บันเทิง

พูดคุยกับ‘โจ-เหมือนเพชร’ผู้กุมบังเหียน‘เนเวอร์มายด์ฯ’

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พูดคุยกับ ‘โจ-เหมือนเพชร’ผู้กุมบังเหียน ‘เนเวอร์มายด์ฯ’

 
          จากอดีตสมาชิกวง “แพนเค้ก” มาเป็นนักแต่งเพลง  ต่อยอดจนมาเป็น “โปรดิวเซอร์” และล่าสุด “โจ” เหมือนเพชร อำมะระ ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารค่ายเพลงน้องใหม่ “เนเวอร์ มายด์ เรคคอร์ด” ในเครือ “แกรมมี่ฯ” ซึ่งมีศิลปินในค่ายทั้ง “รุจ” ศุภรุจ วง “เยสเซอร์เดย์” วง “นอส” วง “เอสดีเอฟ” วง “พริ้ม” และล่าสุดกับ "ปั้น" แบชเชอร์" ที่ย้ายจากค่าย “โมโน มิวสิค” มาอยู่กับที่นี่ 
 
          “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “โจ” เหมือนเพชร กับการมานั่งแท่นบริหารค่ายเพลง “ผมเรียนรู้จากผู้ใหญ่มานานเหมือนกัน หลังจากที่ทำโปรดิวเซอร์มาหลายปี ซึ่งก็มีบางส่วนที่เราต้องคิดมากกว่าการแต่งเพลง ทั้งเรื่องไดเรกชั่นของศิลปิน เรื่องกลุ่มคนฟัง ก็สะสมเรียนรู้มาเป็นสิบๆ ปี ทำให้เราได้ประสบการณ์มากขึ้น จนมาทำเพลง ”ทิ้งไว้กลางทาง“ ทำให้ผู้ใหญ่ได้เห็นความพร้อมของเรา เลยให้มาดูแลค่าย เนเวอร์มายด์ เรคคอร์ด เพราะด้วยเป็นจังหวะพอดีว่ามีการปรับเปลี่ยนองค์กรภายใน โดยมีค่ายเพลงบางค่ายที่ปิดตัวไป และด้วยในเชิงธุรกิจ เราก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทน ทำให้ผมได้โอกาสนั้นมาพอดี” ผู้บริหารหนุ่มเผย
 
          “โจ” เผยถึงคอนเซ็ปต์ของค่าย “เนเวอร์มายด์ เรคคอร์ด” ว่า เป็นร็อก แต่เป็นร็อกชาวบ้าน ซึ่งแตกต่างจากจีนี่ เรคคอร์ด ตรงที่ค่ายร็อกรุ่นพี่มีโครงสร้างที่ใหญ่กว่า จีนี่ฯ เหมือนเป็นสถาบันร็อก แต่ในส่วนของค่ายเนเวอร์มายด์ฯ จะเป็นเหมื่อนบ่อเพาะ 
 
          “ศิลปินในค่ายตอนนนี้ จะเป็นศิลปินจากค่ายวี เรคคอร์ด เดิมเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ มีน้องพริ้ม (จันทร์ทิพย์ แสงรังษี) คนเดียว คือเราเลือกจากวีฯ เดิมมาส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนวงอื่นๆ อย่างเจ็ทเซ็ทเตอร์ หรือ เอ๊ะ (จิรากร สมพิทักษ์ ก็ไปอยู่ในค่ายอื่น เป็นไปตามไดเรคชั่นที่ผู้ใหญ่วางไว้ การทำงานชองค่ายเนเวอร์มายด์ จะมีรูปแบบคล้ายๆ กับ จีนี่ฯ คือให้ศิลปินทำงานเพลงและมีส่วนในงานมากที่สุด โครงสร้างของค่ายไม่ได้มีอะไรมาก เราชอบอะไร เราทำแบบนั้น จะไม่ฝืนใจในการทำ เพราะถ้าเราชอบแล้ว ก็จะมีคนที่ชอบแบบเรา เข้ามาหาเราเอง ไม่ต้องไปเซตอะไรมาก ไม่ต้องไปบังคับให้เขามาฟังเรา สิ่งที่เราทำทุกวันนี้ มันเหมือนเป็นคอมินิตี้ เพราะคอมินิตี้ของเนเวอร์มายด์จริงๆ คือครอบครัว เพราะเราเริ่มต้นจากการที่เอาวงทุกวง มีอะไรทำร่วมกัน จากวันแรกเราเอาเขามาเล่นดนตรีด้วยกัน แลกเพลงกันร้องมันก็เกิดการทำลายกำแพง มีนก็เกิดการเชื่อมต่อกัน เพราะฉะนั้นแฟนเพลงของแต่ละวงก็จะมาอยู่ตรงกลางพอดี” โจเผย
 
          โดยโครงสร้างแบบนี้ทำให้แฟนเพลงของศิลปินแต่ละคน ต่างหันมาสนใจกับศิลปินอื่นๆ ที่อยู่ในค่าย อาทิ แฟนเพลงของ “รุจ” ที่เป็นคนละกลุ่มกับวงเยสเซอร์เดย์ วงนอส วงเอสดีเอฟ หรือ ปั้น แบชเชอร์ ก็จะได้รับสนใจศิลปินอื่นไปด้วย กับความเป็นแฟมิลี่ของค่าย อย่างวันที่ปล่อยเอ็มวี ศิลปินทุกคนก็จะช่วยกันปล่อยพร้อมกัน มันจะมีพลัง หลักการนี้ได้มาจากการค่ายจีนี่ เรคคอร์ด แล้วนำมาปรับใช้
 
          “สเต็ปในการทำงานของค่าย เราเริ่มทำเพลงให้กับศิลปินที่มีแฟนคลับสูงสุด ก็คือ วงเอสดีเอฟ ออกมาก่อน สิ่งที่เรากับเอสดีเอฟ ก็มีการปรับ เพราะว่าวงมีความเป็นนักดนตรีสูงมาก เราก็ต้องทำให้ภาพที่เห็นกับภาพที่ปล่อยออกมาไปด้วยกัน อย่างวงร้องเพลงประกอบละคร แต่ภาพของวงไม่ได้ชัด เราเลยต้องมีการปรับลุคส์ เราคาดไว้ว่าปีนี้จะปล่อยศิลปินหมดทั้ง 6 ศิลปิน ตอนนี้ที่ปล่อยไปแล้วก็จะเป็น เยสเซอร์เดย์ เอสดีเอฟ นอส ปั้น ต่อจากนี้ก็จะเป็น รุจ-ศุภรุจ ซึ่งได้โอม ค็อกเทล มาทำเพลงให้ ตอนนี้เพลงทำเสร็จหมดแล้ว น่าจะประมาณเดือนพฤษภาคมนี้ คงได้ฟังกัน” โจกล่าวปิดท้าย
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ