Lifestyle

สมเด็จพระเทพฯพระราชทาน“การบูร”เป็นต้นไม้ประจำสาธารณสุข

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมเด็จพระเทพฯพระราชทาน “การบูร”เป็นต้นไม้ประจำกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาส 100 ปีการสาธารณสุขไทย  ไม้ใหญ่อายุยืน ประโยชน์ต่อสุขภาพ มีสรรพคุณทางยา

          เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2560 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) พร้อมด้วยผู้บริหารสธ.แถลงข่าว “100 ปี การสาธารณสุขไทย”ว่า ในโอกาสที่ก้าวเข้าวาระ 100 ปีของการสาธารณสุขไทย ในปี 2561 กระทรวงสาธารณสุขได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานต้นการบูรให้เป็นต้นไม้ประจำกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเป็นไม้ยืนต้น อายุยืน  มีประโยชน์ในการดูแลสุขภาพและมีสรรพคุณทางยา  ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเกือบ 100 ปีกระทรวงสาธารณสุขไม่เคยมีต้นไม้ประจำกระทรวงมาก่อน และการบูรยังไม่มีจังหวัดหรือมหาวิทยาลัยใดใช้เป็นต้นไม้ประจำองค์กร ทั้งนี้ สธ.จะมีการรณรงค์ให้มีการปลูกในพื้นที่ของหน่วยงานสังกัดสธ.เป้าหมาย 1 ล้านต้นทั่วประเทศ

            “การขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปการสาธารณสุขเป็นระบบสาธารณสุข 4.0 จะไม่ใช่เป็ฯฝ่ายรับแต่จะเป็นเชิงรุก โดยเฉพาะการแพทย์ปฐมภูมิ ที่จะมีคลินิกหมอครอบครัว ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัวและทีมบุคลากรลงไปดูแลสุขภาพประชาชนถึงในระดับตำบล คาดว่าในอีก 10 ปี จะมีได้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงเรื่องอื่นด้วย โดยระบบสุขภาพต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทสังคมปัจจุบัน หวังว่าก่อนถึง 100 ปีในปีหน้าจะมีรูปแบบปฏิรูประบบสุขภาพเกิดขึ้น ที่เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ เพื่อเป้าหมายให้ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน”ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกลกล่าว

       นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารมว.สธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวว่า การปฏิรูปสาธารณสุข จะเน้น 4 ด้านสำคัญ คือ บริหารจัดการ รักษาพยาบาล การเงินการคลัง และคุ้มครองผู้บริโภค โดยแยกย่อยเป็น 12 ประเด็น แต่จะขับเคลื่อนเบื้องต้น 6 ประเด็นก่อน ได้แก่ 1.ระบบสุขภาพเป็นเอกภาพ 2.การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 3.ระบบการแพทย์ปฐมภูมิ 4.การให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน 5.ระบบการคลังหลักประกันสุขภาพ และ6.ระบบสารสนเทศ

       ด้านนพ.เกียรติคุณ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ต้นการบูร เป็นไม้ทรงพุ่มกว้างและทึบ มีความสูงของต้น 30 เมตร ลำต้นมีขนาดถึง 1.5 เมตร เปลือกต้นเป็นสีน้ำตาลลำต้น กิ่งเรียบไม่มีขน เนื้อไม้  สีน้ำตาลปนแดง มีสรรพคุณยา โดยพบว่าทุกส่วนของการบูรมีกลิ่นหอม โดยเฉพาะราก โคนต้น มีกลิ่นหอมมากกว่าส่วนอื่น  ในฤดูร้อน ใบ และเปลือกของต้นการบูรจะกลั่นน้ำมันออกมา ทำให้สดชื่น  ในผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยหลายชนิดมีการบูรเป็นส่วนผสม เนื่องจากให้กลิ่นหอมสดชื่น  หอมเย็น  ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสบายใจ  ซึ่งปัจจุบันที่มีการใช้เป็นการบูรสังเคราะห์ เพราะหากเป็นการบูรแท้จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000 บาท

        นอกจากนี้ยังพบว่า การบูรมีการใช้ในตำรับยาแผนไทยของชาติ  จากหลักฐานของศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) กว่า 100 ตำรับ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำราการแพทย์แผนไทยของชาติ และตำรับยาแผนไทยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 1) ตำราสรรพคุณยาไทยมีระบุว่า หากเป็นส่วนประกอบของยาใช้ภายใน  “การบูร” มีสรรพคุณบำรุงธาตุ ขับลม  ขับเสมหะ แก้ธาตุพิการ แน่นจุกเสียด ปวดท้อง ขับลมในลำไส้ กระจายลมทั้งปวง หากเป็นส่วนประกอบยาใช้ภายนอ “การบูร” มีสรรพคุณแก้คัน แก้ปวดตามเส้น แก้เคล็ดขัดยอก บวม แก้ปวดข้อ แก้พิษแมลงกัดต่อย กระตุ้นหัวใจ แก้อาการหน้ามืด เป็นต้น

 

 

           


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ