ที่นี่!!!ประชาชน"ร่วมสมทบ"รพ.3บาทต่อวัน

      เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มเอ็นจีโอออกมาเปิดเผยว่า ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขส่งข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า มีการแจ้งเหตุผลแก้ไขพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ทำนองเอื้อประโยชน์ต่อโรงพยาบาล แต่ไม่พูดถึงประชาชน ว่า ตนไม่ทราบว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเอามาจากตรงไหน เพราะข้อมูลที่บอกไปไม่มีผู้บริหารคนใดเป็นผู้กระจายส่งเลย อย่างตนก็ไม่ได้ทำ และจากการสอบถามไปยังประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดก็ไม่มีการส่งข้อมูลที่กล่าวถึง อย่างไรก็ตาม เหตุผลของการแก้ไขพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ เป็นที่ทราบอยู่แล้วว่า แก้ไขในเรื่องการบริหารจัดการ ที่จะส่งผลดีต่อประชาชน มีการบอกเหตุผลหลายครั้ง ข้อเท็จจริงต่างๆมาตลอด และเชื่อว่าหากมีการพิจารณาดีๆ จะทราบว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชน แต่จะเพิ่มสิทธิให้ประชาชนมากยิ่งขึ้น
       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีบางกลุ่มสื่อสารว่าปัญหาโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องมาจากการบริหารจัดการของผู้อำนวยการโรงพยาบาล และอาจมีเรื่องความไม่โปร่งใสในการบริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง  นพ.โสภณ กล่าวว่า หากมีการทุจริตให้สามารถร้องเรียนมาได้ เพราะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ที่ผ่านมาแม้จะมีก็ไม่ได้มาก และไม่ใช่การทุจริตที่ทำให้โรงพยาบาลขาดสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหาวิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ทราบดีว่าเป็นจริง ไม่เช่นนั้น นายกรัฐมนตรี ไม่เห็นชอบอนุมัติงบฯ 5,000 ล้านบาทให้กระทรวงฯ มาบรรเทาปัญหาอย่างที่ทราบกันหรอก  ซึ่งกระทรวงฯก็ไม่ได้นิ่งเฉย มีนโยบายมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการภายในด้วย ทั้งรายรับรายจ่ายมีการวางแผนทั้งหมด อย่างการใช้ยา ก็ต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล รวมไปถึงการวางแผนกำลังคนให้เพียงพอ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แต่มีการกระจาย และเพียงพอกับภาระงานนั้นๆ รวมทั้งเรื่องสาธารณูปโภค ทั้งค่าน้ำค่าไฟ ก็มีการควบคุมการใช้จ่ายเช่นกัน
      “ผมยืนยันว่ากระทรวงไม่ได้เลวร้ายขนาดที่มีคนพยายามพูดกัน ส่วนใครจะพูดอะไรก็ต้องปล่อยไป เพราะผมไปบังคับให้ใครหยุดพูดไม่ได้ แต่มาดูที่เนื้องาน การทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนดีกว่า ไม่อยากตอบโต้ไปมา เราควรหันหน้ามาคุยกันทำงานโดยยึดประชาชนกันดีกว่า เพราะย้ำมาตลอดแล้วว่าการแก้กฎหมายบัตรทองก็เป็นไปตามที่มีการทักท้วง จนต้องมีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้ม.44 มาปลดล็อกปัญหาให้ทำงานต่างๆได้ หากไม่แก้กฎหมายในอนาคตหากไม่มีม.44 ก็จะเกิดปัญหาวนเวียนอีก เพื่อความยั่งยืนก็ต้องแก้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นให้ผู้ให้บริการได้รับเงินช่วยเหลือกรณีได้ผลกระทบทางการแพทย์ หรือกรณีการจัดซื้อยา ซึ่งจะส่งผลต่อประชาชน หากไม่แก้ไข” นพ.โสภณกล่าว
        ด้านนพ.วิชัย อัศวภาคย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลน้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากตนได้เสนอกระทรวงฯในเรื่องโรงพยาบาลประชารัฐ ซึ่งเป็นโครงการให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการบริจาคนั้น เพื่อความชัดเจน ขอย้ำว่า โครงการนี้ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ แต่เป็นโครงการที่มีการทำอยู่แล้ว คือ ไม่ว่าจะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายบัตรทองหรือไม่ก็มีการทำในพื้นที่ เพราะเป็นความร่วมมือระหว่างประชาชนและโรงพยาบาล โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมจากพื้นที่จริงๆ
         "ขณะนี้ทำแล้วในโรงพยาบาลอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และรพ.น้ำพองกำลังดำเนินการ  ซึ่งโครงการนี้เป็นการให้ประชาชนร่วมบริจาคคนละ 3 บาทต่อวัน หรือประมาณ 1,000 บาทต่อปี  ซึ่งเป็นการจ่ายเฉพาะคนที่สามารถจ่ายได้ แต่คนที่ไม่สามารถจ่ายได้ก็ยังได้สิทธิเหมือนเดิม ไม่มีแบ่งแยก เพียงแต่เงินส่วนนี้นอกจากจะนำมาใช้ในกรณีผู้บริจาคเจ็บป่วยจนต้องนอนพักรพ. จะได้นอนห้องพิเศษได้ฟรี เหมือนเป็นสิทธิเพิ่มเข้ามา แต่ที่สำคัญเงินบริจาคนี้ยังนำไปพัฒนาส่วนอื่นๆ ทั้งเรื่องคนพิการ การสร้างอาชีพ การลงพื้นที่ไปดูแลในชุมชน อย่างกรณีผู้ป่วยที่นอนรพ.และต้องกลับบ้าน แต่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิด ก็จะมีเครื่องมือ มีเตียงไปถึงบ้าน เป็นต้น  ทั้งหมดถือเป็นการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน"นพ.วิชัยกล่าว