Lifestyle

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

1 ปีแห่งการสวรรคต ประชาชนยังคงหนาแน่น รพ.ศิริราช เช่นเดิม มีเพียงการแสดงออกถึงความรู้สึกเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงไป !!!!

        จากความเสียใจอย่างที่สุด ร้องไห้คร่ำครวญ แปรเปลี่ยนเป็นความเสียใจจุกแน่นอยู่ลึกๆ ภายในอก ที่เมื่อเอื้อนเอ่ยพระนามในหลวงรัชกาลที่ 9 ครั้งใด น้ำเสียงจะสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า แต่ขณะเดียวกันต่างพูดเหมือนกันว่า “จะเดินตามรอยพระบาท” อันเป็นเครื่องสะท้อนว่า 365 วัน คนไทยยังมีรอยน้ำตา แต่จิตใจเข้มแข็งขึ้น

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

          13 ตุลาคม 2559 ที่รพ.ศิริราช ประชาชนหนาแน่น ช่วงเวลากลางวันต่างอยู่ในอาการสงบนิ่ง ร่วมกันสวดมนต์ถวายพระพรแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งประทับรักษาพระอาการประชวร ณ ชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ จวบจนช่วงค่ำ สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ เสด็จสวรรคต ความสงบนิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ระงม บ้างตะโกน “ไม่จริง ไม่เชื่อ”

          ผ่านล่วงเป็นเวลา 1 ปี สถานที่เดียวกัน ประชาชนยังคงหนาแน่นเช่นเดิมตั้งแต่เช้าเพื่อร่วมกันทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ก่อนที่ช่วงเวลา 15.52 น. เวลาที่เสด็จสวรรคต มีการเจริญจิตภาวนา

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

        กระทั่งช่วงเวลาค่ำ ประชาชนยังหนาแน่นเต็มลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เพื่อร่วมพิธี “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” โดยต่างมองขึ้นไปยังชั้น 16 แล้วก้มกราบด้วยหัวใจอันอาดูร ก่อนร้องเพลง “ความฝันอันสูงสุด” เปรียบประหนึ่งคำสัญญาที่ถวายต่อพระองค์ท่าน

        ประชาชนชาวไทยที่เดินทางมาร่วมน้อมรำลึก ที่รพ.ศิริราช เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2560 ทั้งหมดมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน “คิดถึงพระองค์ท่านและตั้งใจน้อมนำคำสอนสู่การปฏิบัติด้วยหัวใจที่เข้มแข็งแม้จะมีรอยน้ำตา”

0 พูดไม่ได้ 0

         นายสมบุญ มะกรูดอินทร์ อายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาพร้อมครอบครัว เป็นหนึ่งในบุคคลที่เมื่อ “คม ชัด ลึก” ขอพูดคุยด้วย คำแรกที่ได้รับการตอบกลับมาคือ “พูดไม่ได้ ตื้นตันอยู่ในใจ” ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆ แดงขึ้นและมีน้ำตาคลอเบ้า เมื่อผ่านระยะหนึ่งจึงพอที่จะเริ่มพูดคุยสลับการหยุดเพราะ สมบุญมีเสียงสั่นเครือ พูดไม่ออกเป็นระยะๆ

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

           สมบุญ บอกว่า เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559 เดินทางไปลงนามถวายพระพรที่ศาลาสหทัยสมาคม ก่อนข้ามฟากมาสวดมนต์ที่ รพ.ศิริราช และได้รับการบอกกล่าวหลังจากนั้นว่า “ปิดการลงนาม” ความรู้สึกในใจตอนนั้นคือ “ไม่เชื่อ”

      สิ่งที่น้อมนำคำสอนของพ่อมาใช้ในการปฏิบัติ คือ “สูตร 30 30 30 10” เป็นหลักในการแบ่งส่วนต่างๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน หรือเงินที่หามาได้ เมื่อใช้ตามปัจจัยสี่แล้ว คือ ที่อยู่อาศัย 30 อาหารและยารักษาโรค 30 เครื่องนุ่งห่ม 30 ที่เหลือเก็บ 10 ส่วน เชื่อว่าถ้าชีวิตเราแบ่งส่วนได้ตามที่พระองค์สอน เราจะอยู่รอด เป็นสูตรสำเร็จ

          “ที่พาลูกๆ หลานๆ มาด้วย เพราะต้องการให้เขาได้รับรู้ถึงทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้แก่คนไทย ทรงเหนื่อยเพื่อใคร และรับรู้ว่าทำไมพระองค์ท่านถึงยิ่งใหญ่ ให้รับรู้ถึงพระคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อคนไทย ส่วนตัวพยายามปลูกฝังให้ลูกนำสูตรสำเร็จนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วย” นายสมบุญกล่าว

  0 นั่งมองจากตรงนี้เห็นชั้น 16 0

       จังหวะเวลาที่ลานพระราชานุสาวรีย์ฯ ไม่มีการจัดกิจกรรม ประชาชนจำนวนไม่น้อยต่างมานั่งและมองขึ้นไปยังชั้น 16 นางพิจิตรา อำภาไพ อายุ 50 ปี ก็เป็นหนึ่งในนั้น พร้อมถือพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 9 ขณะทรง “ปิดทองหลังพระ” บอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า นั่งมองจากตรงนี้รู้สึกเหมือนพระองค์ท่านยังอยู่กับเรา ยังมองพวกเราลงมาเสมอ เพราะเคยได้อยู่ในช่วงเวลาที่ประชาชนมาถวายพระพรและในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเปิดหน้าต่างออกมาทอดพระเนตร ทุกวันนี้บอกตัวเองว่า พระองค์ท่านยังอยู่ โดยอยู่ในใจเราเสมอ

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

        ที่บ้านมีหิ้งสำหรับประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 พระฉายาลักษณ์ สมเด็จบรมพระราชินีนาถ ในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ส่วนพระบรมสาทิสลักษณ์ที่เชิญมาในวันนี้ได้รับจากพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง จึงเป็นสิ่งที่คอยเตือนจิตใจเราว่า “หากทำความดี ก็ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างหรือให้ใครเห็นก็ได้ แต่จะเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมดีและน่าอยู่ขึ้น ”

     “แม้ 1 ปีที่ผ่านมาจะรู้สึกเสียใจตลอดที่พระองค์ท่านจากพวกเราไป แต่ก็มุ่งมั่นในการเดินตามรอยพระบาท ด้วยการน้อมนำคำสอนเรื่องความพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน เชื่อว่าจะเป็นหลักยึดที่ทำให้ชีวิตเราก้าวหน้า มีความสุข ไม่ทะเยอทะยานอยากมากจนเกินพอ และเมื่อยามท้อก็จะนึกถึงพระองค์ท่าน ทำให้มีพลังขึ้นมาสู้กับเรื่องต่างๆ เพราะที่ผ่านมาทรงเหนื่อยกว่าที่เราเจอหลายเท่า หากบอกพระองค์ท่านได้ อยากบอกว่า ลูกจะทำความดีตลอดไป ช่วยสังคมในสิ่งที่ช่วยได้ และรักพระองค์ท่าน ทรงอยู่ในใจเสมอ” นางพิจิตรากล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น

0 ถุงพระราชทานใบนั้น 0

        นางใหญ่ สังขเวก อายุ 79 ปี ที่ถือถุงสีน้ำตาลพร้อมข้อความ “พระราชทาน” เล่าว่า หลายปีก่อนเคยเข้ารับการผ่าตัดทั้งขา 2 ข้างและท้องที่ รพ.ศิริราช ตอนนั้นนึกขอพรจากในหลวงรัชกาลที่ 9 ว่าขอให้หายป่วยเร็วๆ และไม่เจ็บไม่ไข้อีก รักษาตัวจนหายดีกลับไปอยู่บ้านที่ จ.ราชบุรี เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านทรงพระประชวรและสำนักพระราชวังเปิดให้มีการลงนามถวายพระพร จึงนำมะม่วงจากสวน และต้นไม้ 5-6 ต้นมาทูลเกล้าฯ ถวายพระองค์ท่านด้วย

13 ตุลา ณ คืนนั้น...ที่รพ.ศิริราช

       และมีเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังมาบอกว่า “คุณราษฎรนำมะม่วงมาถวาย” ก่อนที่จะมอบถุงพระราชทานใบนี้ที่ภายในมีสิ่งของใช้ ปลื้มใจและเก็บไว้จนตอนนี้ เมื่อออกจากบ้านไปไหนก็จะพกไปด้วยแทบทุกครั้ง ทำให้เรามีกำลังใจ เวลามีเรื่องไม่สบายใจก็จะหยิบถุงพระราชทานใบนี้ขึ้นมามอง และตั้งใจจะเก็บไว้จนชั่วชีวิต

        นางใหญ่ บอกด้วยว่า 1 ปีที่ผ่านมามีโอกาสเดินทาง รพ.ศิริราช หลายครั้ง เพราะนึกถึงพระองค์ท่าน ส่วนตัวจะยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตต่อไป

      13 ตุลาคม 2560 ที่ รพ.ศิริราช ท่ามกลางประชาชนที่เนืองแน่น มีเสียงพูดว่า “ไม่เป็นไร แบ่งๆ กัน” ดังขึ้นแทบจะทุกพื้นที่ 
 
    ก่อนที่เสียงเปล่ง “สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” จะดังกึกก้องรพ.ศิริราช 

     0 พวงชมพู ประเสริฐ รายงาน 0

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ