Lifestyle

เตรียมทำ2ตำรับยาไทยผสมกัญชา คาดมีผู้ป่วยต้องใช้กว่า1.75แสนคน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เตรียมทำ2ตำรับยาไทยผสมกัญชา คาดมีผู้ป่วยต้องใช้กว่า1.75แสนคน

 

 

          เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวในการเป็นประธานเปิดการอบรมผู้มีสิทธิ์สั่งใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย พร้อมกันทั่วประเทศใน 13 เขตสุขภาพ ว่า ตามแผนการผลิตตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมอยู่ ส่วนของต้นทาง ที่เป็นการปลูกตามมาตรฐานนั้น 1.ไบโอเทค ผลิตกัญชาสด 2,000 กิโลกรัม โดยจะส่งให้กับกองพัฒนายาแผนไทยฯ เพื่อผลิตตำรับน้ำมันสนั่นไตรภพ ยาทาริดสีดวงและเครื่องยากัญชากลาง และ รพ.ดอนตูม จ.นครปฐม ในการผลิตยามาตรฐาน 2.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ผลิตกัญชาสด 2,000 กิโลกรัม ส่งมอบให้แก่ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จ.สกลนคร ผลิตตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชา 16 ตำรับ

 

 

          และ 3.กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์การเกษตร ภายใต้สภาเกษตรกรแห่งชาติ ผลิตกัญชาสด 7,000 กิโลกรัม ส่งให้แก่ รพ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี รพ.สมเด็จพระยุพราช(รพร.)เด่นชัย จ.แพร่ และโรงพยาบาลอื่นๆ ที่มีมาตรฐานการผลิตยาขององค์การอนามัยโลก(WHO GMP) ทั้งนี้ มีการประมาณความต้องการใช้กัญชาใน 16 ตำรับยาแผนไทย โดยผู้ป่วยที่จะใช้ในสถานพยาบาลภาครัฐ ราว 1.3 แสนคน สถานพยาบาลเอกชน ประมาณ 4 หมื่นคน และในการศึกษาวิจัย 16 ตำรับ จำนวน 5,000 คน รวมปริมาณผู้ป่วยต้องการใช้กัญชา 16 ตำรับยาแผนไทย 1.75 แสนคน


          กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป 2 สูตร คือ น้ำมันสนั่นไตรภพ ที่ช่วยลดอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก มะเร็งตับในระยะเริ่มต้น และช่วยแก้กษัยเหล็ก หรืออาการท้องแข็งเป็นดาน ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือโรคมะเร็ง และยาทาริดสีดวงทวารหนักและโรคผิวหนัง และจะจัดทำเครื่องยากลาง 3 สูตร คือ ช่อดอกกัญชากับพริกไทย อัตราส่วน 1:1 ใบกัญชากับพริกไทยอัตราส่วน 1:0.25 และก้านกัญชากับบอระเพ็ด อัตราส่วน 1:1 เพื่อกระจายให้แก่โรงพยาบาลและแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ ใช้ในการปรุงและจ่ายยาแก่ผู้ป่วย คาดว่าต้องใช้กัญชาประมาณ 11 ตันต่อปี ซึ่งได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ สวทช. ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถปลูกกัญชาส่งให้ได้ประมาณ 13 ตันต่อปี




          ภญ.ศิริพร ฉวานนท์ เจ้าหน้าที่กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวในการอบรมผู้มีสิทธิ์สั่งใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทยพร้อมกันทั่วประเทศใน 13 เขตสุขภาพว่าแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านที่แจ้งครอบครองกัญชาในช่วงนิรโทษแล้วสามารถมีกัญชาไว้ในครอบครองต่อไปได้อีก 3 เดือน  หากจะใช้กัญชาในตำรับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมจะต้องซื้อเครื่องกัญชากลางมาปรุงเท่านั้น โดยจะต้องดำเนินการผ่านกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก


          หากแพทย์แผนไทยจะรวมตัวกันเพื่อขอปลูกกัญชาจะต้องมีการจับมือกับหน่วยงานรัฐ หากเป็นการปลูกเพื่อวิจัยจะสามารถทำได้แค่การพัฒนาสายพันธุ์ ไม่สามารถผลิตหรือตำรับยาได้ หากจะผลิตเป็นตำรับยาจะต้องจับมือกับสถานพยาบาลภาครัฐ และมีแผนการจำหน่ายให้สถานพยาบาลแห่งนั้นทั้งหมด ต้องไม่มีเหลืออยู่ที่แพทย์แผนไทยหรือหมอพื้นบ้านโดยเด็ดขาด


          การอบรมครั้งนี้ ได้จัดอบรมพร้อมกันทั่วประเทศทั้งในส่วนกลางและเขตสุขภาพทั้ง 13 เขตสุขภาพ รวมผู้เข้าอบรม 2,984 คน เป็นแพทย์แผนไทยที่มีใบประกอบวิชาชีพ สาขาเวชกรรมไทย, แพทย์แผนไทยประยุกต์ที่มีใบประกอบวิชาชีพ, หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยต้องผ่านการทดสอบความรู้ไม่น้อยกว่า 60% จึงจะได้รับใบประกาศนียบัตรเป็นผู้ผ่านการอบรมนี้ คาดว่าใน 2 สัปดาห์แต่ละเขตสุขภาพจะส่งรายชื่อผู้ที่ผ่านการประเมินมายังกรมเพื่อส่งให้ อย.ขึ้นทะเบียนต่อไป

 


          บทลงโทษเกี่ยวกับกัญชา
          - นำเข้า-ส่งออกกัญชา จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสน
          - จำหน่าย จำคุกตั้งแต่ 1-15 ปี ปรับ 1 แสน-1.5 ล้านบาท
          - ครอบครอง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท 
          - มีไว้เพื่อจำหน่ายไม่ถึง 10 กิโลกรัม จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท 
          - มีตั้งแต่ 10 กิโลกรัมขึ้นไป จำคุกตั้งแต่ 1-15 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสน-1.5 ล้านบาท

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ