บันเทิง

'ชีวิตงานใครรู้สึกทนทุกข์ต้องเสพสุขด้วยการดูมิตตี้'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ชีวิตงานใครรู้สึกทนทุกข์ต้องเสพสุขด้วยการดูมิตตี้' : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์




          หนังใหม่เข้าโรงฉายระหว่างช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีเยอะแยะหลายเรื่องเชียวครับ ดาราระดับยักษ์ใหญ่ต่างพาเหรดกลับมาชนกันยับ ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของป๋าทอม แฮงค์ใน บทบาท Captain Phillips ไหนจะเฮียเฉินหลงก็วิ่งกลับมาสู้ฟัดในปีใหม่นี้ด้วย หนังย้อนยุคแบบไม่ถูกใจเจ้าคุณปู่อย่าง Walking Dinosaurs (แต่ถูกใจเด็กๆ มาก) พระเอกระดับแม่เหล็กอย่างคีนู รีฟยังกลับมาในช่วงปีใหม่นี้ด้วยในหนังนักฆ่า 47 Ronin บอยปกรณ์ยังประกบคู่ดึงหน้าน้องยิปโซซะยืดยาวในหนังไทยเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่าง “ฟัดจังโต๊ะ” เรียกว่าสมรภูมิแย่งคนดูเดือดจริงๆ
    
          แต่สำหรับ The Secret Life Of Walter Mitty หนังดีแห่งค่าย 20th Century Fox ที่นำแสดงโดย Ben Stiller พระเอกหน้าตาติดตลกที่คุณคุ้นเคย ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า “ผมรักทุกอย่างในหนังเรื่องนี้” ผมพูดอย่างไม่อายว่าผมร้องไห้ระดับต้องเอามือปิดหน้าเมื่อเข้าสู่ที่สุดปลายทางของหนัง หนังสนุกทุกเฟรมภาพและประจุติดต่อมผจญภัยของผมได้ในระดับพลุ่งพล่าน สมดั่งคำโปรยบนโปสเตอร์นี้ที่คุณเฮนรี่ ทราน ณ ค่ายฟ็อกซ์เขานิยามคำไทยไว้ว่า “หยุดจินตนาการแล้วเริ่มทำฝันให้เป็นจริง” ซึ่งประโยคนี้ถือเป็นแก่นแท้ของหนังเรื่องนี้เลยล่ะ! (จากจุดนี้ไปผมจะไม่สปอยล์ใดๆนะครับ คุณผู้อ่านไม่ต้องห่วง)
    
          หนังเล่าถึงชีวิตนาย Walter Mitty ช่างล้างฟิล์มเนกาทีฟผู้ชำนาญการของนิตยสาร LIFE อันรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งถูกเทกโอเวอร์และต้องมีการปรับองค์กรขนาดใหญ่สู่โลกออนไลน์ที่ต้องเข้ามาแทนที่เนื่องจากอย่างที่รู้กันคือ “ภูเขาน้ำแข็งแห่งวงการสิ่งพิมพ์ได้ละลายลงแล้ว” (หนังใช้เค้าโครงเรื่องจากเหตุการณ์จริงแต่มาแต่งแต้มตัวละครเพิ่มเอาเอง) แน่นอนว่า “คนดูแลด้านฟิลม์เนกาทีฟ” สุดแสน Old School อย่างมิตตี้ย่อมต้องกังวลกับสถานภาพของตัวเองในบริษัท พอๆ กับพนักงานทั้งองค์กรที่ระส่ำระสายไปตามๆ กัน ความเจ๋งเป้งของการเล่าเรื่องของผู้กำกับก็คือ “เอาตัวละครที่ทำงานจำเจอย่างมิตตี้ไปเจอโลกกว้างอย่างที่ไม่เคยทำ” (พระเอกมีปัญหานิดๆ กับอาการ “จิตหลุด” เมื่อตนเองจินตนาการไปถึงสิ่งที่อยากทำให้สะใจแต่จริงๆ แล้วไม่กล้าทำ ก็จะยืนเหม่อลอยไปชั่วขณะจนคนรอบข้างล้อ) และกับการงานที่แสนจำเจในสภาวการณ์ของบริษัทที่กำลังจะถูกปรับโครงสร้าง หนังสร้างโจทย์ใหม่ที่สุดแสนท้าทายให้คนดูตามติดชีวิตพิสดารของมิตตี้ ผู้เต็มเปี่ยมด้วยจินตนาการ (ที่ไม่เคยได้ใช้อย่างถูกที่ถูกทาง)
    
          หนังดำเนินเรื่องอย่างสนุกมาก (จนสามารถเรียกได้ว่า “สนุกทุกเฟรม”) ผนวกกับเพลงประกอบที่ไพเราะอย่างน่าทึ่งทั้งเพลงที่คัดสรรมาใส่ในซีนอารมณ์และดนตรีประกอบที่โอบอุ้มหนังอย่างสวยงามจุดไฟฝันได้มากที่สุดอัลบั้มหนึ่งของโลกภาพยนตร์ ...ผู้กำกับหวดอารมณ์คนดูให้ถอนหายใจตามเส้นทางของหนังได้ตลอดและนำสู่ “ฉากจบที่สวยงามมาก" ...ฮุกที่สุดคือหลังหนังจบ เครดิตแรกที่ปรากฏว่า "Directed by......." มันทำให้ "คนดูทั้งโรง" พร้อมใจกันนั่งอยู่กับที่เพื่อคารวะ End Credit จนจบ…(ปรากฏการณ์นี้หายากมากครับ)  ผมยืนยันว่าในรอบของผมที่ Mega Bangna ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่เดินออกจากโรงไปก่อนเลย (ผมแนะนำให้คุณทำแบบผมแล้วจะอึ้งอย่างผมคือ ไม่ศึกษาข้อมูลใดๆ มากมายก่อนไปดูหนังเรื่องนี้ครับ)
    
          .... นี่คือหนังที่ดีที่สุดที่ผมได้ดูในปี 2014 (ก็แหงล่ะเรื่องแรก!) แต่ผมพูดจริงได้ว่ามันเป็นหนังที่ดีที่สุดของผมในปี 2013 ด้วยนะ!
    
          ที่น่าสนใจอีกประการคือหนังเรื่องนี้ถูกบันทึกเสียงด้วยแพลตฟอร์มใหม่ เรียกเท่ๆ ว่า “Dolby Atmos” เจ้าของเดียวกับดอลบี้สเตอริโอมัลติเพล็กซ์ (ฮา) Dolby สร้างมาตรฐานเสียงให้ผู้ชมในโรงภาพยนตร์อีกครั้งด้วยจำนวนลำโพงที่มากขึ้นกว่า 7.1 เดิมมากนัก นั่นคือการ “ติดลำโพงบนเพดาน” !!! ใช่ครับ พื้นที่ที่ว่างอยู่ ที่ไม่มีใครเคยนึกถึงว่ามันติดตั้งลำโพงได้ (ยุคต่อไปจะมีมุกใหม่คือ “ติดลำโพงที่พื้น” ฮา) รวมๆ ลำโพงทั้งโรงคือ 64 Channels มากที่สุดเท่าที่โลกภาพยนตร์เคยทำมา ..Dolby ได้อ้างคำพูดของผู้กำกับระดับโลกอย่าง Peter Jackson ที่กล่าว “เอ่อ..ผมคิดว่า Dolby ได้สร้างประสบการณ์ทางเสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุดตามที่ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ฝันถึงกันมานาน” (นี่...ไงล่ะ! จะบอกเป็นนัยๆ ว่าข้าคิดมาก่อนแล้ว แต่ดอลบี้เธอเพิ่งทำ!) กล่าวคือความโอบล้อมของสนามเสียงจะมีมิติขึ้นกว่าเดิมอีกเพราะมันไปยิงเสียงแวดล้อมลงมาจากเพดานด้วย ...ทีนี้หากอยากดู The Secret Life Of Walter Mitty ในรูปแบบ Dolby Atmos คุณไปหาดูได้ทั้ง 2 เครือ เครือ Major มีหลายโรงหน่อยที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์, เมเจอร์รัชโยธิน, เอสพลานาด รัชดา เครือ SF เริ่มเล็กๆ ก่อนที่ SFW เซ็นทรัลเวิลด์ โรง 12 โรงเดียวแต่ไม่ต้องเสียค่าตั๋วเพิ่ม (เครือเมเจอร์ขอคิดค่าลำโพงเพิ่ม 70 บาท โทษฐานที่ Dolby สเปกลำโพงมาเยอะเกิ๊น 64 ตัว!)  จริงๆ แล้วหนังที่เป็น Dolby Atmos แล้วเริ่มต้นตั้งแต่ Brave (แอนิเมชั่นของ Pixar ตั้งแต่ปี 2012) แต่โรงหนังเพิ่งทยอยติดตั้งระบบนี้ไม่นานมานี้ครับ ต่อจากนี้ไปเราคงได้เห็นโลโก้ “Dolby Atmos” กันมากขึ้น
    
          แต่ถ้าคุณไม่รีบไปดู The Secret Life Of Walter Mitty ตามที่ผมแนะนำ คุณอาจไม่ได้เห็นมันในโรงแล้วก็ได้ในสัปดาห์หน้า เพราะหนังโทนนี้ไม่เคยได้ยืนโรงได้ระยะยาวนักในบ้านเรา ต้องคารวะความกล้าและความดีของคุณเฮนรี่ ทรานด้วยที่อยากให้เรามีความสุขในช่วงปีใหม่ นำหนังเรื่องนี้เข้าโรงฉายชนกับหนังดาราใหญ่หลายต่อหลายเรื่อง ..ผลคือเราจะได้รับแรงบันดาลใจแบบใหญ่ๆ กลับบ้านกันแน่นอนครับ

.......................................
(หมายเหตุ 'ชีวิตงานใครรู้สึกทนทุกข์ต้องเสพสุขด้วยการดูมิตตี้' : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย... พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ