" สายจิต ศรีบัวชุม”ครูอาสาที่สอนนักเรียนโรงเรียนบ้านเปลือยคุรุสรรค์วิทยาสานกระติบข้าวไปแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนประเภทเครื่องจักสานไม้ไผ่จากภูมิปัญญาบรรพบุรุษ
ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัว “จักสาน”หมู่บ้านทุ่งนางโอก อ.เมือง จ.ยโสธร ศิลปหัตถกรรมจักสานอยู่ในสายเลือด วันหนึ่งต้องแต่งงานย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่หนองงอม อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด “สายจิต ศรีบัวชุม”ในวัย 38 ปี หาได้ลืมรากเหง้าตัวเองแต่อย่างใดไม่ ตรงกันข้ามเธอกลับนำเอาองค์ความรู้ที่มีมาถ่ายทอดให้กับ เด็กๆนักเรียนโรงเรียน“บ้านเปลือยคุรุสรรค์วิทยา”ให้มีความรู้ติดตัวนำไปแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนประเภทเครื่องจักสานไม้ไผ่อีกต่างหาก
สายจิต ศรีบัวชุม”
“เป็นวิิทยากรมาแล้ว5 ปี ฝึกนักเรียนให้ทำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่มาแล้วหลายคนส่งประกวดมาแล้ว 3 ปี เร็วๆนี้จะส่งเข้าแข่งขันครั้งที่ 4 ตอนนี้กำลังฝึกนักเรียนทั้งชาย-หญิงอยู่ 5 คนด้วยกัน เพื่อเตรียมตัวไปแข่งขัน ด้วยหวังใจว่า เด็กๆจะได้เปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ในเวทีระดับประเทศ” สายจิต กล่าว
ดญ.สุกัญญา น้อยห้างหว้า , ปวีธิดา นามคำ ,สุพาพร ภาสว่าง ,ดช.อภิชัย พืชศรี และธีรพันธ์ กัญญาคำ นักเรียนชาย 2 คน หญิิง 3 คนที่กำลังฝึกซ้อมสานกระติบข้าวจากไม้ไผ่ เพื่อเตรียมตัวไปแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนประเภทเครื่องจักสานไม้ไผ่
ขั้นตอนแรกของการสานกระติบ “สายจิต” บอกว่าหัวใจสำคัญของศิลปะแขนงนี้ก็คือไม้ไผ่ จะต้องเลือกลำไม่ไผ่บ้านอยู่ 1 ปี มาตัดเป็นท่อนๆ นำไปลนไฟประมาณ 5 นาที และนำมาจักเป็นตอก ขนาดเส้นตอกตามที่ต้องการ ไม่หนา ไม่บางจนเกิินไป เน้นที่ความพอดีพองามเป็นมั่นเหมาะ จากนั้นนำไปก่อกระติบข้าวให้มีความกลมมนสวยงามมากที่สุด
กระติบข้าว 1 ชิ่้นงานนักเรียนที่เข้าแข่งขันทั้ง 3 คนคือ ดญ.สุพาพร ภาสว่าง ,ดช.อภิชัย พืชศรี และธีรพันธ์ กัญญาคำ จะต้องช่วยกันทำให้เสร็จใน 3 ชั่วโมงตามเวลาที่กำหนดไว้ให้ได้ ประกอบด้วยลูก ฝา หน้า หลัง และส่วนฐานของกระติบ ทำมาจากก้านตาล
“ฝึกใหม่ๆมา 2-3 วันแรก ตอกหักพังหมด แต่ผ่านไปได้ 5-6 วันก็ค่อยๆดีขึ้น ทุกวันเด็กจะต้องหัดก่อกระติบทุกๆวันเพื่อให้เกิดความชำนาญ เวลาไปแข่งขันจะได้มั่นใจในฝีมือตัวเอง ทำชิ้นงานออกมาให้ได้ดีและสวยงาม ” สายจิต กล่าว
่ตามจริงแล้ว “สายจิต” เป็นลูกเสี้ยว ไม่ใช้เป็นคนอีสานโดยแท้ เพราะพ่อเป็นคนภูเก็ต มาแต่งกับแม่ ที่พื้นเพเป็นคนบ้านทุ่งนางโอก สมจิต ย้ายไปอยู่หมู่บ้านแห่งนี้ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเริ่มหัดทำเครื่องจักสานตั้งแต่นั้นมา
ทุกๆบ้าน ทุกหลังคาเรือน ชาวบ้านทุ่งนางโอก จะสานกระติบข้าวขายเป็นอาชีพอยู่แล้ว คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ทำเป็นทุกคนเพราะ พ่อแม่ สอน เกิดมาก็เห็น ทำให้มีความชำนาญ และยังสร้างรายได้ให้กับครอบครัวได้อีกด้วย สนนราคาตั้งแต่หลัก 10 ไปจนถึงหลักร้อย บาท ที่แน่ๆต้องสั่งไว้ล่วงหน้า เพราะกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
3 สาวนักเรียนชั้นป. 5 ดญ.สุกัญญา น้อยห้างหว้า , ปวีธิดา นามคำ ,สุพาพร ภาสว่าง เล่าให้ฟังว่า การฝึกสานกระติบข้าว ทำให้มีสมาธิดีขึ้น ผู้ปกครองก็ชอบ เพราะได้กระติ๊บข้าวไปใช้สอยในบ้านเรือนอีกด้วย โดยทั้งหมดจะเป็นตัวแทนโรงเรียนแข่งขันศิลปหัตถกรรมนักเรียนประเภทเครื่องจักสานไม้ไผ่ ครั้งที่ 67
โดยในวันที่ 13 กันยายนนี้จะเป็นการแข่งขันเพื่อคัดเลือกตัวแทนระดับศูนย์พัฒนาเครือข่ายคุณภาพหัวหินช้างเผือก มีทั้งหมด 15 โรงเรียน ซึ่งในเขตพื้นที่่การศึกษาร้อยเอ็ดเขต 2 มีทั้งหมด 19 ศูนย์ จะต้องแข่งขันกันอีกครั้งตุลาคม เพื่อคัดเลือกตัวแทนไปแข่งขันระดับภาคในเดือน ธันวาคม และรอบสุดท้ายระดับประเทศต้นปี 2561
“ใหม่ๆก็มีเจ็บมือ ตอกบาด หรือทำให้เสียหายบ้าง แต่พอฝึกไปนานๆก็จะชำนาญขึ้น ถือว่าโชคดีและเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาฝึกจักสานกระติบข้าว โตขึ้นจะได้มีวิชาติดตัว นำไปสอนคนอื่นและถ่ายทอดให้ลูกหลานได้อีก” 3 สาวกล่าวทิ้งท้าย
ครูอาสา“สายจิต” กล่าวทิ้งท้ายว่า เธอจะพัฒนาลายกระติบข้าวไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่นำมาถ่ายทอดให้นักเรียนได้ รวมทั้งเพิ่มสีสรร ให้มีความสวยงามเพื่อเพิ่มมูลค่าในการขายกระติ๊บข้าวอีกด้วย และตั้งใจว่า จะทำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาที่ติดตัวมาให้กับเยาวชนคนรุ่นหลังต่อไปตราบนานเท่านาน
0 หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ 0 [email protected] 0
ข่าวที่เกี่ยวข้อง