Lifestyle

สธ.เร่งวิจัย"ตำรับยามะเร็งแสงชัย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ.ดึงสมุนไพรรักษามะเร็ง"หมอแสง"มาวิจัย เน้นหาคำตอบ 2 ประเด็นสำคัญ คาดอย่างเร็วรู้ผลเบื้องต้นใน 3 เดือน    

        จากกรณีประชาชนที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งทั่วประเทศ เดินทางมารับยาสมุนไพรตำรับจากนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "หมอแสง" เจ้าของตำรับสมุนไพรบำบัดโรคมะเร็ง ที่จ.ปราจีนบุรีมากกว่า 5,000 คนต่อเดือน        

         เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยนายแสงชัย  ร่วมแถลงข่าวกรณีนี้ โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า  กรมการแพทย์แผนไทยฯ ในฐานะเป็นกรมวิชาการ เห็นว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ เพราะสมุนไพรมีจำนวนมากที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคได้ แต่ต้องผ่านการพิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ ทางกรมฯ จึงได้ประสานไปยัง นายแสงชัย และร่วมกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการดำเนินการวิจัยเพื่อให้เกิดความชัดเจน      

          “จะศึกษาใน 2 ประเด็น คือ 1.การศึกษาประสิทธิผลเบื้องต้นต่อเซลล์มะเร็งต่างๆ ในหลอดทดลอง รับผิดชอบโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ 2. การศึกษาลักษณะประชากรและประเมินกลุ่มเสี่ยงในผู้ป่วยมะเร็งที่มารับสมุนไพรรักษามะเร็งดังกล่าว  โดยจะมีการศึกษาเบื้องต้น คาดว่าใช้เวลา 3 เดือน หากได้ผลเป็นบวก ไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย จะนำไปสู่การพัฒนามาตรฐานวัตถุดิบและยาสำเร็จของตำรับต่อไป  คาดว่าหากถึงขั้นนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 ปีอย่างไรก็ตาม ยังคงย้ำเสมอว่า ผู้ป่วยมะเร็งจะต้องตรวจวินิจฉัยจากแพทย์แผนปัจจุบันก่อน การรักษาก็ยังต้องอิงตามแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนแพทย์แผนไทยจะเป็นทางเลือกคู่ขนาน ซึ่งการรักษาโรคต่างๆ สามารถรักษาร่วมกันระหว่างแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน"นพ.เกียรติภูมิ กล่าว         

       ต่อข้อถามนายแสงชัย จำเป็นต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานการผลิตสมุนไพรหรือไม่ รวมถึงเกณฑ์การจ่ายยาต้องได้รับขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า  สมุนไพรเป็นสารกึ่งยา ต้องมีกฎหมายเฉพาะ ซึ่งจะใช้กฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกฎหมายเฉพาะนั้น ขณะนี้กรมฯ ได้ผลักดันกฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งจะครอบคลุมการใช้ การผลิตสมุนไพร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ส่วนการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านนั้น ทางนายแสงชัยได้ส่งเรื่องเข้ามาขอขึ้นทะเบียนเช่นกัน โดยกรมฯอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดและเกณฑ์ต่างๆ  ซึ่งหมอพื้นบ้าน จะเป็นหมอที่ได้รับหนังสือรับรองหมอพื้นบ้าน เป็นผู้ที่มีบทบาทในการดูแลชาวบ้านในชุมชน ซึ่งอาจไม่มีใบประกอบโรคศิลปะแต่ต้องผ่านการรับรองจากกรมฯก่อน     

   

     ด้าน นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า  สำหรับขั้นตอนการศึกษาวิจัยนั้นจะมี 2 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนแรก  3 เดือน โดยจะเป็นการศึกษาประชาชนที่มารับยา ผู้ป่วยที่มารับ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 5,000-6,000 คนต่อเดือน เบื้องต้นขั้นต่ำจะเก็บข้อมูลประมาณ 2,000 คน ซึ่งจะเก็บข้อมูลที่ สถานีตำรวจภูธร(สภอ.)ปราจีนบุรี ซึ่งจะดูว่าป่วยเป็นมะเร็งชนิดใด มะเร็งระยะใด และได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างไรบ้าง  รวมทั้งที่ผ่านมารับยาไปแล้วอาการเป็นอย่างไร  ส่วนขั้นการทดลองสารจากยา หาความปลอดภัย ตรวจหาเชื้อปนเปื้อนหรือตรวจหาสเตียรอยด์ จะเป็นหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่วนสถาบันมะเร็งแห่งชาติจะตรวจในระดับหลอดทดลองว่า มะเร็งชนิดไหนตายจากยาตัวนี้บ้าง       

 

         “หากผลการตรวจในระยะแรกออกมาเป็นบวก ก็จะนำไปสู่การทดลองระยะที่ 2  ซึ่งจะเป็นช่วงเปิดสูตรต่อไป และนำไปสู่ความร่วมมือการผลิตในรูปของยาสมุนไพรในอนาคต ซึ่งกรณีนี้จะต้องให้ชัดเจนก่อนว่าสมุนไพรของ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ