Lifestyle

4 รัฐบาล 13 ปี กว่าจะเสร็จ"โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่(ไทย)"!!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

13 ปีที่รอคอยในที่สุดคนไทยก็เริ่มเห็นความหวังที่จะเป็นไปได้ ในการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกที่ผลิตภายในประเทศตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ

        เมื่อโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกขององค์การเภสัชกรรม(อภ.) ที่ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรีก่อสร้างแล้วเสร็จ หลังจากล้มลุกคลุกคลานมานาน 10 ปี และคาดว่าจะเดินเครื่องจักรและนำวัคซีนออกให้คนไทยใช้ภายในปี 2563

      การก่อสร้างโรงงานวัคซีนฯแห่งนี้ ไม่ได้มีเส้นทางที่โดยด้วยกลีบกุหลาบ เพียงแค่ได้รับอนุมัติงบประมาณ ดำเนินการก่อสร้างและแล้วเสร็จ แต่ระหว่างการดำเนินงานมีเหตุทำให้สะดุดและหยุดการก่อสร้างมาโดยตลอด

4 รัฐบาล 13 ปี กว่าจะเสร็จ"โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่(ไทย)"!!!

      ย้อนไปในปี 2550 คณะรัฐมนตรี(ครม.)รัฐบาลขิงแก่ ช่วงที่นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) อนุมัติงบประมาณ จำนวน 1,411.7 ล้านบาทเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกแห่งแรกของไทย ก่อนจะมีการวางศิลาฤกษ์ในปี 2552 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีนายวิทยา แก้วภราดัย เป็นรมว.สธ. และเป็นช่วงไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดใหญ่ในประเทศไทย

      แต่ทว่า การก่อสร้างไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกำหนดคือในปี 2554 โดยผู้บริหารอภ.ในขณะนั้นให้เหตุผลถึงความล่าช้าว่า เกิดจากการทบทวนแบบการก่อสร้างเพื่อให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยขององค์การอนามัยโลก และให้สามารถผลิตได้ทั้งวัคซีนชนิดเชื้อเป็นและชนิดเชื้อตาย บวกกับ ต้องมีการเปลี่ยนแบบฐานรากใหม่ เพราะเมื่อเริ่มก่อสร้างพบว่าชั้นหินใต้ดินมาเท่ากันจากที่เป็นพื้นที่ชายเขา และมีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างก่อสร้างมาตลอดถึงปี 2555

      จนเมื่อเข้าสู่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีนพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ เป็นรมว.สธ. ในช่วงต้นปี 2556 ได้มีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างที่ล่าช้าและได้ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้ามาตรวจสอบด้วย

       โดยนพ.ประดิษฐ ตั้งคำถามในช่วงนั้นว่า การให้ดีเอสไอสอบสวน จะมีผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการหาคำตอบว่ากระบวนการก่อสร้างผิดปกติหรือไม่ และการเปลี่ยนแบบก่อสร้างกลางคันส่งผลกระทบอย่างไร การใช้เวลาก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนดเดิมผิดปกติหรือไม่

4 รัฐบาล 13 ปี กว่าจะเสร็จ"โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่(ไทย)"!!!

       ทำให้โครงการก่อสร้างโรงงานวัคซีนนี้ต้องหยุดชะงักเป็นเวลา 2 ปี ระหว่างปี 2556 -2557 !!!!

       ทั้งนี้ ในช่วงปี 2552-2555 มีนพ.วิชัย โชควิวัฒน์ เป็นประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม(บอร์ดอภ.) ก่อนเป็นนพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา และเปลี่ยนมือเป็นนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี และลาออกในช่วงต้นปี 2557 เข้าสู่มือของทหารมีพล.อ.ศุภกร สงวนชาติศรไกร เป็นประธานในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี

     หลังชะลอการก่อสร้างมานาน 2 ปี ในที่สุดช่วงต้นเดือนตุลาคม 2557 ครม.อนุมัติให้อภ.ใช้งบประมาณของตนเอง จำนวน 59.3 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการก่อสร้างและเริ่มกระบวนการได้อีกครั้ง

     แต่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะง่าย เพราะก่อนหน้านั้นได้มีการวิ่งประสาน ต่อรองและความร่วมมือกับบริษัทเอกชนต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพื่อหวังให้โรงงานแห่งนี้เดินต่อไป

4 รัฐบาล 13 ปี กว่าจะเสร็จ"โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่(ไทย)"!!!

       พล.ต.สุชาติ วงษ์มา รองเจ้ากรมการเงินกลาโหม ในฐานะประธานคณะทำงานของบอร์ดอภ. บอกว่า การดำเนินการแก้ปัญหาเริ่มจากการชี้แจงให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เข้าใจว่าโรงงานวัคซีน คือ ความมั่นคงของชาติ ปรับระบบของอภ.ใหม่ให้ทุกคนมาร่วมกันเดินหน้าใหม่ ที่สำคัญ ได้เชิญบริษัทก่อสร้างและบริษัทที่นำส่งเครื่องจักและเทคโนโลยีตามสัญญาเดิมทั้งหมดมาหารือร่วมกัน จนในที่สุด ทุกบริษัทยินยอมที่จะดำเนินการต่อ

     “ทุกบริษัทขาดทุนหมดจากโครงการนี้ และบางบริษัทนั้น บริษัทแม่ในต่างประเทศจำหน่ายโครงการนี้เป็นหนี้สูญไปแล้ว แต่ก็เจรจาจนยอมกลับมาดำเนินการใหม่ เพราะทุกคนเห็นว่านี่ คือ สมบัติของชาติ ที่จะสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ เพราะในกรณีที่เกิดการระบาดใหญ่ของโรคต่างๆ หากไม่มีการผลิตวัคซีนของตนเอง ก็อาจทำให้ถึงกับสิ้นชาติได้ หากยามเกิดการระบาดไม่มีประเทศไหนขายวัคซีนให้ประเทศอื่น” พล.ต.สุชาติกล่าว

     หลังผ่านแดด ฝน หนาวมานับ 10 ปี ในที่สุดโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทยก็ก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมจะผลิตวัคซีนออกให้ประชาชนไทยได้ใช้ในอีก 3 ปีข้างหน้า คือในปี 2563

4 รัฐบาล 13 ปี กว่าจะเสร็จ"โรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่(ไทย)"!!!

     นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการอภ. บอกถึงแผนการผลิตและกระจายวัคซีนไข้หวัดใหญ่ว่า โรงงานนี้มีกำลังการผลิตได้ปีละ 2 ล้านโด๊สและขยายกำลังการผลิตได้ถึง 10 ล้านโด๊สหากเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ ซึ่ง อภ.ประเมินว่าขาดทุนในการดำเนินงานตรงนี้ 40-50 ล้านบาท โดยแนวทางที่อยากจะให้รัฐบาลดำเนินการมาตรการช่วยเหลือ เช่น ลดเงินที่อภ.ต้องส่งเข้าคลังปีละ 400 – 500 ล้านบาทต่อปี หรือรัฐรับซื้อวัคซีนที่ผลิตได้ทั้งหมดแล้วกระจายให้สถานพยาบาล หรือหารือกับองค์การอนามัยโลกในการจัดหาวัคซีนร่วมกันของอาเซียน ซึ่งหากมีการสั่งซื้อและโรงงานผลิตวัคซีนปีละ 8 ล้านโด๊สจึงจะคุ้มทุนและอยู่ได้ อย่างไรก็ตามอภ.เป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร

     หวังว่าในปี 2563 คนไทยจะได้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่สัญชาติไทย ไม่มีอะไรให้ต้องสะดุดอีก!!!

0 พวงชมพู ประเสริฐ รายงาน0

[email protected]

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ