'หมอธี' เสนอปรับโฉมศึกษาภัณฑ์ ดึงเอกชนเข้ามาร่วม ส่วน สกสค. ผุดคลินิกนอกเวลา ให้บริการฟรีทุกคน ย้ำไม่ปลดพนักงานองค์การค้าฯ
นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ว่า ที่ประชุมองค์การค้าฯ ได้มีการนำเสนอร่างแผนการพัฒนาองค์การค้า ฯ ซึ่งแผนดังกล่าวมีความชัดเจน และจะมีการดำเนินการในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของการผลิตสื่อการเรียนการสอน เช่น สื่อวิทยาศาสตร์ที่องค์การค้าฯ ผลิต หรือเรื่องตราสัญลักษณ์ลูกเสือ เป็นต้น
รวมถึงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการกำหนดเรื่องสื่อการเรียนการสอนในหน่วยงานสังกัดศธ.ทั้งหมด เพราะตามกฎหมายหน่วยงานของรัฐจะต้องใช้ และซื้อของจากหน่วยงานรัฐก่อน ส่วนเรื่องทรัพย์สินองค์การค้าฯ นั้น อย่าง เรื่องการขายที่ดิน ก็เป็นไปตามกระบวนการที่ได้กำหนดไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีข้อเสนอให้มีการปรับปรุงเปลี่ยนโฉมศึกษาภัณฑ์ โดยคาดจะเอาภาคเอกชนเข้ามาร่วม โดยอาจจะเป็นการร่วมทุน หรือจะดำเนินการอย่างไร องค์การค้าฯ ต้องไปศึกษาในเรื่องนี้ ส่วน สกสค. นั้น ได้มีการเสนอให้ตั้งคลินิกนอกเวลาที่สถานบริการพยาบาลของสกสค. โดยเปิดให้ทุกคนได้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งทางสกสค.จะไปศึกษารายละเอียด โดยให้ผู้ช่วยรมว.ศธ. เข้ามาช่วยดูแล
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ.และผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. กล่าวว่าที่ประชุมได้มอบหมายให้ทางองค์การค้าฯ ไปจัดทำแผนอัตรากำลังพนักงานให้มีความชัดเจน เพราะขณะนี้มีพนักงานค่อนข้างมาก โดยต้องมีการไปศึกษาถึงเรื่องค่าจ้าง เงินเดือนว่าจะมีวิธีการถ่ายโอนอย่างไรได้บ้าง อาจจะไปขอตั้งเป็นงบประมาณมาช่วยในเรื่องนี้ รวมถึงเรื่องการว่าจ้างลูกจ้างรายปี ลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งขณะนี้ได้มีการต่อสัญญาให้แก่พนักงานเกือบ 300 คน ครบทุกคนแล้ว โดยสัญญามีผลไปจนถึงเดือนก.ย. 2562 และเป็นการต่อสัญญาเพียงปีเดียวไม่มีการผูกพันไปปีอื่นๆ ส่วนในปีหน้าคงต้องดูว่าจะพิจารณาอย่างไรต่อไป
“สกสค. หรือสถาบันการเงินจะเข้าไปช่วยนั้น ต้องให้ความมั่นใจด้วยว่าองค์การค้าฯ จะอยู่รอดด้วย ดังนั้น เรื่องการต่อสัญญาพนักงานนั้น ขณะนี้ได้ตั้งมีการต่อสัญญาหมดทุกคน ไม่มีการปลดพนักงาน แต่เมื่อถึงเวลาครบตามสัญญา ก็ต้องสงวนอัตราหรืออาจจะไม่จ้างต่อ เนื่องจากหากจ้างต่อองค์การค้าฯ อาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้ อย่างไรก็ตาม จริงๆ แล้ว องค์การค้า ฯ ไม่ได้มีการจ้างพนักงานเพิ่มมาประมาณ 9 ปี แล้ว แต่จำนวนพนักงานเยอะมาก เช่น ดูแลด้านการตลาด ฝ่ายเดียวมีประมาณ 500 กว่าคน หรือบางแผนก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องจ้างพนักงานแบบรายปี หรือแบบชั่วคราว ดังนั้น โดยโครงสร้างเท่าที่ดูในขณะนี้ กลายเป็นจ้างเจ้าหน้าที่มาบริการเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมาก”นายอรรถพล กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมซึ่งได้มีการเชิญผู้บริหารทุกสังกัดของศธ. ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)ได้มาหารือถึงการจัดทำวางแผนนโยบายกำหนดในการใช้สื่อ อุปกรณ์ต่างๆ โดยต่อไปจะมีการวางแผนในภาพรวม โดยองค์การค้าฯ อยากทวงสิทธิ์ตามกฎหมายในการจัดซื้อจัดจ้าง เมื่อเป็นหน่วยงาน ผลิตวัสดุครุภัณฑ์ หน่วยงานรัฐต้อให้การสนับสนุน
นายวีระกุล อรัณยะนาค ผู้ตรวจราชการศธ. และผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ กล่าวว่าในเรื่องการต่อสัญญานั้น มีความชัดเจนอยู่แล้วว่าปีนี้ไม่กระทบต่อพนักงานองค์การค้าฯ อย่างแน่นอน และคาดว่าปีหน้าจะดีขึ้น เพราะมีตลาดมากขึ้น เนื่องจากจะมีหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องใช้ครุภัณฑ์ สื่อต่างๆ ต้องมาใช้จากองค์การค้าฯ เพราะเป็นตามกฎหมาย เมื่อองค์การค้าฯ มีตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น อนาคตถ้ามีการสั่งซื้อมากขึ้น มีรายได้มากขึ้น ก็อาจจะมีการจ้างพนักงานไว้ตามเดิม หรืออาจจะมีการว่าจ้างพนักงานใหม่ๆ นอกจากนั้น ที่ประชุมเห็นชอบว่าองค์การค้าฯ ควรมีวิธีการใหม่ๆ เช่น ปรับปรุงแบรนด์ศึกษาภัณฑ์ โดยจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน อาจจะเป็นในลักษณะของแฟรนไชส์ ด้วย เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง