Lifestyle

ไขก๊อก "Social Movement"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

Social Movement “คำถาม” ที่ดังสะเทือนเวทีนางงามระดับโลก และสร้างความสงสัยว่า อะไร คือ Social Movement ในความจริงแล้ว Social Movement คือสิ่งที่มีมานานแล้ว

         โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญในยุคของการมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 คือกลุ่มเด็ก และเยาวชน Generation Z (พ.ศ.2538-2552) ซึ่งเกิดและเติบโตมาในยุคเทคโนโลยีและโซเซียลเน็ตเวิร์ค มีความพร้อมรับข้อมูลหลากหลายผ่านสื่อดิจิตอล มีความคิดและแนวทางอิสระเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน ให้ความสนใจเรื่องรอบตัวในหลากมิติ ทั้งศิลปะ สิ่งแวดล้อมและสังคม จึงสามารถคิดและทำอะไรได้หลากหลายในเวลาเดียวกัน ซึ่งเหมาะกับโลกที่มีการแข่งขันสูง

            ตัวอย่างของแรงขับเคลื่อนสังคมที่เป็นพลวัตและพลังสำคัญของสังคมคือ นักศึกษาจาก 8 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง มหาวิทยาลัยแม่โจ้  มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ และเครือข่ายเยาวชน 2กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสมัชชาเยาวชนชาวไทยภูเขา จังหวัดน่าน และกลุ่มเยาวชนเคียงริมโขง จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการเยาวชนสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมภาคเหนือตอนบน โดยมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทย จากการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพัฒนากลไกเครือข่ายเยาวชนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ให้มีความตื่นตัวและสนใจพัฒนาศักยภาพตนเองพร้อมกับการพัฒนาชุมชนและสังคม ให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในอนาคต

ไขก๊อก "Social Movement"

            งานจอย ปอยละอ่อน “ฮ่วมกึ๊ด ฮ่วมแฮง ฮ่วมสร้างสรรค์สังคม” ณ โรงเรียนบ้านแม่อ้อ ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จ.เชียงราย เป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์และเปิดโอกาสให้เยาวชน นักศึกษานำเสนอบทเรียน องค์ความรู้ที่ดำเนินงานมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี โดยใช้พื้นที่หมู่ที่ 1 บ้านแม่อ้อ เป็นกรณีศึกษาปัญหาจริงในชุมชนเพื่อร่วมกันแก้ไขและผลักให้ขับเคลื่อนต่อไปได้

            “น้องดรีม”  นายวรากร ใจยา ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า กิจกรรมที่เยาวชน นักศึกษาได้ทำร่วมกันเป็นการเปิดพื้นที่ทางความคิดและอุดมการณ์ โดยมีความมุ่งหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนงานเพื่อพัฒนากลไกเครือข่ายเยาวชน นักศึกษาในมหาวิทยาลัยพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ให้มีความตื่นตัวและสนใจในการพัฒนาศักยภาพตนเองพร้อมไปกับการพัฒนาชุมชนและสังคม เพื่อสร้างความเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในอนาคต โดยมุ่งเน้นใช้ชุมชนเป็นพื้นที่การเรียนรู้ (Area Focused) ใช้การตั้งโจทย์หรือคำถามเพื่อให้เกิดการคิดร่วมและช่วยกันหาคำตอบ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้นี้ จะเป็นแรงผลักเพื่อยกระดับทัศนคติ มุมมองและศักยภาพของเยาวชน เพื่อให้เป็นพลเมืองที่ตื่นรู้ (Youth Active Citizens) เท่าทันและเข้าใจ พร้อมทั้งเป็นแกนกลไกในการพัฒนาระบบสุขภาวะที่จะทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ที่เคลื่อนตัวเร็ว

ไขก๊อก "Social Movement"

            นายธนวัฒน์ วงศ์ใจ ประธานชมรมรากดิน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ทำการศึกษาวิจัยเรื่อง “สุขภาวะชุมชน บนมิติรายได้ครัวเรือนของประชาชนลุ่มแม่น้ำอ้อ” ใน 3 ชุมชน ได้แก่ บ้านแม่อ้อใน  แม่อ้อสันติ และบ้านสันสลี เป็นเวลากว่า 3 เดือน เพื่อตอบคำถาม “เงินสำคัญแค่ไหน?” ซึ่งคำตอบมีหลายแบบ บางคนตอบว่าแค่ปัจจัยภายนอก บางคนอาจจะตอบว่าเท่ากับทั้งชีวิต ถึงแม้ว่า ปัจจุบัน “เงิน” เป็นตัวที่จะขับเคลื่อนสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ มีอยู่ ดับไป และขณะนี้เงินอยู่เหนือปัจจัย 4 ที่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของมนุษย์ ดังนั้น ถ้าเรามีเงินมากเราจะมีความสุขจริงหรือไม่? เมื่อเงินไม่สามารถซื้อเวลาหรือบางสิ่งที่สูญเสียไปให้กลับมาได้ สิ่งนั่นคือ ความสุข

            ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้ศึกษาใน 4 ประเด็น คือ 1)ความมั่นคงทางอาหาร ประชาชนลุ่มแม่น้ำอ้อ ทำอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 90 ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิม แต่พบปัญหากระดูกสันหลังของชาติมีความจนเข้ามากล้ำกราย มีผลผลิตและรายได้ 1 ครั้งต่อปี และขึ้นกับฝนฟ้าอากาศ ชีวิตติดลบเป็นหนี้ 2) ภาษีสังคม งานศพ งานบวช งานแต่ง งานบุญ ภาษีนา มีความสำคัญเชิงความสัมพันธ์ภายในชุมชน 3) โจรเสื้อขาว ครัวเรือนมีบุตร 2-3 คน คาดหวังให้บุตรเรียนสูงๆ แต่ไม่ได้วางแผนด้านการศึกษา จึงต้องกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ยาวนาน ค่าเฉลี่ยในการส่งบุตรเรียนถึงระดับปริญญา566,666 บาท 4) กลุ่มโรค NCDs ชุมชนบ้านแม่อ้อมี 3 โรคลำดับต้นๆ เบาหวาน ความดันโลหิต และโรคไต ส่งผลถึงการรักษา ที่ยังต้องเสียค่าใช้จ่าย

            ประเด็นปัญหาที่ศึกษา เป็นสิ่งที่เกิดและกระทบต่อสุขภาวะชุมชน นั่นคือ “ความสุข” ทั้งทางกาย ใจและการมีปฏิสัมพันธ์ต่อบุคคลรอบข้างที่ทุกคนต้องช่วยกัน เพื่อจะได้รู้ว่าแม่อ้อต้องการอะไรต่อไปจากนี้ จึงต้องรู้จักแก้ไขปัญหา และอยู่กับปัญหาอย่างมีความสุขให้ได้ ในฐานะเยาวชนจึงอยากร่วมสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคม ชุมชน ประเทศชาติ ให้ดูดียิ่งขึ้น สวยงามมากขึ้น และอยากเป็นตัวแทนในการส่งต่อข้อมูลให้ผู้นำชุมชน คนในชุมชน ได้นำผลที่ได้ทำการศึกษาไปปรับใช้ แต่การเปลี่ยนแปลงสังคมหรือสร้างสังคม ต้องเริ่มจากจุดเล็กๆ โดยเริ่มต้นจากครอบครัว ขยับต่อไปยังชุมชน สังคมและประเทศชาติ

ไขก๊อก "Social Movement"

            นายบุญเชิด ติ๊บมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 กล่าวว่า ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน รู้สึกปลื้มใจอย่างมาก เมื่อเด็ก เยาวชน ไปศึกษาจนจบการศึกษามีงานทำและกลับมาช่วยชุมชน ไม่ลืมบ้านเกิดของตนเอง ดังเช่นน้องดรีม ซึ่งคนในชุมชนยกเป็นต้นแบบให้กับเด็กรุ่นหลัง เนื่องจากปัจจุบันเด็กมักลืมบ้านเกิดละทิ้งบ้านไปศึกษาในเมืองและไม่กลับมา การมีโครงการฯ กิจกรรมดีๆ ที่ลงสู่ปัญหาของคนในชุมชนจริงๆ ชาวบ้านในชุมชนให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะการนำความรู้มาถ่ายทอด แนะแนวทาง ทั้งการศึกษา วัฒนธรรม ประเพณี ที่ควรสืบทอดให้คงอยู่ต่อไป เพื่อให้เด็ก เยาวชนในพื้นที่ได้ปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตของความเป็นชนบทและเมืองของชาวเมืองเหนือ

        “โครงการมีประโยชน์กับทั้งชุมชน ผู้ปกครอง เด็ก เยาวชน คนทุกช่วงวัยได้มาสานสัมพันธ์ร่วมกัน มีการสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น ชุมชนของเรามีปัญหาเรื่องเกษตรกรรม ขาดความรู้ด้านเกษตรแนวใหม่ อีกประเด็นสำคัญเรายังมีเด็ก เยาวชนที่ยังขาดคนดูแล ไม่มีพ่อ แม่ มีความเสี่ยงในการประพฤติไปในทางที่ไม่ดีจำนวนมาก อยากให้โครงการเกิดการต่อยอดต่อไป เพื่อความต่อเนื่องเพื่อชุมชนจะได้ปรับสถานการณ์ระหว่างเด็กบ้านนอกและในเมือง โดยให้น้องๆ เยาวชน เข้ามาเป็นต้นแบบที่ดีและช่วยให้คำแนะนำให้เขามีแนวทางดำเนินชีวิตที่ดี” ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 กล่าว

ไขก๊อก "Social Movement"

          ด้านนางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวว่า การสนับสนุนให้เยาวชนมีทักษะที่เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตได้ในอนาคต ได้แก่ ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะชีวิตและการทำงาน และทักษะด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เพื่อเติบโตต่อไปเป็นพลเมืองคุณภาพของไทยคือ เป็นคนที่มีความรับผิดชอบ พอเพียง มีวินัย สุจริต และมีจิตสาธารณะ ดังนั้น การขับเคลื่อนงานของเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั้ง 10 กลุ่ม จึงเป็นตัวอย่างที่ดีทำให้เห็นถึงผลการทำงานอย่างเป็นรูปธรรม เห็นพลังสร้างสรรค์ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ได้ทำงานกันเป็นเครือข่าย ทั้งกลุ่มสถาบันการศึกษา กลุ่มเด็กและเยาวชนในพื้นที่ ร่วมกับองค์กรต่าง ๆ โดยมีผู้ใหญ่ใจดีในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำชุมชน องค์กรภาคี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ โดยมีพี่ ๆ จากมูลนิธิภูมิพลังชุมชนไทย เป็นแกนกลางในการประสานการขับเคลื่อนงานในพื้นที่

            “การขับเคลื่อนของเครือข่ายเยาวชนสร้างสรรค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคมภาคเหนือตอนบน นับว่าเป็นการเปิดมุมมองของผู้ใหญ่หลาย ๆ คนให้เห็นถึงพลัง ความสามารถของกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่และกลุ่มเยาวชน นักศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้มีโอกาสเข้าใจถึงปัญหาความทุกข์ใจของชุมชน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหา ซึ่งหวังว่า เมื่อน้อง ๆ ได้เติบโตและจบการศึกษาแล้ว โอกาสและประสบการณ์ที่ดีในวันนี้ ที่เกิดจากการร่วมเรียนรู้กับชุมชน จะทำให้เข้าใจถึงหัวอกของชาวบ้าน เข้าใจปัญหา และเชื่อว่าทุกคนจะเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ สามารถที่จะขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยสิ่งที่พวกเราได้ทำอยู่นี้คือ การเคลื่อนไหวทางสังคมหรือ “Social Movement” แม้จะขับเคลื่อนกันในพื้นที่เล็ก ๆ แต่มันจะยิ่งใหญ่ในอนาคตต่อไปได้อย่างแน่นอน”

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ