องค์กรครู แนะศธ. แก้ปัญหา ‘หนี้ครู’ อย่าเล่นงูกินหาง ‘ฮุบเงินครู’ มาช่วยครู

หลังคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ บอร์ดสกสค. ครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 มีมติพิจารณาทบทวนการใช้เงินของ สกสค.จัดกิจกรรมแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามที่คณะกรรมการบริหารโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาของสำนักงาน สกสค.เสนอมา นั้น ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้

นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบทจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะองค์กรครู ให้สัมภาษณ์ “คมชัดลึก” ในเรื่องนี้ว่า ในอนาคตยังไม่วางใจว่าเงินสกสค.หรือ เงินครูจะไม่ถูกฮุบอีก ยังไม่วางใจผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ จะฮุบเงินครูเพื่อนำมาจัดกิจกรรมแก้หนี้ครู ความจริงปัญหาหนี้ครูเกิดมานานหลายปี จะมาใช้หลักสูตรนี้แก้หนี้ครู คงทำได้ยาก

“หลักสูตรอบรมแก้หนี้ครู ผมไม่มั่นใจว่าจะแก้ปัญหาหนี้ครูได้ ทุกวันนี้ครูไม่มีเงินออม ครูบางคนไม่มีเงินจะกิน ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการต้องสำรวจว่าปัจจุบันมีครูอยู่เท่าไหร่ที่ถูกฟ้อง เท่าที่ผมรับทราบมา มีถึง10,000 บัญชี จากที่กู้ทั้งหมด3-4แสนบัญชี”

ในอดีตครูกู้เงินโครงการของธนาคารกรุงไทย ปัญหายังไม่เกิด หักเฉพาะดอกเบี้ย ให้กู้รายละแค่ 200,000 บาท เมื่อถึงยุคหนึ่งการเข็นสวัสดิการให้ครูกู้ธนาคารออมสินถึง 7 โครงการ ขยายวงเงินกู้ถึง 3 ล้านบาท ครูไม่มีปัญญาจ่าย บางรายถูกฟ้องล้มละลาย

5 เงื่อนไขครูเข้าร่วมกิจกรรมแก้หนี้ครูกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู

1. ครูไม่เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเข้าร่วมไม่ได้
2. มีค่าดำเนินการของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเพิ่มประมาณ 2%
3. ครูต้องทำประกันชีวิต ซ้ำซ้อนอีก
4. ครูเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นหนี้เสียไม่มีคนค้ำประกัน
5. ครูต้องมีเงินเหลือในบัญชี 30 % แต่ความจริงครูส่วนมากบัญชีเงินเดือนติดลบ ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการไม่ได้ 

“ศธ.ทำโรดโชว์แก้หนี้ครูแต่ไม่ถูกทาง เหมือนเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับธนาคาร เอาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยอีกรอบหนึ่ง เพราะเงินที่อยู่ในธนาคารไม่ก่อให้เกิดรายได้ ”

แนวทางแก้ไขหนี้ครู

แนวทางออกแก้หนี้ครู กระทรวงศึกษาธิการศธ.ทำไมไม่คุยกับธนาคารออมสิน เพราะเป็นแบงค์ของรัฐ สามารถลดดอกเบี้ยให้กับครู สามารถลดลงได้เท่าไหร่ เมื่อลดดอกเบี้ย ครูทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ครู จะไม่ขาดอายุ ไม่ต้องต่อสัญญาใหม่ ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ก็ Win ทั้งคู่

"วันนี้ขอผู้บริหารสูงสุดของกระทรวงศึกษาธิการ น่าจะศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้ครูให้ดี ไม่ใช่ดีแต่พูดทำให้เกิดความเสียหาย การจะจัดกิจกรรมเพื่อแก้หนี้ครู หากจะทำศธ.ควรตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินการ ไม่ใช่จะมาเอาเงินครูไปใช้ ด้วยการโยกเงินจากกระเป๋าซ้ายมาไว้กระเป๋าขวา ตราบใดที่ผมยังอยู่คงไม่ยอมให้ใครมาเอาเงินครูไปใช้แบบนี้"

...กมลทิพย์ ใบเงิน...เรียบเรียง