Lifestyle

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ดร.สุเมธ" ย้ำในหลวงร.9 สอนการด้วยการทำให้ดู แนะเรียนรู้ ทำตาม เปิดตัวครบ 9 เล่มตามรอยพระราชาใน 5 เส้นทางใหม่แหล่งเรียนรู้มีชวิตทั่วไทยต่อยอด E-book แอพลิเคชัน

         เปิดตัวหนังสือเดินทาง ตามรอยพระราชา 9 เล่ม 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้มีชีวิต โดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กระทรวงศึกษาธิการ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) ที่ศูนยการค้าสยามพารากอน  ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานที่ปรึกษาโครงการหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ในหลวงในใจคน เราจะสร้างเด็กไทยให้ เก่ง ดี มีคุณธรรมอย่างไร” พร้อมกันนี้ครอบครัวอ้อม พิยดา และน้องนาวา ดญ.พัชรนันท์ จุฑารัตนกุล ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้ตามรอยพระราชา        

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

           ดร.สุเมธ กล่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอนให้รู้จักชีวิต เพราะการเรียนหนังสือก็ให้มีชีวิต แต่เหมือนเดินตามฝรั่งสอนให้ร่ำรวย เอาประโยชน์สูงสุด แต่สุดท้ายไม่รู้จักบริหารชีวิต ในหลวงสอนให้รู้จักบริหารสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เป็นประโยชน์ ซึ่งสิ่งที่ในหลวงสอนก็ทรงทำให้ดูก่อน ก่อให้เกิดบทเรียนมากมาย เวลานี้เราพูดถึงโครงการของในหลวง 4,700 โครงการ ซึ่งไม่อยากให้สนใจว่ามีโครงการเท่าไหร่ แต่อยากให้สนใจว่าโครงการสอนอะไร สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้และเข้าใจสำคัญกว่าชีวิต เพื่อเหลือให้กับคนรุ่นต่อไป

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล (กลางเสื้อสีขาว)

            "ในหลวงสอนมา 70 ปีและผมได้เรียนตรงกับพระองค์ท่าน 35 ปี ไม่มีทีท่าว่าจะจบ แต่มหาบรมครูของผมหยุดสอนแล้ว ซึ่งประเทศไทยถ้าใส่ใจกันสักนิดเรารู้พอแล้ว แหล่งเรียนรู้ต่างๆเป็นสื่อให้เข้าใจ เข้าถึง และจบลงด้วยการพัฒนา ทุกสิ่งที่ท่านทำคือเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไทย ในหลวงสอนหมดแล้วและสอนด้วยการกระทำ จึงหวังว่าหนังสือเดินทางตามรอยพระราชาทำให้ประชาชนเข้าใจสิ่งที่ท่านสอนและนำมาปฏิบัติ เป็นแรงกระตุ้นให้เด็กและผู้ใหญ่ลงมือทำสักทีเพื่อรักษาให้ไปถึงรุ่นลูกหลานจนเกิดเป็นความยั่งยืน และยินดีที่บริษัทไอบีเอ็ม ร่วมสนับสนุนการทำแอพลิเคชั่นในยุคสื่อไอที เพื่อให้คนได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น"ดร.สุเมธ กล่าว   

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

            ดร.อุดม วงษ์สิงห์ ผู้แทนคณะทำงานหนังสือเดินทางตามรอยพระราชา นักวิชาการ สสค. กล่าวว่า หนังสือตามรอยพระราชามีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเข้าใจและเข้าถึงศาสตร์ของพระราชาที่ร่วมสมัย จากประสบการณ์จริงในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยจัดทำเป็นคู่มือการเดินทางสำหรับเยาวชน ครอบครัวและสถานศึกษา เพื่อให้เกิดพลังแห่งการเรียนรู้และเกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวหนังสือตามรอยพระราชาไปแล้ว 4 เส้นทาง และครั้งนี้เป็นการเปิดตัวเพิ่มอีก 5 เส้นทาง รวม 9 เล่ม 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้ โดยกระทรวงศึกษาธิการ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์  และ สสส. ร่วมสนับสนุนการจัดพิมพ์ รวมทั้งสิ้น 190,000 ชุด เพื่อกระจายในโรงเรียน เครือข่ายการศึกษาและจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งประชาชนทั่วไปที่สนใจสามารถติดต่อรับหนังสือได้ที่www.QLF.or.th

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

           นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว สสส. กล่าวว่า เนื้อหาสาระที่เยาวชนจะได้รับจากสื่อหนังสือและกิจกรรมตามรอยพระราชา จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ครบ 3H ในรูปแบบ Transformative Learning ซึ่งประกอบด้วย เรียนรู้ด้วยสมอง (Head) เรียนรู้ด้วยหัวใจ (Heart) และเรียนรู้จากการลงมือทำ (Hand) รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 คือ ความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์จากการได้เดินทางไปเรียนรู้ยังสถานที่จริง อีกทั้งยังสอดแทรกเนื้อหาส่งเสริมคุณธรรม ได้แก่ ทศพิธราชธรรมและคุณธรรม 4.0 คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของประเทศ ทั้งนี้ สสส.จะสนับสนุนให้เครือข่ายโรงเรียนสุขภาวะซึ่งบางแห่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงได้ร่วมเรียนรู้ผ่านแหล่งเรียนรู้ตามรอยพระราชาในพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมกับสนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มุ่งสอดแทรกและบูรณาการกับวิชาการเรียนเพื่อส่งผลถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ต่อไป

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

            นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะการนำศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9เป็นหลักในการดำเนินชีวิต จึงได้สนับสนุนเทคโนโลยีตามรอยพระราชาโดยพัฒนา E-Book เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าถึงหนังสือตามรอยพระราชาทั้ง 9 เล่ม 9 เส้นทางได้ พร้อมกับมีลูกเล่นผ่านตัวการ์ตูนเคลื่อนไหวเพื่อให้เด็กและเยาวชนสนุกกับการเรียนรู้และใช้เป็นแผนที่ไปยังสถานที่แหล่งเรียนรู้ที่มีชีวิตจริง โดยสามารถดาวโหลดได้ที่ www.QLF.or.th และในระยะต่อไปจะมีการพัฒนารูปแบบแอพลิเคชั่น เพื่อให้สามารถเช็คอินในสถานที่แหล่งเรียนรู้ รวมถึงการมองเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งมวลชน เพื่อแนะนำเส้นทางเดินทางไปยังแหล่งเรียนรู้ ปั้มน้ำมัน และร้านอาหารเพื่อให้ครบวงจรสำหรับครอบครัวหรือสถานศึกษาในการวางแผนการเดินทาง     

           สำหรับตัวอย่างแหล่งเรียนรู้มีชีวิตที่น่าสนใจในหนังสือตามรอยพระราชา 5 เส้นทางใหม่ อาทิ  1. เส้นทางภาคเหนือตอนล่าง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านห้วยปลาหลด จ.ตาก จุดเด่นคือ ทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์จากการดูแลของชุมชน จากเดิมที่เคยเป็นป่าเสื่อมโทรมกลับคืนสู่ป่าสมบูรณ์และเกษตรผสมผสานของชาวมูเซอเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่น 2. เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร จุดเด่นคือ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติมีชีวิตเพื่อแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกรให้เรียนรู้การพัฒนาที่ดิน แหล่งน้ำ ฟื้นฟูป่า ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์    

ตามรอยพ่อหลวงไปเรียนรู้-จดจำ-นำมาใช้

           3. เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง  มหาชีวาลัยอีสาน จ.บุรีรัมย์ จุดเด่นคือ การท่องป่า ไร่นา สวนผสมของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ปราชญ์ชาวบ้านผู้นำศาสตร์พระราชามาใช้พลิกฟื้นป่าบ้านเกิด 4. เส้นทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก โครงการหมู่บ้านชัยพัฒนา-กาชาดไทย บ้านทุ่งรัก จ.พังงา จุดเด่นคือ การท่องเที่ยววิถีชุมชนคนชาวเล เรียนรู้การประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน เลี้ยงปลาในกระชังเพื่อให้แก้ปัญหาความยากจนและขาดที่ดินทำกินจากเหตุการณ์สึนามิ และ 5. เส้นทางภาคกลาง โครงการคุ้งบางกะเจ้าเฉลิมพระเกียรติ  จ.สมุทรปราการ จุดเด่นคือ พื้นที่สีเขียวปอดขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ จากที่ในหลวง ร.9 ทรงนั่งเฮลิคอปเตอร์ผ่านพื้นที่สีเขียวของคุ้งบางกะเจ้า ทรงอยากรักษาพื้นที่นี้ไว้ให้เป็นปอดขนาดใหญ่ของคนเมือง ปัจจุบันต้นไม้ในคุ้งบางกะเจ้าช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 6,000 ตันต่อปี

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ