การช่วยให้เยาวชนของชาติคิดและวางแผนให้ได้ตั้งแต่เรียนมัธยมศึกษาตอนต้นว่าอนาคตจะเดินไปทางไหนที่สอดคล้องกับศักยภาพของสมองฐานะครอบครัวและบริบทของสังคมที่เป็นอยู่
เด็กชายดัสกร สิงห์ทอง วัย 14 ปีนี้้เขาเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านแดงน้อย อ.เมือง จ.ขอนแก่น อยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองแค่ 15 กิโลเมตร ให้สัมภาษณ์ว่า "เขาอยากจะเรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหน ที่อยากเรียนคอมพิวเตอร์เพราะว่าชอบเล่นเกมเล่นทุกครั้งที่มีเวลาว่างในแต่ละวัน เลิกโรงเรียนกลับถึงบ้าน กินข้าวเย็นทำการบ้าน และเล่นเกมก่อนนอนตั้งแต่ 18.00-21.00น.วันละ 3ชม. แบบนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าติดเกมหรือเปล่า" เด็กชายบอก
คำถามคือว่าอีก 1 ปีการศึกษา เด็กหนุ่มคนนี้จะเปลี่ยนคำนำหน้าเป็นนายแล้ว อายุ 15 แต่เขายังไม่รู้ว่าจะเรียนต่อที่ไหนที่เปิดสอนเกี่ยวกับ “คอมพิวเตอร์” รู้แต่เพียงว่าอยากจะอยู่กับ “คอมพิวเตอร์”ให้ได้นานๆ เพราะชอบเล่นเกม แค่นั้น ปัจจุบันเขาเรียนได้เกรดเฉลี่ย 3 กว่า ในโรงเรียนขยายโอกาสที่เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึงชั้นม. 3
ขณะที่ให้สัมภาษณ์ เด็กชาย นั่งหันข้างให้ ไม่สบตาขณะให้สัมภาษณ์ มือขยุกขยิก และนั่งโยกเก้าอี้อยู่ตลอดเวลา ถามคำก็ตอบตามที่ถามแบบสั้นๆ และนัยน์ตาของเขาจ้องมองอยู่ที่หนังสือหลากหลายบนชั้นในห้องสมุดโรงเรียนอย่างไม่วางตา สักพักเขาก็ขอตัวไปดูหนังสือเหล่านั้น
“กิตติศักดิ์ เสนามนตรี” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแดงน้อย เล่าว่านักเรียนโรงเรียนมี 260 คน มีครู 17 คนเป็นโรงเรียนขยายโอกาส นักเรียนที่มาเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้อาศัยกับปู่ย่า ตายาย ครอบครั้งดั้งเดิมไปทำงานในเมือง หรือทำงานในกรุงเทพก็มี บางรายพ่อแม่ก็แยกทางกัน ส่วนใหญ่มีฐานะปานกลางไปถึงยากจน เรียนจบแล้วไปเรียนต่ออาชีพ เพราะอยู่ใกล้กับชุมชน
เด็กนักเรียนในชนบทส่วนใหญ่ต้องทำงานบ้านช่วยเหลือพ่อแม่ก่อนถึงจะมีเวลาไปอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน อย่างเช่น “ด.ญ.ศศิกานต์ เรืองแหล่ และด.ญ.ยุพา เรืองชัย” นร.ชั้นม.2 โรงเรียนบ้านแดงน้อย ทั้งคู่่อาศัยกับญาติ เพราะพ่อแม่ไปทำงานในเมือง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคการใช้ชีวิตและการเรียน เกรดเฉลี่ยที่ได้ 3 กว่า ทำให้สามารถเรียนต่อด้านวิชาชีพได้ไม่ลำบาก ทั้งสองเป็นเพื่อนกันและจะไปเรียน “บัญชี”ที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาขอนแก่นด้วยกันหลังเรียนจบชั้นม. 3
“เหตุผลที่ไปเรียนสายอาชีพ เพราะเห็นช่องทางว่าเรียนจบแล้วจะมีงานทำ และอีกอย่างที่โรงเรียนก็สถาบันการศึกษาสายอาชีพเข้าไปแนะแนวการเรียนต่อเป็นประจำ ที่สำคัญผู้ปกครองก็ให้การสนับสนุนเรียนสายอาชีพด้วย”นร.ทั้ง 2 ช่วยกันเล่า
การที่หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึกศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)และสำนักพิมพ์ชั้นนำ จัดโครงการ“มอบหนังสือเป็นสื่อแทนใจ”ครั้งที่ 9 ให้กับโรงเรียนบ้านแดงน้อยในครั้งนี้จึงถือว่าเป็นเรื่องดีมีประโยชน์มาก เพราะจะทำให้นักเรียนทั้ง 260 คนได้อ่านหนังสือและเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆมากยิ่งขึ้น
"กิตติศักดิ์ บอกว่า โรงเรียนยังขาดแคลนหนังสืือ สื่อ อุปกรณ์การศึกษาอีกมาก โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่จะให้นักเรียนได้สืบค้นองค์ความรู้ต่างๆ แต่การที่ได้รับ “น่้ำใจ” ที่แบ่งปันในครั้งนี้ก๋็นับว่าเป็นการได้รับโอกาสที่มากยิ่งแล้ว จะนำหนังสือที่ได้ในครั้งนี้ไปใช้ให้กเิดประโยชน์กับนักเรียน ชุมชนให้มากที่สุด
ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้เปิดรับนักเรียนระดับปฐมวัยตามนโยบายของรัฐบาล แต่ด้วยความที่ครูไม่เพียงพอ ทำให้ต้องจัดการศึกษาแบบรวมชั้น อนุบาล 1-3 เรียนรวมกันไปก่อน ซึ่ง “ครูส้มโอ-ภาณี ไชยทองศรี” ครูสอนอนุบาลบอกว่าหนังสือนิทานที่ได้รับแบ่งปันในครั้งนี้ จะทำให้การเรียนของเด็กๆสนุกมากขึ้น เพราะเด็กเล็กๆชอบฟังนิทาน เล่น ไม่ได้ชอบเรียนวิชาการมากนักการเรียนการสอนที่เน้นเตรียมความพร้อมตามวัยด้วยการส่งเสริมการอ่าน เล่านิทานให้เด็กๆฟังจึงเป็นการเรียน ปนเล่น ที่ทำให้เด็กๆสนุกและอยากมาโรงเรียน
“การสอนแบบเตรียมความพร้อมเน้นเรียนปนเล่นจะทำให้เด็กมีการพัฒนาสมรรถนะตามวัย เพื่อพ้นจากวัยอนุบาลไปเรียนก็สอนเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ เน้นอ่านออกเขียนได้ มีวินัยเคารพกติกาของสังคมอยู่ร่วมกับคนอื่นๆได้ สื่อสารและบวกเลขได้ พอถึงชั้นป.3 จะทำให้เด็กๆสามารถเรียนรู้ต่อยอดในชั้นประถมปลายได้ดียิ่งขึ้น” ครูส้มโอ กล่าว
สำหรับโครงการ“มอบหนังสือเป็นสื่อแทนใจ” “ครูจริยา หวังเชิดชูเกียรติ์ ”หัวหน้างานห้องสมุดโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)" บอกว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 9 ได้จัดต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อต้องการการส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และแสดงน้ำใจให้กับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน เพื่อให้เด็กๆ ผู้ด้อยโอกาส ได้รับของขวัญที่มีประโยชน์ มีคุณค่าต่อการเสริมสร้างปัญญา และนำไปพัฒนาตนเองต่อไปได้
ช่วยสร้างสังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้และการแบ่งปันที่สำคัญเป็นนโยบายของผู้บริหารสถานศึกษาแห่งนี้ที่ต้องการส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้รู้จักการให้และการแบ่งปันสิ่งของให้แก่เพื่อนๆผู้ด้อยโอกาสและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร
โดยตลอดเดือนธันวาคม 60 ถึงวันที่ 11 มกราคม 61 รับบริจาคสิ่งของที่ใช้แล้วแต่ยังคงอยู่ในสภาพดี อาทิ หนังสือ ของเล่น ตุ๊กตา อุปกรณ์กีฬา กระเป๋านักเรียน เครื่องเขียน ฯลฯ
โดยนักเรียนสามารถนำมาบริจาคได้ที่ ศูนย์หนังสือบดินทรเดชา (เครือข่ายศูนย์หนังสือจุฬาฯ) และ ทำพิธีมอบหน้าเสาธง วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาโดยมีนาวาตรีหญิงพิมพร เทียนอุดม รองผู้อำนวยการโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นประธานในพิธี และคณะผู้บริหารร่วมเป็นสักขีพยาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง