โรงเรียนชลประทานบ้านกอโจด”เดินตามรอยเท้าพ่อด้วยความพอเพียงให้แก่นักเรียนและบูรณาการสู่การเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมในชุมชน
พื้นที่ภายในโรงเรียนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ดูสะอาดตา เสียงเด็ก ๆ กำลังขะมักเขม้น ช่วยกันทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากคุณครู บางกลุ่มกำลังเก็บไข่ไก่ในโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่และบันทึกจำนวนไข่ไก่ที่เก็บได้ บางคนจับกลุ่มแยกไปเก็บเห็ดในเรือนเพาะเห็ด และอีกส่วนหนึ่งช่วยกันเก็บหญ้า พรวนดิน ที่แปลงปลูกผักกางมุ้ง และผักไม้เลื้อย
กิจกรรมเหล่านี้ เป็นกิจวัตรประจำวันของน้องๆนักเรียน “โรงเรียนชลประทานบ้านกอโจด” ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียน 233 คน ครู 17 คน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล –มัธยมศึกษาปีที่ 3
นอกเหนือจากความรู้ด้านวิชาการที่เด็กๆได้รับในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนแห่งนี้ยังเน้นการเรียนรู้นอกห้องเรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เด็กได้เรียนจากประสบการณ์ตรงและนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมในชีวิตประจำวัน
โรงเรียนชลประทานบ้านกอโจด เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่น้อมนำแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในเรื่องหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ถ่ายทอดเป็นแนวทางปฎิบัติให้แก่นักเรียนและบูรณาการสู่การเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมในชุมชน
นอกจากนี้ โรงเรียนยังเป็นต้นแบบในการสร้างความมั่นคงทางอาหารแก่นักเรียนในชนบทอย่างยั่งยืน โดยเป็น 1 ใน 77 โรงเรียน ที่เข้าร่วม “โครงการซีพีเอฟ อิ่ม สุข ปลูกอนาคต” ที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนการและปลอดภัย รวมทั้งเป็นการเพิ่มทักษะให้เด็กๆได้เรียนรู้กระบวนการผลิตอาหารด้วยตัวเองอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ
‘สุพจน์ ติสันเทียะ’ ผู้อำนวยการโรงเรียนชลประทานบ้านกอโจด กล่าวว่า “โรงเรียนน้อมนำแนวพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถ่ายทอดให้นักเรียนนำมาปฏิบัติและใช้ในการดำรงชีวิต โดยเน้นการสร้างความตระหนักให้เด็กนักเรียนทุกคนเดินตามศาสตร์พระราชา ตั้งแต่เรื่องของ การประหยัด มีความเป็นอยู่เรียบง่าย นอกจากนี้ ยังสอดแทรกการเรียนรู้ผ่านการทำกิจกรรม อาทิ โครงการด้านการเกษตร สอนปลูกผัก เพาะเห็ด เพื่อสร้างอาชีพติดตัวเด็กและเป็นองค์ความรู้ที่ยั่งยืนต่อไป ”
‘น้องนุ่น’ หรือ ด.ญ.สุภาพร มีสง่า อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เล่าว่า เธอมีหน้าที่ช่วยคุณครูและสอนน้องๆทำกิจกรรมหลายอย่าง เช่น พรวนดิน ปลูกผัก เพาะเมล็ดผัก เก็บเห็ด โดยในแต่ละวันนุ่นมีหน้าที่เก็บผลผลิตเห็ดวันละ 2 ครั้ง จากนั้นต้องรดน้ำเห็ด ทำความสะอาดรอบๆโรงเรือนเพาะเห็ดและโรงเพาะเห็ด โดยในแต่ละวันซึ่งเก็บผลผลิตเห็ดได้ไม่เท่ากัน
ดังนั้นวันที่ผลผลิตมาก หลังจากที่แบ่งเห็ดส่วนหนึ่งไปทำเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียนแล้ว ก็จะนำไปบรรจุใส่ถุงขาย ก.ก.ละ 70 บาท หรือวันไหนที่ผลผลิตเห็ดเหลือมาก ก็จะนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ขายให้ผู้ปกครองและนักเรียน เช่น แหนมเห็ดนางฟ้า รังนกเห็ดสวรรค์ เห็ดทอดเกลือ ทอดมันเห็ด และไข่ครกเห็ดนางฟ้า
“กิจกรรมต่างๆที่หนูทำ ทำให้เข้าใจหลักของเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น รู้ว่าหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ การรู้จักเพียงพอ พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี รวมไปถึงการมีความรู้และคุณธรรม” น้องนุ่น กล่าว
เช่นเดียวกับ “น้องเอ๋ย” หรือ ด.ญ.อภิญญา ประจัด อายุ 14 ปี กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่บอกว่า นอกจากที่เธอจะได้รับความรู้เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง จากวิชา “เศรษฐกิจพอเพียง” จากในห้องเรียนแล้ว ยังมีโอกาสเรียนรู้จากกิจกรรมนอกห้องเรียน
เอ๋ยบอกด้วยว่า เด็กอย่างเธอมองว่าหลักคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากหลักปรัชญาดังกล่าว คือ มีความพอประมาณ ประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และสามารถหารายได้ด้วยตัวเองจากประสบการณ์ตรงที่ได้รับการถ่ายทอดจากโรงเรียน
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นั้น ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ในโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้น แต่ยังมีโรงเรียนทั่วประเทศ ภาครัฐ ภาคเอกชน และคนไทยทั้่งประเทศ ที่ได้น้อมนำพระราชดำรัส ที่่จะช่วยนำพาประเทศไทยไปสู่ความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง