ในอนาคต 5 - 10 ปีข้างหน้า พบว่า กว่าร้อยละ 70 ของแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่โดยจักรกล
โลกยุคใหม่เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แถมเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากมาย อย่าง เทคโนโลยี หุ่นยนต์ จักรกลอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ ทำให้งานหลายอย่างที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ต้องการในอนาคต ไปติดตามกับ 0 ชุลีพร อร่ามเนตร 0 คมชัดลึกออนไลน์
ขณะเดียวกันโอกาสการเข้าถึงข้อมูลและความรู้ใหม่ก็ขยายขอบเขตขึ้น ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าและการพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ อาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่างเรียกร้องให้ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่
เมื่อโลกเปลี่ยน ห้องเรียน การศึกษาก็ต้องปรับ เพื่อรับมือ ในงานเสวนาทางวิชาการ Job Security and Human Skills in the Age of Automation “ความมั่นคงทางอาชีพและทักษะที่จำเป็นของมนุษย์ในยุคจักรกลอัตโนมัติ” จัดโดย บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การแรงงานระหว่างประเทศ จัดเห็นเพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบจากเทคโนโลยีที่มีต่อความมั่นคงทางอาชีพ และคิดหาทางออกร่วมกัน เพื่อเตรียมเยาวชนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือกับอนาคต และมีชีวิตอยู่รอดในโลกที่ไม่เหมือนเดิม
วาริท จรัณยานนท์ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์แรงงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงไป ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดแรงงานในยุคจักรกลอัตโนมัติในช่วงทศวรรษหน้า ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาจำเป็นต้องหันมาใส่ใจกับความมั่นคงทางอาชีพและทักษะที่จำเป็นสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่
วาริท จรัณยานนท์
“โลกกำลังก้าวเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นวัตกรรมใหม่ๆ ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อทำงานที่เคยต้องใช้แรงงานมนุษย์ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ ดังนั้น เด็กรุ่นใหม่จึงจำเป็นต้องมีทักษะที่เครื่องจักรกลยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ นั่นคือ ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการคิดเชิงสร้างสรรค์ หรือที่นักการศึกษาเรียกว่าทักษะศตวรรษที่ 21 รวมถึงการเรียนการสอนต้องทำให้เด็กรู้จักการปรับตัว เรียนรู้ด้วยตนเองตลอดเวลา และรู้ถึงศักยภาพ ความชอบ ค้นพบตัวเอง ค้นพบอาชีพที่ตนเองต้องการได้”
จากการลงพื้นที่ทำงานร่วมกับโรงเรียนทั้งในเมืองและชนบท ร่วมยกระดับการพัฒนาครู และนักเรียนในโครงการ “Samsung Smart Learning Center ซัมซุง สร้างพลังการเรียนรู้สู่อนาคต” นายวาริท กล่าวต่อว่าเด็กไทยเป็นมีความเก่งไอซีที เขาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทางโรงเรียน หลักสูตรยังไม่ได้เติมเต็มให้แก่พวกเขามากพอ คือการปรับตัว คิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสาร การทำงานความกับผู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ โดยทุกฝ่ายต้องเร่งพัฒนากระบวนการปลูกฝังทักษะศตวรรษที่ 21 เพื่อเป็นหลักประกันว่าเยาวชนไทยจะสามารถปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นได้
ปี 2016 องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) ได้เผยแพร่งานวิจัยในหัวข้อ “อาเซียนในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน: เทคโนโลยีจะเปลี่ยนตลาดงานและธุรกิจไปอย่างไร” (ASEAN in Transformation: How Technology is Changing Jobs and Enterprises)
ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีต่อ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ 1. ยานยนต์ 2. ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 3. สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และรองเท้า 4. รับเหมาช่วง (Business process outsourcing) และ 5. ค้าปลีก
จากงานวิจัยดังกล่าว ในอนาคต 5 - 10 ปีข้างหน้า พบว่า กว่าร้อยละ 70 ของแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่โดยจักรกลอัตโนมัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานประกอบชิ้นส่วนและสายงานทักษะต่ำ ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ร้อยละ 68 ของแรงงานในประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ด้วยเช่นกัน
สอดคล้องกับรายงานขององค์กรหุ่นยนต์นานาชาติ (International Federation of Robotics : IFR) ที่คาดการณ์ว่า ในปี 2562 โรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกจะมีการติดตั้งหุ่นยนต์และจักรกลอัตโนมัติกว่า 1.4 ล้านเครื่องงานวิจัยยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องพัฒนาทักษะ STEM ในหมู่แรงงานทั่วไป ขณะที่การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ Big data analytics Internet of Things และการตลาดดิจิทัล (Digital marketing) ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาดงานในภูมิภาคอาเซียน
รศ.ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา
รศ.ดร.เอก ตั้งทรัพย์วัฒนา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่าเทคโนโลยี จักรกล มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและคนอย่างมหาศาล ซึ่งหลายคนอาจกล่าวว่าใช้ประสบการณ์เป็นเครื่องในการเรียนรู้ หรือแก้ไขปัญหา อ แต่ตอนนี้อาจจะไม่สามารถทำได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นรวดเร็ว ซับซ้อน หรือมีความขัดแย้งในตัวเอง ถ้าเราไม่พร้อมรับมือ ไม่ปรับตัวทำให้เกิดความลำบากในการทำงาน อีกทั้งเทคโนโลยีทำให้บางอาชีพหายไป และทดแทนด้วยอาชีพใหม่ๆ ทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษาและภาคเอกชนต้องหาทางออกในเรื่องนี้ร่วมกัน หากปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐอาจช้าเกินไป
รศ. แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่าเครื่องจักรไม่ได้เป็นศัตรูของคน เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหากไม่มีกลไกที่เข้ามาช่วยจัดสรรความเจริญจากเทคโนโลยี และหลักประกันว่าแรงงาน มีอำนาจต่อรองที่เป็นธรรมหรือไม่ เข้าถึงประโยชน์ และแบ่งปันประโยชน์อย่างทั่วถึงอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ
รศ. แล ดิลกวิทยรัตน์
“หลายครั้งที่ทุกคนบอกว่าเรามีทางเลือก ถ้ารู้จักปรับตัว แต่ในความเป็นจริงถ้าเราเป็นนักเรียน เราสามารถเลือกเรียนในทิศทางที่มีอนาคตจริงๆ หรือไม่ หรือถ้าเราเป็นแรงงาน แรงงานสามารถเลือกฝึกฝน เพิ่มเติมทักษะแรงงาน อัพเกรดตัวเองได้หรือไม่ เพราะโลกแห่งความเป็นจริง การพัฒนาแรงงาน มักถูกจำกัดด้วยหลายเงื่อนไข และแรงงานเองก็มีพันธะที่รัดตัว เหนี่ยวรั้งไม่ให้ปฏิบัติ พัฒนาตนเองได้ การเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่แรงงานอย่ามองว่าอยู่ในสุญญากาศ ต้องมองว่าเราอยู่ในสังคมที่มีพันธะมากมายรัดตัวไว้ การศึกษา รัฐบาล ภาคเอกชนทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องนี้ ให้เข้าถึงความเป็นไปได้” รศ. แล กล่าว
การเตรียมตัวแรงงานสู่ยุคจักรกลอัตโนมัติ มี 2 เรื่องที่ต้องทำ คือ 1.องค์กรลูกจ้าง สหภาพแรงงานมีส่วนร่วมมากน้อยขนาดไหน ให้โอกาสตัวแทนแรงงานทั้งในการกำหนดทิศทาง หลักสูตร และอัตราผลตอบแทน 2.รัฐต้องดูแล ชดเชยแรงงานที่ต้องสูญเสียโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงนี้ ต้องทำการเลิกจ้างให้มีราคาที่แพงมากขึ้น เพื่อให้สถานประกอบการเน้นการเพิ่มเติมทักษะแก่แรงงานรองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง เพราะถ้าการเลิกจ้างถูกก็ทำให้เกิดตกงานมากยิ่งขึ้นความก้าวหน้าของโลกเทคโนโลยีต้องเป็นสิ่งที่ส่งเสริมคุณภาพของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งที่คุกคามมนุษย์
ดังนั้น ภาครัฐต้องข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการที่ส่งเสริมให้แรงงาน ทรัพยากรบุคคลของประเทศรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น , ภาคการศึกษาต้องร่วมผลิต สร้างทักษะที่จำเป็นของคนในยุคจักรกลอัตโนมัติ และภาคเอกชน ร่วมพัฒนาศักยภาพ ทักษะของแรงงาน กลไกเหล่านี้ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง