3 โรคฮิตใช้ยาปฏิชีวนะผิดๆ

     ทพ.ศิริเกียรติ  เหลียงกอบกิจ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า  3 โรคยอดฮิตที่นิยมใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านแบคทีเรียโดยไม่จำเป็น  คือ 1.โรคหวัด ไอ เจ็บคอจากไวรัส 2.ท้องเสียและอาหารเป็นพิษ และ3.บาดแผลทั่วไป แต่บุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากยังสั่งจ่ายยาต้านแบคทีเรียให้ผู้ป่วย 3 โรคโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในเด็กเล็ก  ทำให้เกิดปัยหาเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้น  โดยต้องรับยาแรงกว่าเดิมในการรักษา และมีความเชื้อที่ผิด เช่น น้ำมูกเหลืองเขียวหมายถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือ เมื่อไม่สบายเพียงเล็กน้อยก็ซื้อยาต้านแบคทีเรียมากินกันไว้ก่อน หรือ ไข้สูง ปวดเมื่ีอยมากควรฉีดยา ซึ่งล้วนส่งผลซ้ำเติมปัญหาเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้น 

    “เวลาลูกป่วยพ่อแม่จะรบเร้าแพทย์และพยาบาลให้จ่ายยาให้ลูกจะได้หายเร็วๆ ซึ่ง 3 อาการป่วยดังกล่าว อย่าเพิ่งใช้ยา เพราะร่างกายมีภูมิรักษาอาหารเหล่านั้นได้ และมีความมั่นคงถาวรมากกว่าการใช้ยารักษา อีกทั้ง การใช้ยาปฏิชีวนะรักษา จะทำให้เชื้อแบคทีเรียตัวที่ดีๆที่อยู่่ในร่างกายตายด้วย แต่จะทำให้แบคทีเรียตัวร้ายโตมากขึ้นและพัฒนาตัวเองให้ดื้อยาได้”ทพ.ศิริเกียรติกล่าว 

      ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา(กพย.) จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำเอกสารเผยแพร่ เรื่อง 3 โรครักษาได้ ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ โดยระบุว่า เป็นหวัด เจ็บคอ วิิธีการรักษาที่ดีที่สุด คือ ต้องทำร่างกายให้แข็งแรง โดยการดื่มน้ำอุ่นและพักผ่อนมากๆ เพื่อให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้และหายเร็วขึ้น  ท้องเสีย วิธีรักษา คือ ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่เสียไป เลือกทานอาหารอ่อนๆ งดอาหารรสจัดหรือย่อยยากและไม่ควรดื่มนม และแผลเลือดออก  แผลที่ไม่ติดเชื้อ หากรักษาความสะอาดให้ดี แผลก็หายเองได้ แต่ถ้าแผลบวมอักเสบต้องรีบไปหาหมอทันที