Lifestyle

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน : รายงาน  โดย...  ปาริชาติ บุญเอก [email protected]



          “วิทยาศาสตร์” เป็นรากฐานของการวิจัยและพัฒนาประเทศหากจะพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งล่าสุดนักวิทยาศาตร์รุ่นใหม่ จำนวน 500 คน ร่วมยื่นสมุดปกขาวการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research) ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในกิจกรรม “นักวิทย์รุ่นใหม่ นำไทยไปด้วยกัน” เพื่อแสดงความพร้อมนำศักยภาพนักวิทย์รุ่นใหม่ กำหนดอนาคตประเทศไทย ก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว 

 

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 

 

          ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  กล่าวในงานนายกรัฐมนตรีพบนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ จำนวน 500 คน ได้ร่วมยื่นสมุดปกขาวการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research) ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในกิจกรรม “นักวิทย์รุ่นใหม่ นำไทยไปด้วยกัน” เพื่อแสดงความพร้อมนำศักยภาพนักวิทย์รุ่นใหม่ กำหนดอนาคตประเทศไทย ก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว พร้อมวางกลยุทธ์กำหนดโจทย์วิจัยให้แก่ประเทศ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.อาหารเพื่ออนาคต 2.การแพทย์และสาธารณสุขขั้นแนวหน้า 3.พลังงานแห่งอนาคต 4.การป้องกันภัยคุกคาม รับมือความเสี่ยง และสร้างโอกาสในอนาคต ซึ่งถือเป็นโจทย์วิจัยที่มีความสำคัญต่อประเทศและสามารถต่อยอดไปสู่ระดับโลกได้ หากรัฐบาลให้การสนับสนุน

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 


          ตั้ง “ศูนย์วิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ”
          นอกจากนี้ ผู้แทนวิสาหกิจเริ่มต้นหรือสตาร์ทอัพประมาณ 400 คน ได้ยื่นหนังสือให้รัฐบาล 7 ข้อ เพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ 1.ควรจัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลวิสาหกิจเริ่มต้น รวมทั้งจัดให้มีระบบศูนย์กลางข้อมูลและการให้บริการต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง 2.ควรให้การสนับสนุนทางการตลาดรวมไปถึงการขยายกิจการวิสาหกิจเริ่มต้นไปยังต่างประเทศ

 

 


          3.ควรให้การสนับสนุนเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะสูง ให้งบสนับสนุนจากภาครัฐเป็นค่าตอบแทนในการฝึกงานในวิสาหกิจเริ่มต้นหรือการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี 4.สนับสนุนเทคโนโลยีขั้นสูงตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนา โดยให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันการศึกษาที่คิดค้นนวัตกรรมหรืออาจจัดตั้งกองทุนสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงโดยเฉพาะ

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 


          5.ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนและการระดมทุนของวิสาหกิจเริ่มต้น 6. ส่งเสริมให้มีการสร้างสังคมผู้ประกอบการโดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านเทคโนโลยีและความเป็นผู้ประกอบการ และ 7.สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หรือศูนย์วิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ


          ดร.วศะพร จันทร์พุฒ อาจารย์คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตัวแทนนักวิทย์รุ่นใหม่ด้านวิจัยอาหารเพื่ออนาคต เผยถึงแนวทางในการวิจัยว่า อาหารเพื่ออนาคตเป็นการรวมกันของ 2 ศาสตร์ คือ เกษตร และอาหาร เราจะมีอาหารที่ดีและพอเพียงได้อย่างไรถ้าการเกษตรไม่เข้มแข็ง และหากเรามีวัตถุดิบที่ดีแล้ว เราจะแปรรูปอาหารอย่างไรให้เราได้อาหารที่ดีมีคุณค่าทางโภชนาการ สิ่งเหล่านี้ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร รวมถึงการแพทย์ พลังงาน และเทคโนโลยี เป็นการทำงานแบบองค์รวม

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 

 


          เนื่องจาก “การพัฒนาการเกษตร” ภายใต้ข้อจำกัดด้านสภาพภูมิอากาศ และไทยกำลังเข้าสู่ยุคเกษตรกรวัยแรงงานลดลง ปัจจุบันมีการทำสมาร์ทฟาร์มมิ่ง เกษตรอัจฉริยะ ที่ใช้ระบบดาวเทียม คอมพิวเตอร์ เซ็นเซอร์ เข้ามาช่วยในการทำงาน วางแผนปลูกพืช การวิเคราะห์ดีเอ็นเอพืชและสัตว์ เก็บข้อมูล และสร้างธนาคารดีเอ็นเอพืชและสัตว์ไทย รวมไปถึงการปลูกพืชในแนวตั้ง ใช้หุ่นยนต์ในการเก็บเกี่ยว ทุกอย่างไวมาก และแม่นยำ ดังนั้น ถ้าเกษตรมั่นคง อาหารก็มั่นคง

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 


          ดร.วศะพร กล่าวว่า การพัฒนาด้านอาหารปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ อาหารที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน และอาหารเฉพาะกลุ่ม สิ่งสำคัญคือ หนึ่ง เราต้องมีอาหารที่พอเพียง ต่อมาคือ เราจะทำอย่างไรให้มีอาหารเฉพาะคนกลุ่มโรค เนื่องจากในร่างกายเรามียีนร้ายๆ แฝงตัวอยู่ ทำให้ไวต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน มะเร็ง และหลอดเลือดหัวใจ แต่โรคพวกนี้สามารถป้องกันได้ด้วยอาหาร อันดับแรกเราต้องรู้ก่อนว่าเรามียีนหรือไม่ ซึ่งต้องใช้วิทยาการทางการแพทย์ในการตรวจ และศึกษาว่าอาหารชนิดใดที่สามารถควบคุมการแสดงออกของยีนพวกนี้ได้เพื่อป้องกันโรคนั้นๆ

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 


          “ประเทศไทยมีความหลากหลายมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เราจะใช้ความหลากหลายเหล่านี้อย่างไรให้เป็นประโยชน์ เป้าหมายในการดำเนินงาน เราแบ่งเป็นช่วงๆ โดยในระยะ 5 ปีแรก ถือเป็นปีที่สร้างฐานให้มั่นคงคล้ายๆ พีระมิด โดยมุ่งพัฒนาด้านเกษตรขั้นพื้นฐานทั้งหมด รวมไปถึงจัดตั้งธนาคารดีเอ็นเอทั้งคน และพืช เพื่อเก็บดาต้า นำมาประมวลผล ในห้าปีแรกอาจจะเห็นเป็นรูปธรรมยาก แต่สิ่งเหล่านี้ จะนำไปสู่ปีที่ 10 และหมุนไปสู่ปีที่ 20 ต่อไป” ดร.วศะพร กล่าวเพิ่มเติม


          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วิทยาศาสตร์คือ การทำความฝันให้เป็นจริง ดังนั้น ต้องมาดูกันต่อไปว่าผลจากการวิจัยพัฒนาจะนำมาสร้างคุณค่าและมูลค่าได้อย่างไร เป้าหมายของเราคือ อยากให้คนไทยมีรายได้สูงขึ้น และสิ่งเดียวที่จะช่วยได้คือ “วิทยาศาสตร์” ซึ่งในการประชุมที่ต่างประเทศล่าสุด ประเทศที่มีรายได้สูงที่สุด ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้น แต่ประเทศที่อ่อนด้อยในเรื่องนี้ รายได้ก็น้อยลง นี่คือความแตกต่าง และความเหลื่อมล้ำของโลกใบนี้

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 

 


          “ประเทศไทยมีอาชีพเกษตรกรมากที่สุด ซึ่งก็เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ รองลงมาคือ ปัญหาเรื่องสุขภาพ วันนี้แรงงานการเกษตรขาดแคลน จะใช้เครื่องจักรเครื่องมือ ก็ต้องจ้างเขา โจทย์ที่เราต้องคิดคือ เราจะช่วยชนชั้นแรงงานได้อย่างไร รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน นำไปสู่การวิจัย และการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐ พร้อมกับการทำงานร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาชน และนักวิชาการ” และตลอดเวลาในการเดินหน้างานวิจัย ต้องนำไปสู่รูปธรรมให้ได้ ในการวิจัยต้องมีคำตอบทั้งหมด ต้องเดินหน้าและทำให้ได้ตามเป้าไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น “นักวิทย์รุ่นเก่า นำเราสู่อดีต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวทิ้งท้าย


          งบวิจัยและพัฒนาของไทย
          ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2561) ประเทศไทยมีการใช้งบวิจัยและพัฒนารวม เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า อยู่ที่ 166,215 ล้านบาท คิดเป็น 1% ของจีดีพี โดยมีงบวิจัยเอกชน เพิ่มขึ้น 4 เท่า คิดเป็น 0.75% ของจีดีพี งบวิจัยเอกชนรวม เพิ่มขึ้น 3.4 เท่า หรือ 116,350 ล้านบาท จำนวนบุคลากรด้านวิจัย เพิ่มขึ้น 2 เท่า 138,000 คน

 

 

500 นักวิทย์รุ่นใหม่ชงนายกฯหนุนวิจัยอนาคตประเทศ4ด้าน

 


          นอกจากนี้ ในภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่า หรือ 12,614 ล้านบาท ยกระดับขีดความสามารถของเอสเอ็มอีขึ้น 16 เท่า มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจำนวน 7,206 ราย จาก 450 รายในปี 2557 มีบริการตรวจสอบมาตรฐานเพิ่มขึ้น 1.2 เท่า หรือ 0.70 ล้านรายการ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่กำหนดอนาคตของประเทศเพิ่มขึ้น 6 เท่า หรือกว่า 7.8 พันล้านบาท มีผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 2.2 เท่า หรือประมาณ 34,500 ล้านบาท สามารถพัฒนาบุคลากรในสาขาวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้น 2.5 เท่า หรือ 5.6 ล้านคน


          สามารถสร้างแรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่ เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า หรือกว่า 3.2 ล้านคน และต่อยอดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 3.7 เท่า หรือประมาณ 0.74 ล้านคน ส่งผลให้อันดับความสามารถในปัจจัยด้านนวัตกรรมของประเทศไทย (World Economic Forum) ขยับขึ้นจากอันดับที่ 66 ในปี 2557 เป็น อันดับที่ 50 ของโลกในปี 2561

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ