Lifestyle

200บาทพัฒนาอาชีพสู่กองทุนอาหารกลางวัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  คุณภาพชิวิต [email protected] -

 


          ปัญหาที่เด็กไทยไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากเพียงพอที่จะสนับสนุนการทำงานในอนาคต เพราะมีเด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากการเรียนกลางคัน หรือครอบครัวไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษา ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้

 

 

          กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้จัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษเพื่อช่วยให้เด็กกลุ่มนี้เข้าถึงการศึกษาให้ได้
       

          โดยเมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ลงพื้นที่ “ติดตามเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ จัดสรรช่วยเหลือแล้วแก้ปัญหาตรงจุดอย่างไร” ที่โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งที่โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนยากจนพิเศษที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการสถานศึกษาจำนวน 64 คน คิดเป็นร้อยละ 5 ของนักเรียนทั้งหมด
     

 

 

200บาทพัฒนาอาชีพสู่กองทุนอาหารกลางวัน

 

          สุภาณี ธรรมาธิคม  ผอ.โรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ บอกว่าเงินอุดหนุนที่ได้รับจากกสศ.นักเรียนยากจนพิเศษทั้ง 64 คนคนละ 800 บาทรวมเป็น 51,200 บาท โรงเรียนบริหารการใช้จ่ายเงินเป็น 2 ส่วน คือจัดให้นักเรียนในรูปแบบคูปองอาหารกลางวัน 300 บาท ค่าเดินทาง 300 บาท และกิจกรรมพัฒนานักเรียนยากจนพิเศษ 200 บาท


          ทั้งนี้โรงเรียนให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยเน้นย้ำทุกกระบวนการตั้งแต่การลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน การเก็บข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้องเพราะทุกรายละเอียดคือโอกาสทางการศึกษาของเด็กนักเรียนเหล่านี้ โรงเรียนเข้าใจในกระบวนการที่มีหลายขั้นตอน และต้องตรวจสอบ ก็เพื่อความรอบคอบ 

 

          "เงินอุดหนุนจากกสศ.ในส่วนของการจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะอาชีพและทักษะชีวิต แม้ไม่มากแต่เป็นเงินลงทุนซึ่งถ้านำไปใช้อย่างถูกจุดจะสามารถสร้างดอกผลทั้งในรูปของการเพิ่มพูนศักยภาพของนักเรียน และเป็นเงินลงทุนที่สร้างรายได้ในอนาคตได้ สำคัญอยู่ที่ความคิดริเริ่มและวิธีการนำไปใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่เงินจำนวนนี้ เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักเรียนมากที่สุด"


          โดยในการจัดกิจกรรมได้ประเมินจากความสนใจของนักเรียนเป็นหลัก จึงจัดให้มีการสอนทักษะการทำเบเกอรี่และขนมอบโดยเปิดคอร์สให้นักเรียนมา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งจะต้องทำทั้งหมด 4 ครั้งต่อภาคเรียน เด็กๆ ใส่ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาให้รสชาติดีขึ้นทุกครั้ง เมื่อเชี่ยวชาญกว่านี้เราวางแผนเปิดเป็นร้านเบเกอรี่จำหน่ายในชุมชน ตลาด เพื่อสร้างรายได้เป็นกองทุนเล็กๆ ที่เติบโตต่อไป หากในอนาคตได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจเข้าส่งเสริมต่อยอดให้ทำเป็นธุรกิจจะสร้างรายได้ นำมาเป็นกองทุนอาหารกลางวันให้นักเรียนได้อีกทางหนึ่ง 

 

 

200บาทพัฒนาอาชีพสู่กองทุนอาหารกลางวัน
  

          ด.ญ.ลักษิกา มิตรพันธุ์ หรือ น้องเอิร์น นักเรียนชั้นม.2/2 หลักสูตรกิ๊ฟเต็ดภาษา ร.ร.สตรีวัดอัปสรสวรรค์ เล่าว่าได้รับเงินจากกองทุนกสศ.จากทางโรงเรียนเมื่อวันที่ 11  มกราคม จำนวน 600 บาท โดยเงินที่ได้รับมานั้นแบ่งไว้ใช้จ่ายซื้อของใช้ที่จำเป็น เช่น อุปกรณ์การเรียนการสอน และของใช้ส่วนตัว เป็นต้น และได้เข้าร่วมโครงการเบเกอรี่ในโรงเรียนต่อยอดความรู้ ฝึกทักษะการเรียนรู้ที่หลากหลายด้านการทำขนม เพื่อต่อยอดความรู้ให้แก่ตนเองในอนาคต
   

          สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ กสศ.กล่าวว่า กรณีของโรงเรียนสตรีวัดอัปสรสวรรค์ ถือเป็นต้นแบบการขยายผลเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ ด้วยงบประมาณจำนวนไม่มาก แต่โรงเรียนวางแผนต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม เมื่อสำรวจว่านักเรียนมีความสนใจด้านเบเกอรี่ จึงเปิดคอร์สพิเศษเพื่อสอนนักเรียนกลุ่มนี้ ซึ่งการเรียนการสอนสามารถบูรณาการทั้งในส่วนทักษะการทำอาหารเพื่อสร้างอาชีพ การบูรณาการกับวิชาการเรียนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น คณิตศาสตร์ การคำนวณต้นกำไรขาดทุน การชั่งตวงวัด วิทยาศาสตร์อาหาร ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ การวางแผนการขายและการทำการตลาด ซึ่งโรงเรียนสามารถเชิญวิทยากรจากภายนอกมาร่วมให้ความรู้ได้

 

 

200บาทพัฒนาอาชีพสู่กองทุนอาหารกลางวัน

 


          การบริหารกองทุนกสศ.
          สถานะการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคา ที่ผ่านมา กสศ.ได้โอนเงินอุดหนุนในรอบแรกให้แก่โรงเรียนและผู้ปกครองที่ส่งข้อมูลเข้ามาและผ่านการตรวจสอบความถูกต้อง ครบถ้วน เสร็จเรียบร้อยแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 393,932,400 บาท ครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 16,497 โรงเรียน และนักเรียนจำนวน 364,527 คน


          โรงเรียนสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินได้จากยูสเซอร์ของแอดมินโรงเรียน และเมื่อได้รับเงินอุดหนุนแล้วสามารถดำเนินการตามแผนการใช้เงินที่เสนอไว้แก่คณะกรรมการสถานศึกษาได้ทันที สำหรับเงินอุดหนุนนักเรียนที่ผู้ปกครองไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารและขอรับเงินสดจากโรงเรียน ควรเบิกจ่ายแก่นักเรียนภายใน 7-10 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินโอนจาก กสศ.โดยหลังจากนี้สถานศึกษาและครูจะรายงานบันทึกการมาเรียน


          รวมถึงน้ำหนัก ส่วนสูงของนักเรียนยากจนพิเศษรายบุคคลอย่างใกล้ชิดตลอดปีการศึกษาผ่าน cct.thaieduforall.org ตามข้อตกลงการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข ซึ่งจะเป็นข้อมูลและผลลัพธ์ที่สำคัญในการจัดสรรเงินอุดหนุนภาคเรียนถัดไป โดยนักเรียนยากจนพิเศษจะต้องมีอัตราการมาเรียนสูงกว่าร้อยละ 80 ของเวลาเรียน

 

 

200บาทพัฒนาอาชีพสู่กองทุนอาหารกลางวัน

 


          หลังจากนี้ทางเขตพื้นที่การศึกษาจะช่วยลงพื้นที่สนับสนุน ติดตามผลการใช้เงินอุดหนุนและการดำเนินงานของทางโรงเรียนต่อไป ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานศึกษาสังกัด สพฐ.ที่ยังไม่ได้จัดทำข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษได้ที่ https://www.eef.or.th/thaieduforall/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 0-2079-5475 กด 1

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ