มองผ่านเลนส์คม:เด็กสมัยนี้:'เจก บักก์'และเบอร์ดี้

          อยู่ดีๆ ในช่วงเวลาทิ้งห่างกันไม่นาน ผมก็ได้ฟังอัลบั้มแจ้งเกิดของศิลปินที่ยังอยู่ในวัยทีนเอจ 2 คนครับ แล้วก็เป็นงานที่น่าสนใจจนต้องเอามาบอกต่อทั้งคู่
 
          คนแรกเป็นเด็กหนุ่มชาวอังกฤษอายุ 19 ปี ชื่อว่า เจก บักก์ (Jake Bugg) เขาเป็นนักแต่งเพลง นักร้อง และมือกีตาร์รุ่นใหม่ที่น่าจับตาสุดๆ เจกแจ้งเกิดด้วยวิถีดั้งเดิมคือการแต่งเพลงเอง ส่งเพลงไปให้สื่อมวลชน แล้วก็มีสื่อเล็กๆ สนใจเปิดเพลงของเขา จากหนทางแคบๆ ค่อยขยายไปสู่หนทางที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
 
          ความน่าสนใจของเจก บักก์ คือตอนที่เขาแต่งเพลงเองนั้นเขามีอายุเพียง 17 ปี และช่วง 2 ปีหลังจากนั้นเขาก็ได้ไปเล่นในงานดนตรีใหญ่ๆ อย่าง กลาสตันเบอรี่ และได้ไปแสดงเป็นวงเปิดให้ลาน่า เดล เรย์ นักร้องสาวสุดเท่ หรือ ไมเคิล คิวานูกา ศิลปินบลูส์-โฟล์กขวัญใจนักวิจารณ์มาแล้ว ที่น่าทึ่งมากๆ คือแม้หน้าตาจะละอ่อน แต่เพลงของ เจก บักก์ นั้นดู ‘แก่’ เอามากๆ เลยครับ เพลงของเขาทำให้เรานึกถึงศิลปินอย่าง บัดดี้ ฮอลลี่, บ็อบ ดีแลน, The Jam ไล่มาถึงยุคหลังๆ อย่าง Oasis, เจมส์ บลันต์ และ The Strokes ซึ่งทั้งหมดล้วนมีรากฐานมาจากดนตรีร็อกแอนด์โรลล์ โฟล์ก และบลูส์ ที่มีความเข้มข้น จริงจัง ยกตัวอย่างเพลงดังเพลงแรกของเขาที่ชื่อ Lightning Bolt นั้นมีท่อนแรกที่ทำให้เรานึกถึงเพลงโฟล์กของจอมกบฏจากยุค 60 อย่าง บ็อบ ดีแลน ในขณะที่พอถึงท่อนฮุกที่เจก บักก์ ร้องแผดเสียงเต็มอารมณ์ก็ทำให้เรานึกถึงท่อนฮุกของโอเอซิสขึ้นมาจนกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวไม่เบา
 
          อัลบั้มแรกที่ใช้ชื่อตัวเองเป็นชื่ออัลบั้มของ เจก บักก์ ยังมีเพลงที่น่าสนใจอีกหลายเพลง เช่น Two Fingers เพลงร็อกแอนด์โรลล์ที่บรรยายความรู้สึกสับสนของวัยรุ่นร่วมสมัยได้เปี่ยมอารมณ์, Trouble Town เพลงสะท้อนสังคมจากมุมมองคนรุ่นใหม่ หรืออะคูสติกเพราะๆ อย่าง Someplace, Someone Told Me, Note to Self, Country Song และ Simple as This ที่อ่อนหวานและอ่อนไหวเกินวัย
 
          เด็กรุ่นใหม่อีกคนที่ดึงความสนใจผมได้อยู่หมัดเป็นเด็กสาวอายุ 17 ปี เธอเป็นคนอังกฤษเช่นกัน เธอใช้ชื่อในวงการว่า เบอร์ดี้ (Birdy) เบอร์ดี้แจ้งเกิดด้วยวิธีที่ร่วมสมัยกว่า เจก บักก์ ครับ คือเป็นดาวเด่นของรายการประกวดชื่อ Open Mic UK ที่อังกฤษ ด้วยหน้าตาสะสวย และเสียงร้องเพราะๆ ที่แฝงความเศร้าหม่นเอาไว้ กับฝีมือเปียโนที่ไม่น้อยหน้าใครๆ ก็ทำให้เราตกหลุมรักเด็กสาวคนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น
 
          อัลบั้มแรกของเบอร์ดี้เป็นงานที่คัฟเวอร์เพลงของคนอื่นๆ เหมือนกับอัลบั้มของนักร้องที่แจ้งเกิดจากรายการทีวีอีกหลายราย แต่ความเจ๋งของอัลบั้ม Birdy ก็คือการเลือกเพลงนี่ล่ะครับ เพราะแทบทุกเพลงในอัลบั้มนี้เป็นเพลงที่ดัง หรือค่อนข้างดังในแวดวงอินดี้ทั้งสิ้น แล้วก็เป็นแวดวงอินดี้แบบนอกกระแสจริงๆ ด้วยนะครับ คือไม่ค่อยมีคนรู้จักมากเท่าไหร่ แล้วเธอก็เอามาทำใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ อย่างเช่นเพลง 1901 ของวง Phoenix ที่เคยเป็นเพลงจังหวะรัวเร็ว ก็ถูกเบอร์ดี้เอามาร้องใหม่แบบสบายๆ มากขึ้น หรือเพลงของวงอินดี้ที่เคยได้รางวัลแกรมมี่อย่าง Bon Iver ชื่อเพลง Skinny Love ที่ต้นฉบับนั้นเซอร์อย่าบอกใคร เธอก็เอามาร้องกับเปียโนเปลือยๆ ได้เพราะจับจิต ไม่แพ้เพลง Terrible Love เพลงเก่าของวงร็อกสุดแนวอย่าง The National ก็ถูกถอดความอื้ออึงให้เหลือเพียงเมโลดี้เพราะๆ กับเนื้อร้องชัดถ้อยชัดคำ
 
          เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มแรกของสาวน้อยคนนี้ก็เป็นอย่างนี้ครับ คือเลือกเพลงที่เท่มากๆ หรือแนวจัดๆ มาลดความอื้ออึงหรือตัดทอนความอาร์ตลง เหลือเพียงเสียงร้องที่ไพเราะแบบหม่นๆ เปียโนพริ้วไหว กับดนตรีรองพื้นเบาบาง กลายเป็นส่วนผสมที่คนที่ชอบเพลงแมสๆ ก็ฟังได้ ในขณะที่คนที่ชอบอะไรอาร์ตๆ ก็ยังเปิดใจรับสาวน้อยคนนี้ได้ไม่ยากเย็น เลยต้องบอกว่าเบอร์ดี้เป็นนักร้องสาวคนหนึ่งที่สามารถสร้างแนวทางของตัวเองได้ชัดเจนตั้งแต่อายุยังน้อย ...แม้ว่าจะไม่ได้ร้องเพลงของตัวเองเท่าไหร่ก็ตาม!
 
          แต่แม้ เบอร์ดี้ และเจก บักก์ จะเป็นรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยม ผมก็ต้องบอกอีกนิดว่าความสำเร็จที่งดงามในเนื้องานของทั้งคู่นั้นส่วนหนึ่งเกิดจากการมีรุ่นพี่ฝีมือดีอยู่เบื้องหลังด้วย เบอร์ดี้มีทีมโปรดิวเซอร์ที่เคยร่วมงานกับวง Muse, Arctic Monkeys และ Adele มาร่วมงาน ในขณะที่เจกก็ได้ เอียน อาร์เชอร์ ที่เคยร่วมงานกับ Snow Patrol มาร่วมแต่งเพลงด้วยกันแทบทุกเพลง

          บทสรุปของงานนี้ก็เหมือนกับหลายๆ เรื่องในหลายๆ วงการของสังคมเรา คือแม้เด็กจะเก่งและมีพรสวรรค์เพียงใด แต่ถ้าจะให้เติบโตได้ดีและมีพัฒนาการก็ต้องมีผู้ใหญ่ที่คอยส่งเสริมให้ถูกทางนะครับ
.......................................
(หมายเหตุ เด็กสมัยนี้:'เจก บักก์'และเบอร์ดี้ : คอลัมน์ มองผ่านเลนส์คม โดย... วิภว์ บูรพาเดชะ witter.com/VipHappening)