปนเป็นห่วง “ทำไมล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”
    “เปล่าค่ะ แม่ฉัน เป็นหวัดน่ะ ไม่ค่อยสบาย ท่านอยู่ที่บ้านแค่คนเดียว ฉันเป็นห่วงน่ะ”
    “ได้เลย เรื่องงานไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
    “ขอบคุณค่ะ”
    “งั้นวันนี้คุณกลับก่อนได้เลย ผมไปส่ง ถือโอกาสไปเยี่ยมแม่คุณด้วย”
    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวคุณก็ต้องเข้าประชุมแล้ว ฉัน เดี๋ยวฉันกลับเองก็ได้ค่ะ”
    ฟางจ่านเฉิงมองสีหน้าเฉินหยู่ซีแปลกใจ “ก็ได้ ถึงบ้านแล้วก็โทรมาหาผมด้วยนะ”
    “อื้ม ขอบคุณค่ะ”
    เซี่ยเฟยเฟยมาหาหวางอี้เจิน ซึ่งอยู่กับเสี่ยวฉีเด็กข้างบ้าน เซี่ยเฟยเฟยชื่นชม
    “คุณน้า ฉันคิดว่า คุณเข้ากับเด็กได้ดีเลยนะคะ”
    “แน่นอน น้าก็เคยเลี้ยงเด็กมานะ หยู่ซีกับหยู่อันฉันก็เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เด็กคนนี้ที่อยู่ข้างบ้านเลยชอบมาเล่นที่บ้านของน้าที่สุดเลย ใช่ไหมคะ”
    “ใช่ค่ะ หนูชอบมาบ้านคุณยายที่สุดเลย” เสี่ยวฉีว่า
    หวางอี้เจินหัวเราะชอบใจ เซี่ยเฟยเฟยว่า “ดูท่าคุณน้า ต้องโอ๋หลานมากแน่ๆ”
    “อื้ม หลานตัวเองก็ต้องโอ๋อยู่แล้วสิ แต่ว่า เสี่ยวอันของเรา เหอะๆๆ ไม่เป็นไร ขอแค่เขาได้ทำเรื่องที่เขาอยากทำก็พอแล้วล่ะ ใช่ไหมล่ะ”
    “คุณน้า รอถึงตอนที่พี่ชายหนูกับหยู่ซีแต่งงานกัน ก็ให้เขามีหลานให้หนึ่งทีมฟุตบอลเลยสิ”
    “หนึ่งทีม? หนึ่งทีมกี่คนล่ะ นี่ หยู่ซีของเราไม่ใช่แม่หมูสักหน่อย”
    เสี่ยวฉีพูดตาม “แม่หมู”
    หวางอี้เจินกับเซี่ยเฟยเฟยหัวเราะชอบใจ
    เฉินหยู่ซีเดินเข้าบ้านมาเจอเฉินหยู่อัน “เสี่ยวอัน มาแล้วทำไมไม่เข้าไปล่ะ เข้ามาสิ”
    เสี่ยวฉีทัก “คุณน้าหยู่ซี”
    “เสี่ยวฉี มาอีกแล้วเหรอ”
    “ใช่ค่ะ คุณตาไปเล่นหมากรุกอีกแล้ว”
    หวางอี้เจินถามเฉินหยู่ซี “ทำไมวันนี้กลับเร็วล่ะ”
    “อ่อ เลิกงานก่อนน่ะค่ะ”
    “อ่อ งั้นแม่ไปทำอาหารก่อน วันนี้พร้อมหน้าเลย เฟยเฟย วันนี้เธอก็อยู่ทานด้วยกันนะ”
    “คุณน้า ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้หนูนัดกับแม่ไว้เรียบร้อยแล้ว”
    “อ้อ ก็ได้ เธอรีบกลับไปหาแม่เถอะ”
    “ขอโทษนะคะคุณน้า”
    “ไม่เป็นไรน่า มา เสี่ยวฉี บ๊ายบายคุณน้าสิคะ”
    “คุณน้าบ๊ายบาย”
    เซี่ยเฟยเฟยลา “บ๊ายบาย งั้น ฉันไปก่อนนะคะ”
    “จ้ะ” เซี่ยเฟยเฟยหันไปลาเฉินหยู่อันกับเฉินหยู่ซี
    หวางอี้เจินนั่งกินผลไม้กับเฉินหยู่ซีที่หน้าบ้าน แซวลูกสาวพลาง
    “สองสามวันนี้ก็ลาหยุดเหรอ ว้าว งั้นนายจ่านเฉิงนั่นไม่คิดถึงตายเลยเหรอ ฮ่าๆ”
    เฉินหยู่ซีทำเขิน “แม่อะ”
    “เอาน่าแค่ล้อเล่นเอง”
    เฉินหยู่อันออกมาบอกแม่ว่าจะไปโบสถ์ละ หวางอี้เจินให้คอยนิดเตรียมของไว้ให้
    “เอ้อ แม่จะบอกว่า แม่เอาเพิ่มไปให้อีกนิดหน่อย ลูกเอาไปแบ่งเพื่อนๆ กินแล้วกันนะ ดีไหม”
    “ครับ ขอบคุณนะครับ แม่ แม่มีเรื่องที่อยากให้ผมทำไหมครับ หรือมีอะไรอยากพูดกับผมไหมครับ”
    “อ่อ มีสิ ฮ่ะๆ ก็คือ แม่รักลูก ฮึๆ”
    “แม่ ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย”
    “แม่รู้แหละว่าต้องไม่ใช่ แม่จะบอกว่า ไม่ว่าลูก จะยุ่งแค่ไหน ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ กินข้าวตรงเวลา จะได้มีร่างกายแข็งแรงไปช่วยเหลือคนอื่นได้เยอะๆ นะ”
    “เข้าใจแล้วครับ ยังมีอีกไหมครับ”
    “อ่อ ยังมีอีก ก็คือแม่ อยากให้พวกแกสองคน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้มากๆ แค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว นะ”
    “ครับ”
    “เอาล่ะ จะกลับไปโบสถ์ก็รีบหน่อยนะ ดีไหม เร็ว แล้วก็ครั้งหน้า ถ้าจะกลับบ้านก็โทรบอกกก่อนนะว่าอยากกินอะไรแม่จะได้เตรียมไว้ให้ก่อน”
    “ครับแม่ ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ”
    “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เอาล่ะ ถึงแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะ”
    เฉินหยู่ซีบอกน้อง “เดินทางดีๆ นะ”
    “พี่ บ๊ายบาย”
    หลี่โป๋เยี่ยนเฝ้าคอยดูแลวาเนสซาตลอด พร้อมบอกเตือนเธอเรื่องห้างคริสตัล พร้อมอาสาจะช่วย
    ค่ำวันนั้นฟางจ่านเฉิงโทรมาหาเฉินหยู่ซี
    “ฮัลโหลหยู่ซี คุณแม่เฉินดีขึ้นบ้างหรือยัง”
    เฉินหยู่ซีตอบเรียบๆ “ดีขึ้นแล้วค่ะ”
    “ดีแล้วล่ะ พรุ่งนี้ผมอยากไปเยี่ยมท่านสักหน่อย”
    “ค่ะ”
    “ครับ แค่นี้ก่อนนะ คุณรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกัน”
    “แล้วเจอกัน”
    “ฝันดีนะ”
    วันรุ่งขึ้นฟางจ่านเฉิงก็นำของมาเยี่ยมหวางอี้เจิน
    “คุณแม่เฉิน”
    “อ้าว คุณมาได้ยังไง”
    “หยู่ซีบอกว่าคุณเป็นหวัด ผมก็เลยซื้อของมาเยี่ยมน่ะครับ”
    “เป็นหวัด? ไม่นี่นาฉันปกติดี ไม่เป็นไร”
    ฟางจ่านเฉิงอึ้งไป “งั้นผมคงเข้าใจผิดเอง ขอโทษนะครับ”
    “อ่อ ไม่เป็นไร เอ้อ นั่งก่อนสิ นั่งก่อนนะๆ”
    เฉินหยู่ซีออกมาเจอ “มาแล้วเหรอ”
    ทั้งสองออกมาคุยกันที่ฐานลับ เฉินหยู่ซีสีหน้านิ่งมาก ฟางจ่านเฉิงรู้สึกได้เช่นกัน
    เฉินหยู่ซีเอ่ย “ขอโทษนะคะ ที่ฉันโกหก แม่ฉันไม่ได้เป็นหวัดจริงๆ ฉันรู้ว่าเราคุยกันแล้ว ว่าเราจะไม่ปิดบังกันและกัน ที่ฉันโกหกเพื่อขอลาหยุด ฉันขอโทษจริงๆ ค่ะ แต่ที่ฉันทำไป เพราะฉันต้องการเวลาสักหน่อย ทบทวนความรู้สึกระหว่างเรา”
    “หมายความว่าไง”
    “เราเลิกกันเถอะ”
    ฟางจ่านเฉิงอึ้งมาก “คุณ คุณว่าไงนะ”
    เฉินหยู่ซีหันหน้าหนีจะร้องไห้ “ฉันคิดมาตลอด การที่ฉันรักคุณได้ คงเป็นเพราะว่า ตอนที่ฉันใกล้ชิดกับคุณ คอยดูแลคุณ แล้วตอนที่ฉันอกหัก คุณก็คอยอยู่ข้างฉัน ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นภาพลวงตา”
    ฟางจ่านเฉิงยังไม่เข้าใจ “ภาพลวงตา?”
    เฉินหยู่ซีน้ำตาคลอร้องไห้ “โดยเฉพาะ ตอนที่ฉันรู้ว่า ความรักของคุณกับลั่วหาน ลึกซึ้งขนาดนี้ ฉันถึงรู้ว่า ระหว่างพวกเรามันไม่ใช่ความรัก ความใกล้ชิด ทำให้เกิดภาพลวงตา ดังนั้น ความรักของคุณกับลั่วหาน ก็ควรจะดำเนินต่อไปไม่ใช่เหรอ”
    ฟางจ่านเฉิงยังไม่อยากเชื่อ “คุณคิดแบบนี้จริงๆ เหรอ”
    “ค่ะ ฉันแน่ใจแล้ว” เฉินหยู่ซีเช็ดน้ำตาหันไปเผชิญหน้ากับฟางจ่านเฉิง
    “หยู่ซี คุณรู้ตัวไหมว่าตอนนี้พูดอะไรอยู่”
    “ฉันรู้ค่ะ แม้แบบนี้จะไม่ดีกับคุณ แต่ในเมื่อฉันมีความคิดแบบนี้ ก็เลยรีบบอกให้คุณรู้ก่อน แบบนี้มันจะดีกับเราทั้งสองคน ฉันจะหาเวลา ไปทำเรื่องลาออกนะคะ ขอบคุณบอสที่ดูแลฉันมาตลอดนะคะ” เฉินหยู่ซีร้องไห้หนักขึ้น จะเดินหนี
    “หยู่ซี” ฟางจ่านเฉิงจับแขนเธอไว้
    “ฉันแน่ใจแล้ว ที่ฉันเพิ่งพูดไปคือ ความคิดที่อยู่ในใจของฉันจริงๆ” ฟางจ่านเฉิงจำต้องปล่อยเธอไป
    ที่โรงพยาบาล เฉินหยู่ซีเข็นรถพาสวีหย่าถีออกมาด้านนอก สวีหย่าถีเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งคนเดียว ทั้งสองก็เข้าไปหา
    สวีหย่าถีถาม “หนูจ๊ะ เป็นอะไรหรือเปล่า”
    “ปวดท้องค่ะ”
    เฉินหยู่ซีถาม “หนูจ๊ะ คุณพ่อคุณแม่ของหนูล่ะ”
    “คุณพ่อไปทำงาน คุณแม่พาพี่สาวไปหาคุณอาหมอค่ะ”
    แม่กับพี่สาวฝาแฝดเข้ามาหา ถามว่าไปกวนพี่เขาเหรอ เฉินหยู่ซีรีบบอก
    “น้องเป็นเด็กดีค่ะ พวกเราเห็นน้องนั่งอยู่คนเดียวตรงนั้น ดูท่าแล้วเหมือนว่าจะไม่สบายตัว”
    “ตัวเล็ก ปวดท้องอีกแล้วเหรอ ไม่เป็นไร คุณอาหมอรักษาโรคที่ท้องให้พี่เสร็จแล้ว ดังนั้นท้องของหนูอีกสักพักก็หายปวดแล้วล่ะ”
    เด็กฝาแฝดคุยกัน “จริงเหรอคะพี่กระต่าย”
    “ใช่แล้วท้องของพี่ไม่ปวดแล้วล่ะ ท้องของพี่คุณอาหมอรักษาให้เรียบร้อยแล้ว เธอยังปวดอยู่ไหม”
    “ท้องของหนูไม่ปวดแล้วค่ะ นี่แน่ะๆ” ฝาแฝดหัวเราะกัน
    แม่กล่าว “ขอบคุณนะคะ”
    เฉินหยู่ซีถาม “เขาไม่ต้องไปหาหมอจริงๆ เหรอคะ”
    “ไม่ต้องหรอก พวกเขาสองคนเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก เหมือนที่คนอื่นพูดว่า ฝาแฝดมีความเชื่อมโยงกันน่ะค่ะ”
    “ฝาแฝดมีความเชื่อมโยงกัน”
    “ใช่ค่ะ คนพี่นะ ตอนที่เขาไม่สบาย คนน้องก็จะมีอาการด้วย เวลาคนน้องไม่สบายใจ ก็มีผลต่ออารมณ์ของคนพี่ด้วย ก็เลยไม่ต้องน่ะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก เอาล่ะ เราขอบคุณแล้วก็ลาคุณน้ากันดีกว่า”
    “บ๊ายบาย” ฝาแฝดลาทั้งสอง
    “บ๊ายบาย”
    เฉินหยู่ซีพาสวีหย่าถีกลับมาที่ห้อง
    “พี่น้องฝาแฝดเมื่อกี้น่ารักมากเลยเนอะ”
    สวีหย่าถีเห็นด้วย “อืมใช่ แล้วความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขาสองคนมหัศจรรย์ มากๆ เลย”
    “ใช่เลย”
    สวีหย่าถีเอ่ยต่อ “แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันไม่อยากให้ใจมีความเชื่อมโยงกันแบบนี้”
    “ทำไมล่ะ”
    “เพราะฉันไม่อยากให้อีกฝ่ายเสียใจไปกับฉัน ในตอนที่ฉันเสียใจน่ะสิ”
    “หย่าถี เธอเป็นคนดีจังเลย” เฉินหยู่ซีจับมือสวีหย่าถีแล้วนั่งลงข้างๆ 
    สวีหย่าถีพิงไหล่เฉินหยู่ซี “ไม่สักหน่อย แต่ฉันเชื่อนะว่า ไม่ว่ายังไงคนที่เป็นพี่ ก็ไม่อยากให้น้องมารับรู้ความเจ็บปวดของตัวเองหรอก”
    “แต่ว่าคนที่เป็นน้อง ก็ไม่อยากให้พี่รับความเจ็บปวดคนเดียวเหมือนกัน มีคนคอยแบ่งเบา ความเจ็บปวดก็ไม่มากแล้วล่ะ”
    เฉินหยู่ซีนึกได้หยิบเครื่องรางมา “อ้อ เกือบลืมแน่ะ นี่เป็นเครื่องรางที่แม่ฝากมาให้เธอโดยเฉพาะเลย เห็นว่าศักดิ์สิทธิ์มาก กำชับมาอย่างดีว่าต้องให้ฉันเอามาให้เธอด้วยตัวเอง”
    “ฝากขอบคุณคุณน้าด้วย หยู่ซี ถ้าเธอมีพี่น้องที่เป็นฝาแฝด เธอคิดว่าเธอจะมีใจที่เชื่อมโยงกัน เหมือนพวกเขาไหม?”
    “มีแน่นอน แล้วก็รุนแรงมากด้วย”
    เสิ่นเวยเหลียนกำลังพูดในที่ประชุม ฟางจ่านเฉิงก็นั่งฟังอยู่ด้วย หลี่โป๋เยี่ยนก็พาวาเนสซาเข้ามาในฐานะที่ถือหุ้นมากกว่าของห้างคริสตัล เพราะได้แรงสนับสนุนจากกรรมการเจียง หลี่โป๋เยี่ยนเยาะเสิ่นเวยเหลียนกับฟางจ่านเฉิง เสิ่นเวยเหลียนไม่พอใจแต่ฟางจ่านเฉิงห้ามไว้แล้วกล่าวแสดงความยินดีกับวาเนสซา และกล่าวกับหลี่โป๋เยี่ยนที่วาเนสซ่าแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการว่า เขาจะทำงานออกมาได้ดี
    หลังประชุมกรรมการเจียงมากล่าวขอโทษฟางจ่านเฉิงกับเสิ่นเวยเหลียน บอกว่าเขาพลาดให้หลี่โป๋เยี่ยนจับจุดอ่อนได้ เลยเสียที ทั้งสองไม่ว่าอะไรกรรมการเจียง บอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอก ด้านหลี่โป๋เยี่ยนก็บอกวาเนสซ่าว่าที่กรรมการเจียงยอมช่วยเพราะรู้สึกผิดจากครั้งก่อน
    เฉินหยู่ซีเก็บของที่โต๊ะอยู่ ฟางจ่านเฉิงเข้ามาหาบอกให้ออกไปกับเขาก่อน เธอจะไม่ไป เขาจึงบอกว่าเธอลาออกพรุ่งนี้ ตอนนี้ยังเป็นเลขาเขาอยู่ เธอยอมไป
    ที่ร้านกาแฟ เฉินหยู่ซีงงว่าให้ออกมาแค่ดื่มกาแฟเหรอ ฟางจ่านเฉิงบอกให้เธอดูเถ้าแก่เนี้ยของร้านนี้
    “พวกเขา เป็นคนที่บริจาคกระจกตาให้ผม ผมต้องขอบคุณเขาจริงๆ ที่ให้ผมได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง แต่ว่า ถ้าผมไปพูดกับเถ้าแก่เนี้ยว่า กระจกตาของสามีเขาอยู่ที่ผม คุณคิดว่า เขาจะคิดว่าผมเป็นสามีของเขาไหม หยู่ซี ต่อให้ใจของลั่วหาน อยู่ในร่างกายของหย่าถี ชีวิตของหย่าถี เพราะลั่วหานจึงมีชีวิตอยู่ได้ แต่ว่า ลั่วหานคือลั่วหาน หย่าถีก็คือหย่าถี พวกเขาไม่ใช่คนเดียวกัน หย่าถีก็มีชีวิตของตัวเขาเอง”
    “ไม่ใช่แบบนั้น คุณไม่เข้าใจฉันหรอก” เฉินหยู่ซีลุกออกไปเลย
    ฟางจ่านเฉิงเรียก “หยู่ซี”

(จบตอนที่27)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ