Lifestyle

(คลิป)พบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ชนิดที่97 ของโลก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คณะวิทย์ จุฬาฯ ค้นพบ "แมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์" ชนิดที่97 ของโลก และครั้งแรกของประเทศไทย ไม่มีพิษต่อมนุษย์ ชี้แนวทางอนุรักษ์ เปิดแม่วงก์ เป็นพื้นที่อนุรักษ์

          เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2560 ที่อาคารเคมี 2 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  แถลงข่าวการค้นพบ "แมงมุมฝาปิดโบราณชนิดใหม่ของโลกในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ โดยมี รศ.ดร.พลกฤษณ์ แสงวณิช คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ทางคณะต้องการเผยแพร่ผลงานวิจัยของภาควิชาชีววิทยาในการค้นพบสิ่งมีชีวิตใหม่ เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ ถือเป็นผลงานที่มีความโดดเด่นนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดงานวิจัย ประยุกต์ใช้ทั้งด้านอุตสาหกรรม ด้านการแพทย์ หวังว่าจะเป็นตัวจุดประกายให้เกิดความร่วมมืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติต่อไป

(คลิป)พบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ชนิดที่97 ของโลก
      ผศ.ดร.นพดล กิตนะ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า คณะมีการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ของโลกมาแล้ว 51 ชนิดที่ค้นพบในประเทศไทย บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ที่มีอยู่ ซึ่งสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ไม่ได้มาพร้อมศักยภาพที่สามารถใช้ได้ทันที ต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติม คณะวิทยาศาสตร์ จะมีการศึกษา วิจัยในการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น แมงมุมในอุตสาหกรรมมีการพูดถึงเส้นใยของสัตว์ชนิดนี้ เนื่องจากมีความเหนียวแน่น ต้องวิจัยต่อเพื่อนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์หรือประโยชน์ต่อไป 

         นายภาณุเดช  เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขื่อนแม่วงก์อย่างที่หลายคนรู้ แต่เป็นพื้นที่ที่มีการอนุรักษ์ ความหวังและโอกาสในการฟื้นฟูสัตว์ป่า ทั้งในระดับประเทศไทยและนานาชาติ

(คลิป)พบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ชนิดที่97 ของโลก

       โดยช่วงที่ผ่านมาหากได้ติดตามข่าวสารจะพบว่า บริเวณพื้นที่แม่วงก์ มีการพบเสือมากกว่า 16 ตัว รวมถึงสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ สะท้อนให้เห็นว่า พื้นที่แม่วงก์มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ และสัตว์ป่า และในอนาคตกรมอุทยานมีแห่งชาติ มีแนวคิดจะประกาศพื้นที่บริเวณแม่วงก์ เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ 
      ดังนั้น การค้นพบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ทำให้ได้เห็นถึงการศึกษาวิจัยที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เจอสัตว์ชนิดใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ และโลก รวมถึงทำให้ต้องมีการฟื้นฟู ดูแลทรัพยากรธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น และต้องมีการดูแลจัดการอย่างมีคุณภาพ เพื่อทำให้ป่าไม้ และสัตว์ป่าสมบูรณ์ 
         นายวรัตถ์ ศิวายพราหมณ์ นักศึกษาปริญญาโท คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ผู้วิจัยหลักในทีมศึกษาและค้นพบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ (Liphostius maewongensis Sivayyapram)กล่าวว่าแมงมุมถือเป็นสัตว์ผู้ล่า (Predator) ที่มีความหลากหลายสูงที่สุดในระบบนิเวศน์ ในปัจจุบันมีการค้นพบแล้วมากกว่า 46,000ชนิด และมีการคาดการณ์เอาไว้ว่าอาจมีจำนวนมากถึง 200,000 ชนิด

(คลิป)พบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ชนิดที่97 ของโลก

        ซึ่งในจำนวนนี้ไม่มีแมงมุมกลุ่มใดเลยที่จะหาได้ยากในธรรมชาติและเก่าแก่ไปกว่ากลุ่มของแมงมุมฝาปิดโบราณ (Liphistiidae,Mesthelae) โดยแมงมุมฝาปิดโบราณนั้น เป็นหนึ่งในซากดึกดำบรรพ์มีชีวิต เนื่องจากยังคงมีลักษณะหลายประการที่เหมือนกับบรรพบุรุษที่เคยมีชีวิตอยู่เมืองหลายล้านปีก่อน เช่น การที่แผ่นปิดท้องยังไม่รวมเป็นแผ่นเดียว และการที่มีอวัยวะสร้างใย อยู่กลางลำตัวซึ่งลักษณะทั้ง 2ประการนี้ไม่พบในแมงมุมกลุ่มอื่นๆ จากหลักฐานด้านบรรพชีวินวิทยาแสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษของแมงมุมฝาปิดโบราณอาจมีการถือกำเนิดตั้งแต่เมื่อประมาณ 300 ล้านปีก่อน 

        "ปัจจุบันมีรายงานการค้นพบแล้ว 96 ชนิด ซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับจำนวนแมงมุมทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะกระจายพันธุ์อยู่ในประเทศญี่ป่น และด้านตะวันออกของประเทศจีนและแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยแมงมุมฝาเปิดโบราณแม่วงก์ถือได้ว่าเป็นแมงมุมฝาปิดโบราณชนิดที่ 97 ของโลกและเป็นชนิดที่ 33 ที่ถูกค้นพบในประเทศไทย มีขนาดตัวประมาณ 3-4 เซนติเมตร ซึ่งแมงมุมฝาปิดโบราณชนิดนี้สามารถค้นพบได้เฉพาะในพื้นที่ของอุทยานแม่วงก์ที่ระดับความสูงมากกว่า 1,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป ซึ่งพบประมาณไม่เกิน 200 กว่าตัว"นายวรัตถ์ กล่าว

        ทั้งนี้ แมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์จะทำรังอยู่พื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหน้าผาดินที่มีความชันสูง โดยขุดดินลึกลงไปประมาณ 10-20 เซนติเมตร แล้วจะชักใยบุผนังโพรงด้านในเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต

(คลิป)พบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ ชนิดที่97 ของโลก

        นอกจากนี้ที่ปากทางเข้าออกจะมีการสร้างฝาปิดเพื่ออำพรางทางเข้าออก และมีการสร้างเส้นใยรัศมีเพื่อรับแรงสั้นสะเทือนเมื่อมีเหยื่อมาสัมผัส ที่น่าสนใจ คือแมงมุงฝาปิดโบราณแม่วงศ์มีการสร้างรัง 2 รูปแบบที่แตกต่างกัน คือรังรูปแบบท่อตรงที่มีเพียงทางเข้าออกเดียว และรังรูปแบบตัว T ที่มีทางเข้าออก 2 ทาง คาดว่าทางออกที่สร้างขึ้นมาทีหลังไว้สำหรับเป็นทางออกสำรองเพื่อหลบหนี 
         อย่างไรก็ตาม คาดว่าแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ สามารถค้นพบได้ที่อุทยานแห่งขาติแม่งวงก์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีความจำเพาะต่อแหล่งที่อยู่อย่างมาก เพราะในพื้นที่แม่วงศ์เองถ้าพื้นที่ต่ำกว่า 1000 เมตร ก็ไม่สามารถพบแมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ 

        นายวรัตถ์ กล่าวต่อไปว่า แมงมุม ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก แต่เป็นผู้ล่าที่มีจำนวนมาในระบบนิเวศน์ เปรียบเสมือนกลไกในการขับเคลื่อนระบบนิเวศน์ให้ยั่งยืน พื้นที่ใดมีแมงมุมมาก แสดงว่ามีเหยื่อ หรือแมลงที่มากพอ และสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ  ซึ่งการค้นพบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแม่วงก์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากแมงมุมฝาปิดโบราณทุกชนิดจะใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตอยู่ภายในรัง ทำให้สามารถพบแมงมุมกลุ่มนี้ได้เฉพาะพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น 

       "แมงมุมฝาปิดโบราณแม่วงก์ เหมือนแมงมุมส่วนใหญ่ที่มีการพัฒนาของต่อมสร้างพิษที่บริเวณเขี้ยวแต่อย่างไรก็ตาม พิษของแมงมุมฝาปิดโบราณมีไว้เพื่อจัดการกับแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กที่เป็นเหยื่อของพวกมัน ดังนั้น พิษของแมงมุมกลุ่มนี้จึงไม่ได้เป็นอันตรายกับมนุษย์ "

       ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ได้รับจากการค้นพบครั้งนี้ ได้แก่ ด้านวิชาการ ที่จะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้นักวิจัยรู้ถึงการมีอยู่และศึกษาวิจัยต่อไป รวมถึงอนุรักษ์แมงมุมกลุ่มนี้  เพราะแมงมุมเป็นสัตว์ ที่แสดงถึงดัชนีชี้วัดของระบบนิเวศน์  และการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่มีการค้นพบแมงมุมกลุ่มนี้ ได้นำมาเป็นสัตว์อนุรักษ์ให้นักท่องเที่ยวได้ชม และมีการจัดทำแผ่นป้ายให้ความรู้ 

       ดร.ณัฐพจน์ วาฤทธิ์ อาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่าแนวทางที่จะสามารถอนุรักษ์แมงมุมแม่วงก์ไม่ให้สูญพันธ์ อาจจะดำเนินการตามแนวทางของประเทศมาเลเซีย ที่ทำให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ และเป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนั้นในการให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม แต่ทั้งนี้ก็ต้องมีการจัดบริเวณในเดินชม ซึ่งประเทศดังกล่าว จะทำเป็นทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้เห็นแต่ไม่สามารถเข้าไปสัมผัส หรือจับได้                   นอกจากนั้น ต้องมีการศึกษาต่อถึงคุณสมบัติของใยแมงมุม เนื่องจากเป็นใยที่สามารถรับแรงสั่นสะเทือนได้ อนาคตต้องศึกษาวิจัยถึงสารทางชีววิทยาของใยแมงมุม เพื่อนำมาใช้ในทางอุตสาหกรรม อาทิ  เสื้อผ้าที่มีความทนทาน หรือตัวถังรถยนต์ เป็นต้น

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ