ท่ามกลางผู้เข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 297 คนจาก 76 ประเทศ สสวท.ชื่นชมความสามารถเด็กไทย ย้ำวิทยาศาสตร์สำคัญต่อการพัฒนาประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)เปิดเผยว่าการแข่งขันเคมีโอลิมปิกระหว่างประเทศ ครั้งที่ 49 (49th IChO )ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-15 กรกฎาคม 2560 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในวาระสำคัญเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ศาตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ผู้ทรงเป็น “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์”เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชันษา 60 ปี ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถ ด้านงานวิจัยในฐานะศาสตราจารย์ด้านเคมีและพิษวิทยา จนได้รับการถวายรางวัลต่างๆ ในระดับนานาชาติ โดยตลอด 10 วันของการจัดแข่งขันประกอบด้วยการสอบความรู้ทางภาคทฤษฎี และในห้องปฏิบัติการ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเยาวชนจากนานาชาติ ช่วยสร้างประสบการณ์และทัศนคติที่ดีร่วมกัน อาทิ กิจกรรมทัศนศึกษาในสถานที่ต่างๆ เช่น พระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม, พระบรมมหาราชวัง เกาะรัตนโกสินทร์ เป็นต้น
การแข่งขันครั้งนี้มีนักเรียนเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 297 คน จาก 76 ประเทศ ผู้แทนประเทศไทยสามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ 2 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน ดังนี้
นายปภาภัทร์ ดิสนีเวทย์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เหรียญทอง
นายวริศ จันทรานุวัฒน์ โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม เหรียญทอง
นางสาวอภิสรา กวียานันท์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร เหรียญเงิน
นายบวรทัต บุญรักษ์ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จ.นครปฐม เหรียญเงิน
การแข่งขันครั้งนี้ผู้ได้รับรางวัลคะแนนสูงสุดภาคทฤษฎี คือ Alexander Zhigalin นักเรียนจากประเทศรัสเซีย
รางวัลคะแนนสูงสุดภาคปฏิบัติ คือ Ilija Srpak นักเรียนจากประเทศโครเอเชีย และอันดับสองนักเรียนจากจีนไทเป
สำหรับรางวัลคะแนนรวมสูงสุด คือ Alexander Zhigalin นักเรียนจากประเทศรัสเซีย อันดับสองคือ จีนไทเป และอันดับสามคือประเทศอิหร่าน
ผู้อำนวยการ สสวท.กล่าวเสริมว่าการแข่งขันมีทั้งการสอบภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศทางวิชาการแล้ว ยังแสดงให้เห็นว่าเด็กไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก ขณะเดียวกันก็ช่วยให้เห็นความงามและความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่มีต่อการพัฒนาประเทศเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อีกด้วย