ผอ.รพ.เลิดสินเผยผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนเพิ่มสูงขึ้น ชี้มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดกระดูกหัก แนะแนวทางการป้องกันพร้อมให้การดูแลรักษาแบบครบวงจร
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กล่าวว่า มูลนิธิ โรคกระดูกพรุนนานาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 20 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันกระดูกพรุนโลก เพื่อรณรงค์ ให้ประชาชนตระหนักถึงโรคกระดูกพรุน ทั้งการป้องกัน วินิจฉัยและรักษา จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า 1 ใน 3 ของผู้หญิง และ 1 ใน 8 ของผู้ชาย ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงที่จะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะการเกิดกระดูกสะโพกหัก
และร้อยละ 20 ของผู้ป่วยกระดูกสะโพกหัก จะเสียชีวิตในช่วงปีแรก ร้อยละ 30-40 เกิดความพิการ ไม่สามารถเดินได้ รวมทั้งไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันและช่วยเหลือตัวเองได้ โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ 1.ผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป 2.ผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก่อนอายุ 45 ปี 3.ผู้ที่สูบบุหรี่จัด 4.ดื่มสุรา กาแฟเป็นประจำเนื่องจากในกาแฟมีคาเฟอีน ซึ่งจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม 5.ผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ในชีวิตประจำวันมีการเคลื่อนไหวน้อย และ6.ผู้ป่วยที่มีประวัติบิดามารดากระดูกสะโพกหักจากโรคกระดูกพรุน
กระดูกพรุนเป็นภาวะที่มีเนื้อกระดูกบางลงจากการสูญเสียมวลกระดูก ซึ่งจะเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะมีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปีแรก โรคกระดูกพรุนทำให้กระดูกเกิดภาวะยุบหรือหักได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง กระดูกสะโพก และกระดูกข้อมือ โดยทั่วไปมักจะไม่มีอาการแสดงจนกว่าจะเกิดกระดูกหักขึ้น อาการที่พบได้แก่ ปวดหลัง กระดูกหลังยุบตัว หลังค่อม ตัวเตี้ยลง กระดูกเปราะและหักง่ายแม้เกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย ทำให้เกิดปัญหาการเดินและการเคลื่อนไหว ของร่างกาย
ผอ.รพ.เลิดสิน กล่าวอีกว่า การป้องกันโรคกระดูกพรุน สามารถทำได้ด้วยการออกกำลังกาย โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับวัยและสภาพร่างกาย รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมอย่างพอเพียง หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนและกระดูกหัก ได้แก่ สูบบุหรี่ ดื่มสุรา และการรับประทานยาสเตียรอยด์ เป็นต้น
ทั้งนี้ โรงพยาบาลเลิดสินได้ให้การรักษาผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนแบบครบวงจรโดยผู้เชี่ยวชาญประกอบด้วย ทีมแพทย์เฉพาะทางด้านโรคกระดูก อายุรแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักกายภาพบำบัด และ นักโภชนาการ ซึ่งจะประเมินความเสี่ยง ตรวจคัดกรอง วินิจฉัยรักษา ตลอดจนติดตามเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะกระดูกหักจากโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ยังมีโครงการ “รู้ทัน กันหักซ้ำ” เพื่อดูแลและป้องกันกระดูกหักซ้ำในผู้ป่วยโรคกระดูกหักจากกระดูกพรุนอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง