Lifestyle

17วิธีลดการศึกษาเหลื่อมล้ำคนจน-ชนชั้นนำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รสนา โพสต์เฟสบุ๊ก ถามการศึกษาลดเหลื่อมล้ำทำอย่างไร พิภพ ตอบ 17 ข้อ  รสนาเผยแพร่หวังให้ รมว.ศึกษาธิการ และครม.จะนำไปพิจารณาและเลือกเอาไปใช้

 

       รสนา โตสิตระกูล  โฟสต์เฟสบุ้คคำถาม พิภพ ธงไชย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าการศึกษาที่ลดความเหลื่อมล้ำต้องทำอย่างไร  พิภพ ตอบมา 17 ข้อว่า น่าสนใจเลยแชร์มาแบ่งปันให้เพื่อนมิตรได้ประเทืองปัญญา และจะดียิ่งขึ้นถ้ารมว.ศึกษาธิการ และครม.จะนำไปพิจารณาและเลือกเอาไปใช้

...................

    นี่คือข้อความที่ พิภพ ธงไชย ตอบมา... 

เมื่อได้ไลน์เรื่องคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ ม.44 ดึงมหาลัยชั้นนำของโลกมาเปิดในไทย และได้ให้ความเห็นสั้นๆ ตามไปด้วยว่า

     “นี่จะเป็นการศึกษาของชนชั้นนำในอนาคต คนจนก็ยังคงได้รับการศึกษาแบบไร้คุณภาพต่อไป และกลายเป็นเสมียนและชนชั้นผู้ใช้แรงงานต่อไป ความเหลื่อมล้ำก็ยังคงอยู่คู่กับสังคมต่อไปอีกนานเท่านาน”

17วิธีลดการศึกษาเหลื่อมล้ำคนจน-ชนชั้นนำ

     ความคิดแบบนี้ก็เคยเกิดสมัยนายกฯอานันท์ ปันยารชุน ให้เปิดโรงเรียนนานาชาติอย่างอิสระเพิ่มขึ้น รวมถึงมหาวิทยาลัยด้วย เพราะการปฏิรูปการศึกษาโดยกระทรวงศึกษาฯ ทำไม่ได้จากข้างใน เพราะติดระบบราชการ ติดระบบคิด ผ่านมา 20 กว่าปี การศึกษาไทยโดยรวมก็ไม่ดีขึ้น

      มาวันนี้นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันก็ใช้แนวคิดแบบเดิมอีก คือเอาระบบข้างนอกมาแก้ปัญหาข้างใน เพราะไม่มีปัญญาที่จะทำระบบมหาวิทยาลัยในประเทศให้ดีขึ้นได้ ทั่งที่เราก็มีมหาวิทยาลัยนานาชาติ มากมายอยู่แล้ว

        คุณรสนาอ่านไลน์ผมแล้วถามกลับมาว่า แล้วพี่จะเสนออะไร ก็จะลองเสนอดูแบบไวๆและคิดไวๆ มาแลกเปลี่ยนกัน

1.กระจายอำนาจการจัดการศึกษาให้ถึงตัวเด็ก ตัวพ่อแม่เด็กและชุมชน และเอาระบบการศึกษาออกจากระบบราชการ

2.กระจายงบประมาณให้ถึงตัวเด็ก แบบที่ปรากฎในร่าง รธน.ฉบับ ดร.บวรศักดิ์

3.ให้ขนาดโรงเรียนเล็กลง และมีมาตรฐานเดียวกันหมด แบบฟิลแลนด์ และประเทศในยุโรป

4.ให้รับครูที่จบปริญญาตรีทุกสาขา แล้วมาเรียนต่อปริญญาโททางการศึกษา จิตวิทยา และสมอง เพื่อกระจายตัวไปทำงานการศึกษากับเด็ก จะได้ครูที่มีฐานทางวิชาการหลากหลาย

5.หลักสูตรระดับประถมแบ่งเป็น 3 ส่วน 1.หลักสูตรกลางของรัฐ 35 % 2.หลักสูตรชุมชน 35 % 3.หลักสูตรตามความถนัดของเด็ก 35 % ซึ่งข้อกำหนดนี้มีใน รธน.2560 แล้ว เมื่อขึ้นชั้นมัธยม สัดส่วนของหลักสูตรจะเปลี่ยนไป ตามความสนใจและความถนัดของเด็ก

6.ให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลสุขภาพและความเจริญเติบโตของเด็กและแม่ ตั้งแต่เเรกตั้งท้อง

7.ให้กระทรวงศึกษาฯกำหนดหลักสูตรกลาง หลักสูตรเฉพาะ กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ จัดฝึกอบรม ดูแลห้องสมุดทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ดูแลศูนย์เยาวชน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น

8.ให้กระทรวงวัฒนธรรมกับกระทรวง IT.ดูแลสื่อเพื่อการศึกษาทั้งระบบ

9.ให้ BOI.กับการผลิตหนังสือและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการศึกษาทั้งหมด รวมทั้งโรงเรียนด้วย

10.เงินงบประมาณมาจากการปราบคอร์รัปชั่น การปราบยาเสพติด ทั้งหมด ถ้าทำสำเร็จ เงินงบประมาณจะเหลือพอให้เด็กเรียนฟรีทุกระดับ

11.ให้เด็กเรียนฟรีจริงๆ ตามข้อ 2.จนถึงระดับมัธยมและอุดมศึกษา

12.ให้ผู้รู้ หรือปราชญ์ชาวบ้าน พระ ผู้ปลดเกษียณ มีสิทธิเป็นครูทุกคน ให้เด็กเข้าไปเรียนแบบหน่วยกิจได้เฉพาะตัว จะทำให้เรามีครูผู้ชำนาญการเพิ่มขึ้น

13.ให้มีการศึกษาหลายระบบ ที่เรียกว่า“การศึกษาทางเลือก” ให้เด็กเรียนได้หลากหลาย โดยมีงบประมาณถึงตัวเด็กทุกคนทุกระบบ

14.ให้การศึกษา มีความสัมพันธ์ระหว่างสมอง จิตใจ จิตวิทยา กับความรู้ ต้องส่งเสริมให้เกืดระบบนี้ให้ได้

15.รัฐอุดหนุนให้เกิดมหาวิทยาลัยทางเลือก ด้วยระบบภาษี

16.ปฏิรูป 3 เรื่องให้สัมพันธ์กันคือ การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา เหมือนประเทศที่ฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำสำเร็จมาแล้ว

17.จัดการศึกให้เด็กทุกประเภท ผู้ใหญ่ทุกคน แม้แต่คนอยู่ในคุก ที่มีเกือบ 3 แสนคน ให้เป็นคนที่มีคุณภาพ “เปลี่ยนจากชาวบ้านธรรมดา เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ”

สร้างคำขวัญ“เราอยู่แบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว”

ที่เหลือจะทำอะไรอีก ก็ขอให้ช่วยกันเติมเต็ม โดยถือหลักว่า “การศึกษาเป็นของทุกคน”28/5/2560

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ