Lifestyle

พ่อแม่เชื่อผิดๆขัดขวางพัฒนาไอคิว-อีคิวเด็ก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กรมสุขภาพจิตเผย“ความเชื่อเลี้ยงลูกผิดๆ”ของพ่อแม่ เป็นตัวการขัดขวางการพัฒนาไอคิว-อีคิวเด็ก

       น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้กรมสุขภาพจิตเร่งกระตุ้นให้พ่อแม่เลี้ยงลูกอย่างมีคุณภาพเนื่องจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปัจจุบันลดลงจากเดิมเฉลี่ยวันละ 2,217 คน ในปี2548 เหลือวันละ 1,861 คน ในปี 2558จึงต้องเร่งสร้างศักยภาพให้เด็กไทยมีความฉลาดทั้งเชาวน์ปัญญาหรือไอคิว(IQ)ที่ดี ควบคู่กับการมีความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิว(EQ)ที่ดีด้วย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัที่จะทำให้มนุษย์ประสบผลสำเร็จมีชีวิตที่เป็นสุข

       โดยไอคิวเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เปนตัวทํานายความสามารถการเรียนรู้การจํา การคิด ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลและการสื่อสารส่วนอีคิวเป็นความสามารถในการจัดการอารมณตนเอง เขาใจตนเองและผูอื่นควบคุมและแสดงออกอยางเหมาะสม ซึ่งทั้ง 2 คิวนี้สามารถกระตุ้นและพัฒนาให้ดีขึ้นจากการเลี้ยงดู เริ่มตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์จนถึงเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอายุ 18 ปี หากเด็กได้รับเลี้ยงดูอย่างถูกต้องจะเป็นผูใหญ่ที่อยู่ในสังคมอย่างมีความสุขใชความสามารถทางสติปัญญาตนเองได้อย่างเต็มที่

พ่อแม่เชื่อผิดๆขัดขวางพัฒนาไอคิว-อีคิวเด็ก

       “ไอคิวและอีคิวมีบทบาทสงเสริมการทํากิจกรรมต่างๆซึ่งกันและกันคนที่มีไอคิวสูงอยางเดียวอาจไม่ประสบความสําเร็จเท่าที่ควรหากมีไอคิวธรรมดาแต่มีอีคิวสูงทําใหประสบความสําเร็จหรือหากมีไอคิวและอีคิวสูงทั้งคู่ก็ยิ่งประสบความสําเร็จมากการมีอีคิวสูงจะช่วยให้การเรียนรูในการดําเนินชีวิตดีขึ้นผลสำรวจของกรมสุขภาพจิตล่าสุดในปี 2559 พบว่าเด็กประถมศึกษาปีที่ 1มีไอคิวเฉลี่ย 98.23 จุด ซึ่งยังต่ำกว่าเกณฑ์สากลที่กำหนดเฉลี่ย 100 จุดส่วนอีคิวพบว่าร้อยละ 77 อยู่เกณฑ์ปกติมีกลุ่มที่มีอีคิวต่ำต้องพัฒนาร้อยละ 23 กรมสุขภาพจิตตั้งเป้าภายในพ.ศ.2564 จะเพิ่มระดับไอคิวของเด็กเฉลี่ยให้ได้ 100 จุดและมีอีคิวระดับปกติไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ”น.ต.นพ.บุญเรืองกล่าว

     อธิบดีกรมสุขภาพจิต  กล่าวอีกว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้เด็กไทยยังมีไอคิวและอีคิวไม่เต็มศักยภาพส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อผิดๆในการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ทำให้เด็กสูญเสียโอกาสที่จะพัฒนาทักษะทางอารมณและสังคมอื่น ๆ เช่น เชื่อว่าการรักลูกคือการเลี้ยงดูใหลูกสุขสบายพอแมทําทุกอยางแทนลูก เชื่อว่าเด็กเล็กยังไมจําเปนตองสอนอะไรมากโตขึ้นเด็กจะเรียนรู้และคิดอะไรได้ด้วยตนเองจึงมักปลอยปละละเลยไม่จัดการอะไรเมื่อลูกทำสิ่งไม่ถูกต้องหรือ เชื่อว่าการให้ของทุกอยางที่ลูกตองการคือการแสดงว่าพ่อแม่รักหรือ เชื่อว่าคนที่เกงและประสบความสําเร็จในชีวิตคือคนที่เรียนดีจึงมุ่งให้ลูกเรียนอยางเดียว ไมตองรับผิดชอบงานหรือกิจกรรมอื่นๆ

      ความเชื่อเหล่านี้จะทำให้เด็กขาดโอกาสได้รับการพัฒนา ทำให้เด็กปรับตัวได้ยาก ไม่รู้จักการเป็นผู้ให้เมื่อพบความผิดหวังในการเรียนหรือทำงาน จะไม่สามารถปรับตัวได้โดยความรักที่ถูกต้องของพ่อแม่คือการเลี้ยงดูให้ลูกช่วยเหลือตนเองและพึ่งพิงตนเองได้จะทําใหเด็กเปนอิสระมีความภาคภูมิใจตนเอง และเข้าใจคนอื่นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูอยางสุขสบาย จะขาดความอดทนขาดความเข้าใจเห็นใจคนที่ยากลำบาก ไม่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนอื่น

พ่อแม่เชื่อผิดๆขัดขวางพัฒนาไอคิว-อีคิวเด็ก

        พญ.มธุรดา สุวรรณโพธิ์ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กทม. กล่าวว่า วิธีการเลี้ยงลูกอายุต่ำกว่า 5 ขวบที่จะช่วยกระตุ้นให้เด็กมีไอคิวเต็มศักยภาพ พ่อแม่ต้องใช้วิธีฝึกดังนี้ 1.ฝึกให้เด็กเป็นคนช่างสังเกตเช่นฝึกให้จำแนกความเหมือนความต่างของสิ่งของต่างๆการสังเกตจะช่วยดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเด็กออกมาให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการใช้แก้ปัญหาหรือการหาทางเลือกที่เหมาะสม 2.ฝึกให้เด็กถายทอดจินตนาการความรู้สึกนึกคิดออกมาให้เด็กเกิดทักษะการใช้ภาษาสื่อสารที่ถูกต้อง 3.ฝึกให้เด็กคิดเชื่อมโยงเหตุผลความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆหรือสถานการณตางๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัว 4.ฝึกการทำงานประสานกันของประสาทสัมผัสระหว่างมือและตาซึ่งมีความสำคัญในการแสดงความสามารถทางสติปัญญาในการเรียนรู้ การคิดและการใช้เหตุผลแก้ปัญหา

     ส่วนการพัฒนาอีคิว มีดังนี้ 1.ต้องฝึกให้เด็กรู้จักอารมณ์ตัวเองและการควบคุมอารมณ์เพื่อให้เด็กรู้เท่าทันและไมเก็บกดอารมณ์ความรู้สึกไว้จะช่วยให้เด็กสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเมื่อโตขึ้นรวมทั้งฝึกการควบคุมการเอาชนะความอยาก เช่นอดใจไมรับประทานอาหารที่ทําใหเสียสุขภาพ 2.ฝึกให้เรียนรู้ระเบียบวินัยง่ายๆในชีวิตประจำวัน ให้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด การยอมรับผิดพ่อแม่ควรพูดคุยเรื่องคุณธรรมจริยธรรมในชีวิตประจําวันกับเด็กทุกวัน อาจนำสุภาษิตคําพังเพยในอดีตมาใช้ก็ได้ เด็กจะค่อยๆซึมซับคำสอนเหลานั้นและ 3. ฝึกให้เด็กได้เล่นตามวัยไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนเด็กจะสนุกสนาน มีจิตใจร่าเริงแจ่มใส ซึ่งจะเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ดีสำหรับเด็กโต

พ่อแม่เชื่อผิดๆขัดขวางพัฒนาไอคิว-อีคิวเด็ก

      สำหรับการฝึกทั้งไอคิวและอีคิวในเด็กโตจนถึงวัยรุ่น ขอให้พ่อแม่ใช้หลัก ฉลาด คือ ฉลาดคิด ฉลาดทำ ฉลาดใจ และฉลาดสัมพันธ์ โดยฉลาดคิดฝึกให้เด็กรู้จักการคิดหลากหลายวิธีและเห็นผลที่ตามมา ฉลาดทำพ่อแม่ต้องมอบหมายงานให้เด็กรับผิดชอบเช่นทำงานบ้านเป็นการฝึกให้เด็กรู้จักการวางแผนทำงานให้สำเร็จ ซึ่งเป็นการสร้างความขยันพากเพียร มีวินัยควบคุมตนเองและเรียนรู้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องฉลาดใจโดยการโอบกอดลูก เด็กจะมีพลังใจเข้าใจและรู้วิธีดูแลอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง มีคุณธรรมมองโลกในแง่ดี

      ส่วนฉลาดสัมพันธ์โดยผ่านกระบวนการเล่นทั้งเล่นกับเพื่อนหรือพ่อแม่เล่นกับลูก เพื่อให้เด็กรู้กติกาได้รับความสนุกสนาน จิตใจร่าเริงแจ่มใส เห็นคุณค่าของความสัมพันธ์มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี แบ่งปันช่วยเหลือเข้าใจและรู้วิธีดูแลอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่นทั้งนี้ขอให้พ่อแม่ทุกคนพึงตระหนักว่า“ลูกไมยอมหลนไม่ไกลตน”นั่นคือพอแมคือบุคคลสําคัญที่ลูกจะลอกเลียนแบบ ทั้งการพูดการกระทําของพอแม่จะเปนตัวถายทอดความคิดและคานิยมแทบทุกเรื่องลงสูลูกโดยไม่รู้ตัวแพทย์หญิงมธุรดากล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ