บันเทิง

บทเพลงแห่งโลกที่สมบูรณ์พร้อมโลกที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทเพลงแห่งโลกที่สมบูรณ์พร้อมโลกที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร? : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ twitter.com/VipHappening




          ยูโทเปีย? โลกยุคพระศรีอาริยเมตไตรย? สังคมแห่งความปรองดอง? หรือความเชื่อความคิดแบบไหนกันแน่ที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของโลกที่สมบูรณ์พร้อม
    
          วงดนตรีหน้าใหม่จากไอร์แลนด์ชื่อว่า Kodaline เพิ่งออกอัลบั้มชุดแรกของพวกเขาที่ชื่อว่า In a Perfect World มาได้สักพัก แนวดนตรีของพวกเขาเป็นโมเดิร์นร็อก มีความละเมียดละไมในแบบวงบริตป๊อปที่มาจากแถบสหราชอาณาจักร แต่ความพิเศษของโคดาไลน์คือบทเพลงของพวกเขามีดีกรีความป๊อปค่อนข้างสูงด้วย มีหลายเพลงในอัลบั้มนี้ที่ฟังแล้วติดหูทันที บางเพลงที่มีความอ่อนไหวมากๆ ก็ทำให้นึกถึง Coldplay เพียงแต่เป็นโคล์ดเพลย์ในแบบที่ป๊อปกว่า บางเพลงที่สดใสหน่อยก็อาจทำให้ถึง Travis แต่ก็เป็นทราวิสในแบบที่ป๊อปกว่า แต่ถึงจะบอกว่าป๊อปมาก เพลงของโคดาไลน์ก็ยังมีชั้นเชิงในการเรียบเรียงอยู่ไม่น้อย มีการจัดวางสีเสียงของเครื่องดนตรีทั้งอะคูสติกและอิเล็กทริกอย่างแยบยล
    
          แต่ความเด็ดขาดจริงๆ ของโคดาไลน์คือการแต่งเพลง โดยเฉพาะการเขียนเนื้อเพลงครับ ทั้ง 11 แทร็กในอัลบั้มนี้ถ้าดูเผินๆ ก็เป็นเพลงโมเดิร์นร็อกที่ค่อนไปทางป๊อปทั่วไป แต่ให้วิเคราะห์การเขียนเนื้อเพลงแล้วมันมีนัยลึกซึ้งซ่อนอยู่ไม่น้อย ที่แน่ๆ คือทุกเพลงล้วนเชื่อมโยงให้เรานึกถึงชื่ออัลบั้ม In a Perfect World - ในโลกที่สมบูรณ์แบบ ทั้งสิ้น
    
          แง่มุมในการมองโลกของโคดาไลน์นั้นมีอยู่หลายมุมด้วยกัน อย่างในเพลงเปิดอัลบั้ม One Day พวกเขาคร่ำครวญถึงความจริงของโลกที่ว่า ‘ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนไป’ เป็นการเปิดอัลบั้มแบบที่ชวนอึ้งเล็กน้อย และเมื่อมาถึงแทร็กที่ 7 พวกเขายังมีเพลงที่มองโลกในแง่ร้าย (หรือในแง่จริง) อีกเพลงคือเพลงจังหวะเนิบๆ ชื่อ Big Bad World ที่พูดถึงผู้คนที่ต่างเลือกเชื่อและเลือกกระทำในสิ่งที่ตรงกับจริตของตัวเอง พยายามทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงและมีความหมายในหนทางต่างๆ กันไป
    
          แต่ในมุมสว่างไสวกว่านั้นหน่อย พวกเขามีเพลง Love Like This ที่เป็นเพลงรัก พูดถึงความรักที่ฉาบฉวย แต่ก็ร้อนแรงและสดใส ความรักแบบนี้อาจจะไม่อยู่ไปจนกาลปาวสาน แต่พวกเขาก็ไม่แคร์หรอกถ้ามันจะไม่ได้อยู่ยาวนานขนาดนั้น เพลงนี้ใช้เสียงฮาร์โมนิก้ามาสร้างอารมณ์รื่นเริงได้อย่างน่าสนใจ ในขณะที่เพลงโจ๊ะๆ ที่มีท่อนฮุกแสนติดหูอย่าง Brand New Day ก็เล่าเรื่องของหนุ่มน้อยที่อยากชวนหญิงสาวให้ทิ้งบ้านเกิดอันแสนน่าเบื่อออกไปเผชิญโลกกว้างด้วยกัน เพื่อที่สักวันพวกเขาอาจจะมีการผจญภัยของตัวเองเอาไว้เขียนเป็นหนังสือชีวประวัติของตัวเองสักเล่ม
    
          มาดูเพลงเศร้าบ้าง ในเพลง High Hopes เพลงสุดเพราะสไตล์โคลด์เพลย์ พวกเขาเล่าเรื่องของชายหนุ่มผู้ยังมีความหวังกับความรักครั้งเก่าอยู่เสมอ ภาษาที่ใช้ดูงดงามแต่ก็ให้อารมณ์หลอกหลอนนิดๆ ดำเนินไปบนท่วงทำนองที่ไพเราะขาดใจ พวกเขายังมีเพลงแสนเชื่องช้าแต่งดงามอีกเพลงคือ Talk ที่พูดถึงความสัมพันธ์ที่แตกสลายของคู่รักที่วันนี้ไม่สามารถพูดคุยกันได้เหมือนวันเก่าอีกแล้ว เป็นเรื่องเล่าเศร้าๆ ของคนสองคนที่เคยเข้าอกเข้าใจกันแต่วันนี้กลับไม่เหมือนเดิม ต่อเนื่องกับเพลงที่ช้าและหม่นขลังขึ้นไปอีกใน Pray ที่พูดเรื่องความศรัทธาและความหมายของชีวิต
    
          เพลงสุดท้ายของอัลบั้มชื่อว่า Way Back When เป็นการปิดอัลบั้มด้วยอารมณ์อะคูสติกสบายๆ เสียงกีตาร์โปร่งตีคอร์ดสไตล์คันทรี รองรับเนื้อเพลงที่พูดเรื่องการใช้ชีวิตให้สนุก ปล่อยใจไปกับวันเวลา เพื่อที่สักวันเราจะได้กลับมามอง ‘วันเก่าๆ’ ในความทรงจำได้อย่างรื่นรมย์
    
          ความศรัทธา ความหวัง ความทรงจำ ความใฝ่ฝัน ความเข้าใจชีวิต และความเข้าใจซึ่งกันและกัน ทั้งหมดนี้คือพาหนะที่จะนำพามวลมนุษย์ไปสู่โลกที่สมบูรณ์พร้อมใช่หรือไม่? วงโคดาไลน์ตั้งคำถามผ่านบทเพลงเพราะๆ ของพวกเขาในอัลบั้มชุด In The Perfect World
    
          คำตอบอยู่ที่ไหน?
          บางทีเราอาจต้องหันหน้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน แล้วค่อยๆ ช่วยกันตอบนะครับ
.......................................
(หมายเหตุ บทเพลงแห่งโลกที่สมบูรณ์พร้อมโลกที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร? : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ
twitter.com/VipHappening)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ