"พระเสด็จสู่ฟ้า ราษฎร์ล้วนอาลัย" คัดสรรบทกวีจากใจคนไทย 189 บท จาก 10,000 บทแสดงความอาลัยในหลวงร.9 หนึ่งในจดหมายเหตุงานพระราชพิธี
กวีนิพนธ์จากหัวใจชาวไทยแสดงความอาลัย ด้วยน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมรำลึกแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นับ 10,000 บทนับตั้งแต่เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ส่งเข้ามาให้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ถูกคัดสรรจนได้ 189 บท ที่มีเนื้อหาและใช้ถ้อยคำงดงาม สมพระเกียรติ บรรจุไว้ในหนังสือ "พระเสด็จสู่ฟ้า ราษฎร์ล้วนอาลัย" หนึ่งในจดหมายเหตุงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9
“บทกวี "ถามจันทร์" ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เขียนขึ้นในคืนวันลอยกระทงเมื่อปี 2559 เป็นปีแรกที่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่ได้เห็นพระองค์เสด็จลงมาลอยพระประทีปที่ท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช ค่ำวันนั้นเป็นคืน 15 ค่ำ พระจันทร์กลมโตเต็มดวงสวยเหมือนเช่นทุกปี แต่คนไทยทุกคนกลับรู้สึกเศร้า ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ทุกดวงใจหลอมรวมในเรื่องเดียวกัน คนไทยร้องไห้ในเรื่องเดียวกัน และเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงถ่ายทอดความรู้สึกผ่านงานวรรณศิลป์”นายอภิชาติ ดำดี นักเขียน เล่าถึงบทกวีที่ประพันธ์ขึ้น และได้รับคัดเลือกบรรจุในหนังสือ "พระเสด็จสู่ฟ้า ราษฎร์ล้วนอาลัย"
นายอภิชาต บอกด้วยว่า สาเหตุที่เขียนเชื่อมโยงกับพระจันทร์นั้น เป็นความตั้งใจเพราะต้องการสื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าระยะทางระหว่างโลกและดวงจันทร์ ห่างกันถึง 3.6 แสนกิโลเมตร ขณะที่ตลอดระยะเวลา 70 ปีในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเดินทางไปทั่วประเทศปีละ 25,000 กิโลเมตร เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรชาวไทยทุกคนมากกว่าระยะทางจากโลกไปดวงจันทร์
เช่นเดียวกับ นายชัยพร ทับพวาธินท์ คีตศิลปินอาวุโส สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เล่าถึงความรู้สึกในวันที่ประพันธ์บทกวีด้วยเสียงสั่นเครือ ว่า ทันทีที่สำนักพระราชวังออกประกาศการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนรู้สึกเช่นเดียวกันคนไทยทั้งประเทศ ในคืนนั้นได้เขียนบทกลอนไปร้องไห้ไปได้ถึง 13 บทกลอน จากนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรต่อได้อีกเลย ซึ่งการที่บทกวีที่แต่งได้รับคัดเลือกมารวมรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ ถามว่าภาคภูมิใจไหมก็รู้สึกภูมิใจ แต่เป็นความภูมิใจที่มีแทรกด้วยความโศกเศร้า เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่ก็ขอเป็นตัวแทนประชาชนทำหน้าที่ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์ และตั้งใจจะทำงานเพื่อถวายงานแก่พระองค์ซึ่งจะไม่ใช่การถวายงานครั้งสุดท้ายแต่จะทำและรำลึกถึงพระองค์ท่านตลอดไป
ขณะที่ น.ส.สิริพร บุตรฉา ชั้นม.5 โรงเรียนวัดสระแก้ว (รุ่งโรจน์ธนะกุล อุปถัมภ์) กล่าวว่า ในคืนที่ 13 ตุลาคมที่ทราบว่าในหลวงสวรรคต ตนกับเพื่อนรู้สึกเศร้า ที่ผ่านมาติดตามพระอาการ และสวดมนต์ถวายแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 อยู่เสมอ เพราะพระองค์มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเราทุกคนอย่างมาก เพราะโรงเรียนของเราเป็นเหมือนสถานสงเคราะห์มีเด็กกำพร้า เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่สูงมาประมาณ 2,000 กว่าคน ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กับโรงเรียนทุกเดือนๆละ 4.5 แสนบาท เพื่อเป็นค่าอาหารกลางวันให้เด็กทุกคนในโรงเรียนมีประมาณ 2,000 กว่าคน ที่ผ่านมาพวกเราทุกคนได้น้อมนำคำสอนมาใช้ในการดำเนินชีวิต เช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
"เมื่อรู้ว่าพระองค์เสด็จสวรรคตรุ่งขึ้นในวันที่ 14 ต.ค.หนูกับพื่อนอีก 4 คนจึงร่วมกันแต่งกลอนเพื่อถวายอาลัยใช้เวลาเพียง 1 วันก็แต่งเสร็จเรียบร้อยและนำไปให้หลวงพ่อช่วยดู โดยบทกลอนสื่อถึงความโศกเศร้า พระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจที่ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคน แม้ในวันนี้ความโศกเศร้าจะยังมีอยู่ แต่พวกตนจะแปรเปลี่ยนให้เป็นพลัง ดำเนินรอยตามคำสอนให้ดีที่สุด"น.ส.สิริพร กล่าว
นายภูริทัต หงส์วิวัฒน์ นักศึกษาคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวเสด็จสวรรคตในคืนวันที่ 13 ตุลาคม รู้สึกเสียใจอย่างมากเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ จนเก็บความรู้สึกไม่ไหวบรรยายออกมาผ่านบทกลอน เขียนไปร้องไห้ไปและนำมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว และในคืนนั้นก็ร้องไห้จนกระทั่งหลับไป อย่างไรก็ตาม จะนำคำสอนของพระองค์ไปใช้ในการดำเนินชีวิต
ด้าน นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวระหว่างแถลงข่าวเปิดตัวหนัง “พระเสด็จสู่ฟ้า ราษฎร์ล้วนอาลัย” ว่า หนังสือดังกล่าวเป็น 1 ใน 11 รายการ หนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุ
“ทั้ง 189 บทนั้นได้คัดสรรมาจากบทกวีที่มีผู้ส่งและที่ วธ.ไปรวบรวมผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆกว่า 10,000 บท ส่วนที่คัดเลือกเพียง 189 บทนั้น มีความหมายถึงว่า เลข 1 หมายถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนายพิตร ทรงเป็นเอกบรมกษัตริย์ ส่วนเลข 89 หมายถึงพระชนมายุในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งนี้ จะมีการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าว 15,000 เล่มส่งไปยังห้องสมุดประชาชน หน่วยงานราชการ และจัดทำอีบุ๊ค ให้สามารถดาวน์โหลดผ่านเว็บไซต์ วธ. ส่วนบทกวีที่ไม่ได้รับคัดเลือกจะนำไปเก็บรักษาไว้ที่
ม.ร.ว. อรฉัตร ซองทอง คณะทำงานคัดเลือกคัดเลือกบทกวีนิพนธ์ กล่าวว่า เมื่อทราบว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต รู้เสียใจเป็นอย่างมาก และได้นั่งดูถ่ายทอดสดรถพระที่นั่งเคลื่อนพระบรมศพออกมาจากโรงพยาบาลศิริราช ในวันที่ 14 ตุลาคม 2559 ความเสียใจถูกส่งผ่านบทกลอน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด และได้น้ำบทกลอนดังกล่าวมาบรรจุไว้ในหนังสือเล่มนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีผู้ส่งบทกวีมาให้คัดเลือกจำนวนมาก จากเคยคิดว่า บทกวี กำลังจะสูญหาย แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็น ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งกวี เพราะผู้ที่ส่งบทกวีมาให้คัดเลือกมีตั้งคนอายุ 90 ปี จนถึงเด็กประถม ทั้งนี้การคัดเลือกจะเน้นความถูกต้องตามฉันทลักษณ์ อย่างถูกต้อง มีเนื้อหาที่เหมาะสม สมพระเกียรติ ทั้งนี้ทุกบทกวีที่ส่งเข้ามาให้คัดเลือกล้วนมีความหมายที่ดี ลึกซึ้ง สื่อถึงความเศร้าโศกเสียใจ และความรักที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9
ข่าวที่เกี่ยวข้อง