Lifestyle

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค : รายงาน   โดย... พวงชมพู ประเสริฐ  [email protected] 

 

          องค์การเภสัชกรรม(อภ.)รับมอบกัญชาของกลางลอตแรก 100 กิโลกรัมจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) เพื่อวิจัยเป็นสารสกัดใช้ทางการแพทย์ ภายในเดือนธันวาคม 2561 ได้สารสกัดเข้มข้น 10-15 ลิตร ผลิตเป็นน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นได้ 18,000 ขวด รอกฎหมายปลดล็อกต่อยอดวิจัยในคนราวเดือนพฤษภาคม 2562 หวังใช้รักษาโรคลมชัก แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยรับเคมีบำบัด อาการปวดที่รุนแรงต่างๆ

          นพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ดอภ.) และประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวในการเป็นประธานรับมอบกัญชาของกลางจาก บช.ปส.ว่า อภ.ได้รับมอบกัญชาของกลาง จำนวน 100 กิโลกรัม เพื่อนำไปศึกษาวิจัยทางการแพทย์ การส่งมอบครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก โดยกัญชาของกลางที่รับมอบนี้ อภ.ได้ประสานงานขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และ บช.ปส.เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งทีมวิจัยได้คัดเลือกคุณภาพของกลาง เป็นกัญชาที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพ และเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่จับกุมมาได้ไม่นาน คาดว่ายังมีคุณภาพดี 

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

 

          นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า กัญชาของกลางที่รับมอบทั้งหมดจะมีการตรวจพิสูจน์สิ่งปนเปื้อนก่อนนำไปศึกษาวิจัย โดย อภ.จะทำการศึกษาวิจัยด้วยมาตรฐานเทคโนโลยีสารสกัดและพัฒนาสูตรตำรับ เพื่อให้ได้สารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ (Medical Cannabis Extraction Prototype) ในรูปแบบน้ำมันกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น (Sublingual drop) ที่พร้อมจะนำไปศึกษาในผู้ป่วย เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติด ได้แก้ไขให้สามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้ต่อไป

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          ทั้งนี้ คาดว่าประมาณเดือนธันวาคมนี้ จะได้สารสกัดกัญชาจากของกลาง และจะทำให้ทราบผลขั้นต้นว่า อภ.จะมีแนวทางอย่างไรในการวิจัยพัฒนา รวมถึงวางระบบบริหารจัดการในการนำกัญชาของกลางมาสกัด เพื่อนำมาใช้ผลิตยาในปริมาณมากยิ่งขึ้น เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้โครงการศึกษาวิจัยทางด้านคลินิกหรือการทดสอบในคนต่อไปได้หรือไม่ โดยกัญชาของกลาง 100 กิโลกรัมนี้ คาดว่าจะได้สารสกัดกัญชาเข้มข้นประมาณ 10-15 ลิตร ทำเป็นผลิตภัณฑ์ต้นแบบน้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นได้ประมาณ 18,000 ขวด และหากกฎหมายใหม่ปลดล็อกให้กัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ก็คาดว่าจะสามารถนำมาศึกษาวิจัยในคนได้ในราวเดือนพฤษภาคม 2562    

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีรายงานในต่างประเทศถึงการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1.รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียนในผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ให้เคมีบำบัด 2.โรคลมชักในเด็ก 3.ปลอกประสาทอักเสบ และ 4.อาการปวดรุนแรง ที่เดิมต้องใช้มอร์ฟีนในการบรรเทาอาการปวด ส่วนข้อเสนอเพื่อการรักษาโรคอื่นๆ เช่น อัลไซเมอร์ และพาร์กินสันนั้นก็จะศึกษาไปพร้อมกัน รวมถึงการใช้ในการแพทย์แผนไทยที่มีกว่า 100 ตำรับ ก็อาจจะมีการศึกษาต่อไป    

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

   

          “การที่ อภ.ได้รับกัญชาที่มีคุณภาพและคุณสมบัติที่แตกต่างกันจะทำให้ทราบถึงความแตกต่างของคุณสมบัติกัญชาแต่ละชนิด ว่าชนิดใดจะมีคุณภาพและลักษณะคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการนำมาวิจัยเพื่อใช้ทางการแพทย์ หรือต้องมีการพัฒนากระบวนการสกัดของกัญชาแต่ละชนิดอย่างไร ซึ่ง อภ.มีความตั้งใจที่จะนำกัญชาที่เป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย มาเป็นวัตถุดิบสำหรับวิจัย พัฒนาเป็นสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ และผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาในรูปแบบต่างๆ ที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อลดการนำเข้าโดยทดแทนยาแผนปัจจุบันบางชนิดที่มีราคาแพง ส่งผลให้ประชาชนได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาจากสารสกัดกัญชาได้อย่างกว้างขวาง” นพ.โสภณกล่าว

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          ด้าน พล.ต.ต.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง  รองผบช.ปส. กล่าวว่า กัญชาของกลางที่ส่งมอบให้แก่ อภ. ในครั้งแรกนี้มี 3 ประเภท คือ ดอกกัญชาซึ่งลักลอบนำเข้าจากประเทศแถบตะวันตก กัญชาแท่งห่อสีทองและสีเงิน ซึ่งเป็นของกลางที่ได้จากการจับกุมในปี 2561 ทั้งหมด ทั้งนี้ ในแต่ละปี บช.ปส.จับกุมกัญชาได้ราว 7 ตันต่อปี ยกเว้นบางปีที่มีการจับกุมรายใหญ่จะมีกัญชาของกลางถึง 20 ตัน ที่ผ่านมาเมื่อจับกุมได้จะนำไปทำลายทิ้งทั้งหมดปีต่อปี จึงยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับ อภ. ในการนำกัญชาของกลางมาศึกษาเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ได้โดยเร็วที่สุด  ส่วนจะมีการส่งมอบกัญชาของกลางในครั้งต่อไปอีกหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทีมนักวิจัยที่เมื่อนำลอตแรกไปศึกษาแล้วได้ผลเป็นอย่างไร  

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

        

          สำหรับแผนในการวิจัยและพัฒนาของ อภ. นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.อภ. กล่าวว่า การยกระดับการวิจัยและพัฒนายาจากสารสกัดกัญชาไปสู่ระดับอุตสาหกรรม อภ.จะมีการดำเนินการอย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ การปลูกตามมาตรฐานจีเอพี จนถึงผลิตเป็นสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์สำหรับใช้รักษาโรคต่างๆ และได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อขออนุญาต อย. ในการครอบครองกัญชาของกลางในปริมาณจำนวนหลายๆ ตันต่อปี เพื่อทยอยทำเป็นสารสกัดเข้าสู่ระบบการวิจัยทางคลินิกให้เพียงพอ โดยการศึกษาวิจัยกัญชาจากของกลางนี้จะดำเนินการควบคู่ไปกับการศึกษาวิจัยและพัฒนากัญชาอย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ การปลูก จนได้ผลิตสารสกัดต้นแบบกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบในรายละเอียดของการปรับปรุงพื้นที่สำหรับปลูก และพื้นที่ห้องปฏิบัติการวิจัย

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          ทั้งนี้ จะร่วมมือและต่อยอดผลงานวิจัยกับเครือข่ายงานวิจัยสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทำการคัดเลือกสายพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้สายพันธุ์กัญชาที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อโรคพืช และให้ได้สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในการรักษาโรคต่างๆ โดยต้องมีปริมาณและสัดส่วนของสารสำคัญเป็นมาตรฐานตามความต้องการทางการแพทย์โดยนำเทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัยต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับการสกัดสารสำคัญจากกัญชา เพื่อให้ได้กระบวนการสกัดที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนการสกัด และยังคงคุณภาพสารสกัดที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับจนเป็นสารสกัดกัญชาต้นแบบทางการแพทย์ต่อไป

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          อีกทั้ง วิจัยและพัฒนาต่อยอดสูตรตำรับยาเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาที่มีรูปแบบต่างๆ เหมาะสมกับการนำไปใช้รักษาโรคแต่ละชนิด ในรูปแบบต่างๆ เช่นน้ำมันหยดใต้ลิ้น, แผ่นแปะผิวหนัง, ยาเหน็บ, ครีมและแคปซูล เป็นต้น และจะขยายกำลังการผลิตจากระดับห้องปฏิบัติการ ไปสู่ระดับกึ่งอุตสาหกรรมศึกษาวิจัยสำหรับโรคต่างๆ ซึ่งเป็นการทดสอบในคน เพื่อพิสูจน์ถึงความปลอดภัย และประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ยาจากสารสกัดกัญชา และรวบรวมข้อมูลสำหรับขึ้นทะเบียนกับ อย. ก่อนที่จะนำไปผลิตออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดอย่างกว้างขวางต่อไป ทั้งนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเป้าหมายตามประกาศของคณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จากกัญชา จะสามารถเข้าถึงยาจากสารสกัดกัญชาของ อภ.เพื่อรักษาโรค เมื่อเข้าร่วมโครงการวิจัยทางด้านคลินิกเหล่านั้น

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          ส่วนการเตรียมการผลิตในระดับอุตสาหกรรมนั้น ในระยะแรกนั้นจะดำเนินการผลิตวัตถุดิบสารสกัดกัญชาที่องค์การเภสัชกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ ไปก่อน หลังจากนั้นจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นโดยใช้พื้นที่ขององค์การเภสัชกรรมที่ อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่โรงเรือนเพาะปลูก และก่อสร้างโรงงานผลิตสารสกัดสำหรับผลิตวัตถุดิบสารสกัดกัญชาอย่างครบวงจร ส่วนการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชานั้นจะผลิตที่องค์การเภสัชกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ

 

"กัญชา"ของกลาง 100 กก. อภ.วิจัยสารสกัดรักษาโรค

 

          ขณะที่ รศ.วิเชียร กีรตินิจกาล อาจารย์คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวว่า ในอนาคตจะเลี่ยงยาที่มาจากกัญชาไม่พ้น หากประเทศไทยไม่มีการเตรียมการในการผลิตภายใน จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีราคาสูงมาก โดยน้ำมันกัญชา 1 ซีซี หรือ 5 หยด จะมีราคาถึง 1,000 บาท สำหรับในประเทศไทยสามารถปลูกกัญชาได้สายพันธุ์ที่ดีมีสารสำคัญที่จะใช้ประโยชน์ทางการแพทย์สูง โดยไม่จำเป็นต้องปลูกในโรงเรือนติดแอร์แต่สามารถปลูกในพื้นที่เปิดได้ ทำให้ต้นทุนการผลิตของไทยจะถูกกว่าต่างประเทศ โดยขณะนี้ประเทศออสเตรเลียประกาศแล้วว่าจะเป็นผู้นำในการส่งออกยาที่ผลิตจากกัญชา และมูลค่าของผลิตภัณฑ์จากกัญชาทั่วโลกมีกว่า 4.6 ล้านล้านบาท


           
   
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ